The Exorcism (2024)
เรื่องย่อ The Exorcism (2024)
The Exorcism (2024) นักแสดงเจ้าปัญหาเริ่มคลายตัวขณะถ่ายทำหนังสยองขวัญเหนือธรรมชาติ ซึ่งทำให้ลูกสาวที่ห่างเหินสงสัยว่าเขาหวนกลับไปสู่การเสพติดในอดีตหรือมีอะไรน่ากลัวกว่านั้นอีก ในนิวยอร์กซิตี้ นักแสดงกำลังตรวจสอบฉากภาพยนตร์สยองขวัญเหนือธรรมชาติเรื่อง The Georgetown Project (คล้ายกับ The Exorcist) เพียงอย่างเดียว สิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นและเขาถูกฆ่าตายอย่างลึกลับ ดูหนังออนไลน์
ผู้กำกับเลือกนักแสดงอายุมากที่ติดแอลกอฮอล์ แอนโทนี่ มิลเลอร์ มาแสดงเป็นนักบวชในภาพยนตร์เรื่องนี้ ลี ลูกสาวของแอนโทนี่ ซึ่งถูกพักงานจากโรงเรียนมัธยมปลาย เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งคู่กำลังฟื้นตัวจากการตายของแม่ของเธอ ภูมิหลังของมิลเลอร์ในฐานะเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศปรากฏออกมา และเขามีปัญหาในการถ่ายทำและนอกสถานที่ ซึ่งมักมีภาพย้อนอดีตเกี่ยวกับการลวนลามของเขา ผู้กำกับพูดคุยถึงการเข้ามาแทนที่เขา และเยาะเย้ยอดีตที่ยุ่งยากของมิลเลอร์และการสูญเสียศรัทธา ลีเริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมแปลกประหลาดของพ่อเธอ รวมถึงการเชือดเฉือนตัวเอง เดินละเมอ และไม่ยอมกินยา
ในขณะเดียวกัน ลีได้ผูกมิตรกับเบลค นักแสดงทีวีชื่อดังที่รับบทเป็นสาวที่ถูกสิงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งสองคนปรึกษาคุณพ่อคอนเนอร์ นักบวชคาทอลิกและจิตแพทย์ที่เป็นที่ปรึกษาให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เกี่ยวกับพฤติกรรมที่น่ากลัวของมิลเลอร์ มิลเลอร์แสดงตนในฉากราวกับถูกครอบงำ โดยบิดตัวและกระแทกหัวลงกับโต๊ะ เขาถูกแทนที่โดยโจ ซึ่งรับบทเป็นนักบวชอีกคน เมื่ออยู่ตามลำพังในกองถ่าย โจมองเห็นภาพหลอนของมิลเลอร์ และถูกกระจกที่กระเด็นออกมาจากกระจกฆ่าตาย ที่บ้าน มิลเลอร์ก็โจมตีลีแล้วกระโดดออกไปนอกหน้าต่าง
คุณพ่อคอนเนอร์ตัดสินใจทำการไล่ผีระหว่างถ่ายทำฉากนี้ ลีพบเขาและเบลคเป็นอัมพาตต่อหน้ามิลเลอร์ที่ถูกสิงอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเยาะเย้ยความพยายามของลีในการใช้หนังสือสวดมนต์ เธอจัดการเผาเขาด้วยไม้กางเขน ซึ่งทำให้คอเนอร์และเบลคเป็นอัมพาต คอเนอร์สุ่มยอมแพ้และเสนอตัวต่อปีศาจ โดยบอกให้สาวๆ วิ่งหนี หลังจากที่คอเนอร์ถูกครอบงำ มิลเลอร์ก็ถูกปลุกให้แทงเขาด้วยไม้กางเขน และใช้พิธีกรรมไล่ผีของหนังสือสวดมนต์อย่างจริงใจในขณะที่ลีก็เข้าร่วมด้วย คอเนอร์ลุกเป็นไฟและปีศาจก็พ่ายแพ้
ผู้กำกับ
โจชัว จอห์น มิลเลอร์
บริษัท ค่ายหนัง
Miramax
Outerbanks Entertainment
นักแสดง
Russell Crowe
Ryan Simpkins
Sam Worthington
Chloe Bailey
Adam Goldberg
Adrian Pasdar
David Hyde Pierce
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
หนังก็ว่าด้วย แอนโทนี่ (Russell Crowe) นักแสดงและมือเขียนบท ในวงการภาพยนตร์ที่กำลังดวงตก แถมเมียก็มาเสียชีวิตกะทันหัน เหตุนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับลูกสาวดูตึงๆ ไม่ลงรอยกันเรื่อยมา และหนังใหม่ที่เขากำลังได้รับบทเป็นตัวเอก ดั้นนน มีบางสิ่งบางอย่างที่ตามเขามาจากงานในกองถ่ายอีก (อะไรมันจะซวยขนาดนี้ละเนี้ย!!)
ก็ต้องยอมรับตามตรงว่าสิ่งที่ดีงามที่สุดของเรื่องคงหนีไม่พ้นการแสดงของ รัซเซล โคล ที่แถบจะแบกหนังทั้งเรื่อง อีกสิ่งก็คงเป็นบรรยากาศภายในเรื่อง ด้วยความที่มันมีดนตรี Score ที่คอยบิ้ว และคงเป็นระบบเสียงของโรงหนังด้วยละมั้ง ฉากเหล่านี้มันเลยทำให้สะดุ้งและหลอนอยู่ไม่น้อย
ความรู้สึกหลังดูคิดว่า หนังไม่ได้ให้ความกระจ่าง
หรือเฉลยที่มาที่ไปของสิ่งลี้ลับในเรื่องเลย คือไม่มีการปูหรือเล่าขยายอะไร ใดใดทั้งสิ้น และคิดว่าตั้งแต่หนังเฉลยว่าตัว แอนโทนี่ กำลังโดนสิงร่างหนังเปลี่ยนโทนเป็นหนังตลกไปเฉย เพราะหลังจากนี้มันเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลของทั้งตัวละครที่เป็นทีมงานในกองถ่าย และตัวลูกสาวของแอนโทนี่ ซึ่งแอดก็ยังคิดว่านี้มัน คศ.ไหนแล้ว การทำหนังผี หรือปีศาจ ยังมีตัวละครที่ทำตรรกะฉลาดน้อยแบบนี้อยู่อีกหรือ จนบทสรุปสุดท้ายที่หนังเลือกมาทางที่ง่ายเกินไปสักหน่อยแต่ใดใดคืออย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตาคุณเอง ใครชอบหนังแนวระทึกขวัญ สั่นประสาท ลองเข้าไปรับชมกันได้ หนังเข้าฉายอยู่ตอนนี้ในโรงภาพยนตร์
The Exorcism (2024)
กำลังฉายอยู่ตอนนี้ในโรงภาพยนตร์
– ตอนเห็นโปสเตอร์หนังน่ะนะ นึกว่านี่คือภาคต่อของ The Pope’s Exorcist ที่ฉายเมื่อปีก่อน แล้วก็ไม่ดูตัวอย่างหนังด้วยนะ ซื้อตั๋วเข้าโรงดูเลย ไม่รู้เอาความมั่นใจนี้มาแต่ไหน ซึ่งมันไม่ใช่ไง มันไม่ใช่ 😩😓
– ส่วนหนังน่ะนะ นอกจาก Russell Crowe ถูกสิงนี่ก็ไม่เข้าใจอะไรอีกแล้ว / flashback ในเรื่องหมายถึงอะไรก็ไม่เข้าใจ / เอาพี่ Sam Worthington มาเล่นอะไรในเรื่องก็ไม่เข้าใจ / ยิ่งปีศาจในเรื่องยิ่งแล้วใหญ่ แกมาเอาอะไรอะ งงมาก งงไปหมด 🥺
– แล้วจะว่าน่ากลัวมั้ย? ก็มีฉากกระตุกอยู่สองสามที แต่อย่างที่บอกว่าความไม่เข้าใจมันมีเยอะมากจนกลบความน่ากลัวไปหมด เฮ้ออออ ท้อแทร่
สรุปคือออกจากโรงมาแบบงงๆ
แต่ถ้าคุณน้าชอบหรือดูแล้วเก็ท ก็ดีใจด้วยนะคะ หนังแบบนี้มันอาจเป็นทางของคุณน้าแล้วค่ะ ส่วนเราขอบายยยย
การทำหนังเรื่องหนึ่งว่ายากแล้ว แต่การทำหนังที่ซ่อนเมสเสจอื่นเอาไว้ภายใต้หน้าหนังที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงนั้นดูจะยากกว่า และสิ่งนี้คือสิ่งที่ The Exorcism (2024) ทำ
.
และนั่นก็ทำให้การรีวิวนี้ทำได้ยากตามไปด้วย
.
ในฐานะหนัง Horror นี่คือหนังที่นำเสนอความสะพรึงกลัวแบบ Terrified และความรู้สึกไม่ปลอดภัย (Insecure) ได้อย่างเข้มข้น กดดัน และหนักหน่วงเสียจนเรารู้สึกหวาดหวั่นไปกับเหตุการณ์ตรงหน้า มากกว่าการนำเสนอความสยองขวัญชวนขนหัวลุก (Haunted)
.
ยิ่งไปกว่านั้น The Exorcism ยังเลือกใช้การดำเนินเรื่องที่เรียบง่าย ไม่เน้นความหวือหวาเร้าใจ บวกกับตรรกะและการกระทำของตัวละครที่บางครั้งชวนให้เราตั้งคำถาม ไปจนถึงการเล่าเฉพาะส่วนทีต้องการเล่า และ “ละ” บางประเด็นเอาไว้ จึงเป็นจุดอ่อนที่อาจทำให้หลายคนไม่ชอบหนังเรื่องนี้ได้
.
แต่ถึงอย่างนั้น เรากลับชอบรสชาติที่ The Exorcism นำเสนอ การที่หนังเปิดโอกาสให้เราได้คิด ได้ตีความ และเก็บเล็กผสมน้อยจาก Clue ต่างๆ ที่ถูกหย่อนไว้ระหว่างทางราวกับขนมปังของแฮนเซลและเกรเทล มันทำให้เรารู้สึกมีส่วนร่วมกับหนังมากกว่า เพราะในชีวิตจริง โลกก็ไม่ได้เฉลยคำตอบให้กับเราไปซะทุกเรื่อง
.
7.5 คะแนนในฐานะหนัง Horror
.
แต่ถ้าเรามองลึกลงไปถึงเมสเสจที่ The Exorcism ซ่อนเอาไว้แล้วล่ะก็… (เนื้อหาต่อไปนี้มีสปอยล์)
“The psychological drama that’s wrapped with horror”
นี่คือคำที่เราขอยกมานิยาม The Exorcism (อ้างอิงจากบทพูดของตัวละครหนึ่งในเรื่อง แต่อาจจะไม่ตรงเป๊ะ 100%)
.
เพราะหนังเรื่องนี้สามารถทำหน้าที่ในการถ่ายทอด Hidden message ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
.
สิ่งที่สิงสู่เพื่อกลืนกินชีวิตและพลังงานลบในจิตใจของมนุษย์ แล้วเปลี่ยนพลังงานนั้นมาเป็นพลังอำนาจของตัวมันเองอย่าง “ปีศาจ” กลับมีความน่ากลัวน้อยกว่า “มนุษย์” เดินดินธรรมดาๆ เพราะมนุษย์นี่แหละที่เป็นคนลงมือผลักมนุษย์ด้วยกันเองให้ร่วงหล่นลงสู่หุบเหวของความสิ้นหวัง
.
สำหรับคนหนึ่งคนที่ชีวิตพังทลาย และความหวังเพียงหนึ่งเดียวคือการกลับตัวกลับใจเพื่อให้ชีวิตกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง โดยการทุ่มเทความพยายามทั้งหมดไปกับโอกาสที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวนี้
.
แต่คนคนนี้กลับแวดล้อมไปด้วยบุคคลที่คอยขุดความทรงจำอันเลวร้าย ขยี้บาดแผลในจิตใจให้กระบวนการรักษาหยุดชะงัก ร่วมกับสายตาดูแคลนและไม่เชื่อถือว่าจะเปลี่ยนแปลงได้จากคนใกล้ชิด สิ่งแวดล้อมเหล่านี้คือตัวเร่งปฏิกิริยาให้คนคนหนึ่งแหลกสลายอย่างสมบูรณ์ในเวลาเพียงไม่นาน
.
และหนังเรื่องนี้ก็ทำให้เรารับรู้ได้ถึงความโหดร้ายนี้ตลอดทาง
.
ดังนั้นหากมองในมุมนี้ The Exorcism ก็นับว่าทำออกมาได้ดีเหลือเกิน
ความเจ็บปวดและความโดดเดี่ยวที่เราสัมผัสได้ มันทำให้เราอยากดึงตัวละครมากอดแล้วบอกว่าคุณเก่งมากแล้ว และคุณยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเอาตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่โคตร Toxic ขนาดนี้ เพราะแค่นี้ความตั้งใจของคุณก็สื่อออกมาจนเรารับรู้ได้เป็นอย่างดี
.
9/10 สำหรับการเป็น Psychology Drama
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Tarot (2024) ทาโร่ต์ ไพ่เรียกผี
8.3