แนะนำหนัง  จูราสสิค พาร์ค Jurassic Park

Jurassic Park 1 (1993)

เรื่องย่อ

เป็นภาพยนตร์ผจญภัยแนววิทยาศาสตร์ที่โดดเด่นในปี 1993 กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้เป็นตำนาน ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากนวนิยายของไมเคิล ไครชตัน โดยจะนำผู้ชมไปสู่การเดินทางที่น่าตื่นเต้นและแหวกแนวไปสู่โลกที่ไดโนเสาร์ฟื้นคืนชีพด้วยเทคโนโลยีทางพันธุกรรมที่ล้ำสมัยเรื่องย่อ:เรื่องราวเกี่ยวกับจอห์น แฮมมอนด์ ซึ่งรับบทโดยเซอร์ริชาร์ด แอทเทนโบโรห์ นักธุรกิจผู้มั่งคั่งที่ตระหนักถึงความฝันตลอดชีวิตของเขาในการสร้างสวนสนุกไดโนเสาร์บนเกาะห่างไกลที่ชื่อว่าอิสลานูบลาร์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้เขาและทีมได้โคลนไดโนเสาร์โดยใช้ DNA ที่เก็บรักษาไว้ เมื่อใกล้ถึงวันเปิดทำการของอุทยาน แฮมมอนด์จะเชิญกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและลูกหลานของเขามาสัมผัสประสบการณ์ในสวนโดยตรง อย่างไรก็ตาม เมื่อไฟฟ้าขัดข้อง ประชากรยุคก่อนประวัติศาสตร์ก็จะถูกปล่อยปละละเลย และความโกลาหลก็บังเกิดตามมา ภาพยนตร์เรื่องนี้ติดตามการต่อสู้อันสิ้นหวังของกลุ่มเพื่อความอยู่รอด เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่น่าเกรงขามและอันตรายซึ่งครั้งหนึ่งเคยครองโลก

ได้รับการยกย่องจากการใช้ภาพที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ (CGI) และแอนิเมชั่นทรอนิกส์อย่างก้าวล้ำ ไดโนเสาร์ รวมถึงไทรันโนซอรัส เร็กซ์ ที่ได้รับการฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยความสมจริงในระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในโรงภาพยนตร์ ซึ่งเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมไปตลอดกาลความตึงเครียดและความลุ้นระทึก: สปีลเบิร์กสร้างความตึงเครียดและความลุ้นระทึกตลอดทั้งเรื่องได้อย่างเชี่ยวชาญ ทำให้ผู้ชมแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ในระหว่างการเผชิญหน้ากับไดโนเสาร์และฉากการไล่ล่าที่เข้มข้นวิทยาศาสตร์และจริยธรรม: ภาพยนตร์เรื่องนี้สำรวจประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรมของพันธุวิศวกรรมและผลที่ตามมาของการเล่นกับพลังแห่งธรรมชาติ ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความรับผิดชอบของการค้นพบทางวิทยาศาสตร์และศักยภาพของผลที่ตามมาโดยไม่ตั้งใจทีมนักแสดงที่แข็งแกร่ง: ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอทีมนักแสดงที่มีพรสวรรค์ รวมถึงแซม นีลล์, ลอร่า เดิร์น, เจฟฟ์ โกลด์บลัม และริชาร์ด แอทเทนโบโรห์ที่กล่าวมาข้างต้น การแสดงของพวกเขามีส่วนช่วยในการพัฒนาอารมณ์และตัวละครของภาพยนตร์เรื่องนี้

ผลกระทบและการรับสัญญาณ: Jurassic Park 1 (1993) จูราสสิค ปาร์ค 1 กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์ ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จทางการค้าอย่างมาก แต่ยังเป็นชัยชนะครั้งสำคัญอีกด้วย ได้รับรางวัลออสการ์ถึง 3 รางวัลจากความสำเร็จด้านเทคนิคและทิ้งร่องรอยไว้ในวัฒนธรรมสมัยนิยมอย่างไม่มีวันลบเลือน มันสร้างแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จด้วยภาคต่อ สถานที่ท่องเที่ยวในสวนสนุก และมรดกที่ยังคงดึงดูดผู้ชมมาจนถึงทุกวันนี้บทสรุป: “Jurassic Park” (จูราสสิค ปาร์ค) คือผลงานชิ้นเอกด้านภาพยนตร์ที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ของการสร้างภาพยนตร์ไปตลอดกาล ด้วยเอฟเฟกต์ภาพที่แหวกแนว การเล่าเรื่องที่น่าตื่นเต้น และธีมที่กระตุ้นความคิด เกมนี้ยังคงเป็นเกมคลาสสิกยอดนิยมที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความทึ่งและความประหลาดใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชื่นชอบไดโนเสาร์ แฟนพันธุ์แท้ของการผจญภัยอันน่าตื่นเต้น หรือเพียงต้องการสัมผัสประสบการณ์ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ “Jurassic Park” คือภาพยนตร์ที่ต้องชมซึ่งยังคงยืนหยัดผ่านการทดสอบของกาลเวลา

Jurassic Park 3 (2001) ไดโนเสาร์พันธุ์ดุ

Jurassic Park III ออกฉายในปี 2544 แล้วก็ดูแลโดยโจ จอห์นสตัน เป็นภาคลำดับที่สามของแฟรนไชส์ภาพยนตร์มีชื่อเสียงอย่าง Jurassic Park ภาคนี้ไม่เหมือนกับภาคก่อน โดยแยกจากฉากเกาะ Isla Nublar โดยเลือกเกาะ Isla Sorna ที่อันตรายรวมทั้งลึกลับแทน ภาพยนตร์ประเด็นนี้พรีเซนเทชั่นการเสี่ยงภัยที่ตื่นเต้นตื่นเต้นซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตสมัยก่อนประวัติศาสตร์ อันตรายที่ไม่ได้นึกฝัน รวมทั้งการต่อสู้เพื่อความมีชีวิตรอดอย่างไม่หยุดยั้ง พล็อตเรื่องมีศูนย์กลางอยู่ที่ Dr. Alan Grant ซึ่งเล่นบทโดย Sam Neill ผู้ซึ่งถูกดึงกลับไปสู่โลกของไดโนเสาร์อย่างไม่เต็มใจ Grant นักบรรพชีวินวิทยาถูกลวงล่อไปยัง Isla Sorna โดยคู่สมรสผู้มีอันจะกิน Paul รวมทั้ง Amanda Kirby (สวมบทบาทโดย William H. Macy และก็ Téa Leoni) ภายใต้หน้ากากของการทัวร์ทางอากาศตามธรรมดา อย่างไรก็ดี สิ่งต่างๆกลับห่วยลงอย่างเร็วเมื่อเห็นได้ชัดว่าครอบครัวเคอร์บี้มีวาระซุกซ่อนสำหรับการตามหาลูกชายที่หายไปซึ่งล่องหนไปบนเกาะภายหลังอุบัติเหตุพาราเซล

ในช่วงเวลาที่กรุ๊ปเดินทางลงสู่เกาะที่เต็มไปด้วยอันตราย เห็นได้ชัดว่าการเดินทางของพวกเขาเต็มไปด้วยอันตราย กระทำการของ InGen ที่เคยสงบบน Isla Sorna ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ทำให้เกิดโลกที่ไดโนเสาร์เดินเตร่อย่างอิสระ ภาพยนตร์ประเด็นนี้ชี้แนะไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่มากมายสายพันธุ์ รวมทั้งสไปโนซอรัสผู้น่าขนลุก ซึ่งตั้งตัวเองเองขึ้นมาอย่างเร็วในฐานะศัตรูที่น่าเคารพและไม่ยอมหยุด บังแม้กระทั้งครั้งเร็กซ์ผู้มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่องก่อนๆJurassic Park III ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความเครียดรวมทั้งความข้องใจ ภาพยนตร์ประเด็นนี้มีฉากแอ็กชั่นที่เข้มข้น โดยผู้แสดงจำเป็นต้องพบเจอกับภัยรุกรามจากชาวเกาะอยู่เสมอเวลา ภูมิทัศน์อันเขียวชอุ่มรวมทั้งเปลี่ยวเปลี่ยนเป็นอีกทั้งเบื้องหลังที่น่าทึ่งรวมทั้งเป็นฉากที่หักหลังสำหรับในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของนักแสดง สเปเชียลเอฟเฟ็กต์ซึ่งเป็นจุดแข็งของแฟรนไชส์ Jurassic Park ได้รับการเชิดชูอีกรอบ โดยการทำให้ไดโนเสาร์มีชีวิตขึ้นมาด้วยความสมจริงสมจังที่น่าทึ่ง

ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของภาพยนตร์ประเด็นนี้อยู่ที่การพัฒนานักแสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพัฒนาการของดร.อลัน เอ็งรนท์ แซม นีลล์กลับมาเล่นบทของเขาอีกทีด้วยความลึกล้ำและก็สมจริงสมจัง โดยเสนอนักแสดงในเวอร์ชันที่มีความยืดหยุ่นและก็รู้มากมากยิ่งขึ้น ภาพยนตร์หัวข้อนี้ตรวจความหวาดกลัวรวมทั้งความอ่อนแอของเอ็งรนท์ในระหว่างที่เขาเจอหน้ากับนักล่าที่ไม่หยุดยั้ง โดยชี้ให้เห็นด้านมนุษย์ของการเล่าเรื่องท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในสมัยก่อนประวัติศาสตร์การเปิดตัวของ Kirbys ช่วยเพิ่มความสลับซับซ้อนให้กับพล็อตเรื่อง การตามหาลูกชายอย่างท้อใจนำมาซึ่งการเสี่ยงทางอารมณ์ โดยเพิ่มส่วนประกอบของคนเราเข้าไปในเรื่องราวการเอาตัวรอด William H. Macy รวมทั้ง Téa Leoni พรีเซ็นท์การแสดงที่เชื่อได้ โดยใส่อีกทั้งอารมณ์ขันและก็ความเคร่งเครียดเข้าไปสำหรับการเล่า

ในขณะจูราสสิก พาร์ค 3 ได้รับข้อวิจารณ์ที่นานาประการจากนักวิพากษ์วิจารณ์ โดยบางบุคคลกล่าวถึงว่ารันไทม์ค่อนข้างจะสั้นรวมทั้งคิดว่ายังขาดความลึกเมื่อเทียบกับภาคก่อน แม้กระนั้นภาพยนตร์หัวข้อนี้ก็ไปถึงเป้าหมายในบ็อกซ์ที่ทำงาน ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมของแฟรนไชส์สำหรับการพรีเซนเทชั่นการเผชิญหน้าไดโนเสาร์ที่น่าระทึกใจแล้วก็ฉากแอ็กชันที่แทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ ทำให้ผู้ชมพึงใจที่ขะมักเขม้นที่จะเดินทางสู่โลกของไดโนเสาร์ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขกรรมพันธุ์อีกรอบโดยสรุปแล้ว Jurassic Park III บางครั้งก็อาจจะมิได้รับเสียงติชมจากภาคก่อนๆแต่ว่าสามารถรักษาจิตวิญญาณที่การเสี่ยงภัยรวมทั้งอันตรายของแฟรนไชส์ได้เสร็จ การประสมประสานระหว่างการเล่าเรื่องที่น่าคลั่งไคล้ สเปเชียลเอฟเฟ็กต์ที่น่าประทับใจ รวมทั้งนักแสดงที่น่าจำของภาพยนตร์หัวข้อนี้ มีส่วนทำให้ภาพยนตร์ประเด็นนี้เป็นส่วนเสริมที่คู่ควรแก่ตำนาน Jurassic Park สำหรับแฟนคลับของซีรีส์นี้ Jurassic Park III เสนอการเดินทางที่ทำให้หัวใจเต้นแรงรวมทั้งตื่นตาตื่นใจในโลกที่ไดโนเสาร์ครอบครองโลกอีกรอบ

Jurassic Park 2 The Lost World (1997) ใครว่ามันสูญพันธุ์

เรื่องย่อ

ใครว่ามันสูญพันธุ์ ปีให้หลังเมื่อจูราสสิคพาร์คถูกทำลาย บนเกาะที่ไม่ห่างไกลนักไดโนเสาร์จำนวนมากสามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างลับๆเและเป็นอิสระ แต่เรื่องร้ายแรงกำลังจะเกิดขี้น มันคือเแผนการโยกย้ายไดโนเสาร์สู่กลางเมืองใหญ่ จอห์น แฮมมอนต์(รับบทโดยริชาร์ด แอทเทนเบอโรห์)ผู้ลงจากตำแหน่งประธานบริษัท InGen พบโอกาสในการไถ่ถอนความผิดเมื่อคราวสร้างความหายนะในจูราสสิค พาร์ค จึงส่งเอียน มัลคอล์ม(เจฟฟ์ โกลด์บลัม)ไปยังเกาะดังกล่าวก่อนกลุ่มคนร้ายจะไปถึง ณ ที่นั้นคนสองกลุ่มเผชิญหน้ากันและร่วมกันผจญกับความหฤโหดของสิ่งมีชีวิตล้านปี เพื่อความอยู่รอดพวกเขาต้องรวมตัวกันเป็นทีมฝ่าอันตราย พวกเขาจะต้องเอาชีวิตรอดและหนีออกจากเกาะแห่งนั้นให้จงได้ปีที่ผ่านมาเมื่อจูราสสิคพาร์คถูกทำลาย บนเกาะที่ไม่ไกลห่างนักไดโนเสาร์จำนวนหลายชิ้นสามารถดำเนิน

ชีวิตอยู่อย่างลับๆเและมีอิสรภาพ แต่ว่าเรื่องรุนแรงกำลังจะกำเนิดขี้น มันเป็นเแผนการเคลื่อนย้ายไดโนเสาร์สู่กลางเมืองใหญ่ จอห์น หมูแฮมมอนต์(รับบทบาทโดยริชาร์ด แอทเทนเบอโรห์)ผู้ลงจากตำแหน่งประธานบริษัท InGen เจอช่องทางสำหรับในการไถ่คืนความผิดพลาดเมื่อคราวสร้างความล่มจมในจูราสสิค พาร์ค ก็เลยส่งเบื่อ มัลคอล์ม(เจฟฟ์ โกลด์บลัม)ไปยังเกาะดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วก่อนกลุ่มของผู้คนร้ายจะไปถึงในที่นั้นคนสองกรุ๊ปประจันหน้ากันรวมทั้งด้วยกันผจญกับความหฤโหดของสิ่งมีชีวิตล้านปี เพื่อความมีชีวิตรอดพวกเขาจำต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มฟันฝ่าอันตราย พวกเขาจำเป็นที่จะต้องเอาชีวิตรอดรวมทั้งหนีออกมาจากเกาะที่นั้นให้ควรได้

“Jurassic Park: The Lost World” กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก และออกฉายในปี 1997 เป็นภาคต่อที่น่าตื่นเต้นของ “Jurassic Park” ที่แหวกแนว อิงจากนวนิยายชื่อเดียวกันของไมเคิล ไครชตัน ภาพยนตร์เรื่องนี้นำผู้ชมกลับสู่โลกของไดโนเสาร์ดัดแปลงพันธุกรรม โดยสำรวจผลที่ตามมาของมนุษย์ที่พยายามควบคุมธรรมชาติ KUBHD ดูหนังออนไลน์ Jurassic Park 2 The Lost World (1997) เต็มเรื่อง แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้สูงเท่ากับภาคก่อน แต่ “The Lost World” มอบการผจญภัยอันน่าหลงใหลด้วยการเผชิญหน้ากับไดโนเสาร์ที่เข้มข้นและธีมที่กระตุ้นความคิดเรื่องราวดำเนินไปไม่กี่ปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก โดยดร.เอียน มัลคอล์ม นักทฤษฎีความโกลาหล รับบทโดยเจฟฟ์ โกลด์บลัม ตกลงอย่างไม่เต็มใจที่จะไปเยือนเกาะอิสลา ซอร์นา เกาะแห่งที่สองซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ไดโนเสาร์ คราวนี้ เดิมพันจะสูงขึ้นเมื่อทีม รวมทั้งมัลคอล์ม  มุ่งหน้าไปยังเกาะเพื่อทำการวิจัย อย่างไรก็ตาม ภารกิจกลับกลายเป็นอันตรายเมื่อพวกเขาค้นพบกลุ่มคนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากไดโนเสาร์เพื่อหากำไร ซึ่งนำไปสู่การต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดอย่างสิ้นหวัง

จุดแข็งประการหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้คือวิวัฒนาการของปรากฏการณ์ไดโนเสาร์ การเปิดตัวสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ผู้น่ากลัวและเวโลซีแรปเตอร์ที่ชาญฉลาด มอบความท้าทายครั้งใหม่ให้กับตัวละครและรักษาความระทึกใจเอาไว้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในด้านวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ ซึ่งทำให้ไดโนเสาร์มีชีวิตขึ้นมาด้วยความสมจริงในระดับที่แหวกแนวในยุคนั้นสปีลเบิร์กแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านฉากแอ็กชั่นและฉากแอ็กชั่นของเขาอีกครั้ง ฉากอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น รถพ่วงที่ห้อยอยู่เหนือหน้าผาและการเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือดกับแร็พเตอร์ส์ แสดงให้เห็นความสามารถของสปีลเบิร์กในการสร้างความตึงเครียดและส่งมอบช่วงเวลาที่หัวใจเต้นแรง การตัดสินใจของผู้กำกับที่จะขยายฉากแอ็คชั่นไดโนเสาร์ให้เกินขอบเขตของอุทยาน ช่วยเพิ่มความรู้สึกถึงอันตรายและความหวาดกลัวในยุคแรกเริ่มที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตยุคก่อนประวัติศาสตร์เหล่านี้

Jurassic World (2015) จูราสสิค เวิลด์

เรื่องย่อ

จูราสสิค เวิลด์ กว่า 22 ปีที่เรารอคอย บัดนี้สวนสนุกไดโนเสาร์เต็มรูปแบบที่เดียวในโลกได้เปิดให้บริการแล้ว! ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ “จูราสสิค เวิล์ด” สวนสนุกที่อัดแน่นด้วยสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่กลับมาโลดแล่นพร้อมเขย่าขวัญทุกคนอีกครั้ง … หลังจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญใน “จูราสสิค พาร์ค” เมื่อปี 1993 กลับมาคราวนี้ “จูราสสิค เวิล์ด”ถูกเปลี่ยนทั้งโฉมหน้าและเจ้าของ เมื่อ Masrani Global Corporation ได้เข้ามากุมบังเหียนขับเคลื่อนสวนสนุก พวกเขาต้องพบกับวิกฤติยอดผู้มาท่องเที่ยวตกต่ำลง ทำให้พวกเขาคิดหา “สิ่งดึงดูดใจ” ใหม่ขึ้นมาแทน นำไปสู่การสร้างไดโนเสาร์ลูกผสมที่ถูกตัดแต่งพันธุกรรมอย่าง “อินโดไมนัส เร็กซ์” ขึ้น แต่เหตุการณ์ทุกอย่างกลับเลวร้ายเมื่อ “เจ้าหล่อน” กลับหลุดออกจากกรงและพร้อมขย้ำทุกสิ่งที่ขยับได้! “จูราสสิค เวิล์ด” ยกระดับความอันตรายและความโหดของเหล่าไดโนเสาร์ที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน บอกได้อย่างเดียวว่า งานนี้ขอเพียงวิ่งหนีให้รอดเท่านั้น!

Jurassic World เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นนิยายวิทยาศาสตร์อเมริกันปี 2015 กำกับโดย Colin Trevorrow ผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับ Rick Jaffa, Amanda Silver และ Derek Connolly จากเรื่องราวของ Jaffa และ Silver ถือเป็นภาคแรกของไตรภาค Jurassic World และ ภาคที่สี่โดยรวมในซีรีส์ภาพยนตร์ Jurassic Park ต่อจาก Jurassic Park III (2001) ภาพยนตร์นำแสดงโดยคริส แพรตต์, ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด, วินเซนต์ ดี’โอโนฟริโอ, ไท ซิมป์กินส์, นิค โรบินสัน, โอมาร์ ซี, บีดี หว่อง และอีร์ฟาน ข่าน หว่องกลับมาแสดงบทบาทของเขาจากภาพยนตร์ต้นฉบับเรื่องJurassic Park Jurassic World เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ใน Jurassic Park 22 ปี บนเกาะ Isla Nublar ซึ่งตั้งอยู่นอกชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของคอสตาริกา สวนสนุกไดโนเสาร์โคลนที่ประสบความสำเร็จซึ่งมีชื่อว่าจูราสสิคเวิลด์เปิดดำเนินการบนเกาะแห่งนี้มาหลายปีแล้ว ทำให้ความฝันของจอห์น แฮมมอนด์เป็นจริง สวนสนุกแห่งนี้ตกอยู่ในความสับสนอลหม่านเมื่อไดโนเสาร์แปลงพันธุ์หนีออกจากกรงและออกอาละวาด ขณะเดียวกันการสมรู้ร่วมคิดที่จัดทำโดยเจ้าหน้าที่ของอุทยานก็ก่อให้เกิดอันตรายมากยิ่งขึ้น

สองลูกพี่ลูกน้องแซคแล้วก็เกรย์ ไม่ทเชลล์ไปเยี่ยมดูสวนสนุกไดโนเสาร์ในเกาะอิสลา นูบลาร์ในตอนวันหยุดหน้าหนาว โดยมีแคลร์ เดียริ่ง ป้าซึ่งเป็นมารดาของพวกเขาเป็นผู้จัดการข้างปฏิบัติงาน แคลร์มอบหมายให้ผู้ช่วยของคุณซาร่าเป็นไกด์ให้พวกเด็กๆแม้กระนั้นพวกเขาก็หลีกเลี่ยงคุณรวมทั้งออกตรวจสอบด้วยตัวเองที่อื่นๆบนเกาะ โอเวน เกรดี้ ทหารที่เคยออกรบแล้วก็นักชาติพันธุ์วิทยาของกองทัพเรือกำลังฝึกฝนกลุ่มเวโลสิแรปเตอร์ซึ่งมีบลู ชาร์ลี เดลต้า แล้วก็เอคโค่ รวมทั้งค้นคว้าข้อมูลข่าวกรองของพวกเขา จากความรู้ความเข้าใจของแร็พเตอร์สำหรับในการกระทำตามคำบัญชา วิค ฮอสรับประทานส์ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของ InGen มั่นใจว่าสัตว์พวกนี้สามารถใช้เป็นอาวุธได้ ซึ่งเป็นความคิดที่โอเว่นและก็ผู้ช่วยของเขา กางร์รี ต้านทานอย่างหนัก

ภาพยนตร์แอ็คชั่นนิยายวิทยาศาสตร์ จูราสสิค เวิลด์ ก่อนเปิด แคลร์รวมทั้งผู้ครอบครองสวน ไซมอน มาสรานี ตรวจสอบสถานที่เที่ยวที่ใหม่ปัจจุบันของสวน โน่นเป็น อินโดไม่นัส เร็กซ์ ไดโนเสาร์ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขกรรมพันธุ์ที่ผลิตขึ้นโดยนักพันธุศาสตร์ ดร. เฮนรี หวู่ มาสรานีมอบหมายให้โอเว่นประเมินความปลอดภัยของตู้ โอเว่นเตือนแคลร์ว่าอินโดไม่นัสไม่มีทักษะทางด้านสังคม ทำให้มีการเกิดอันตรายรวมทั้งคาดคะเนมิได้กว่า 22 ปีที่พวกเรารอ เวลานี้สวนสนุกไดโนเสาร์เต็มต้นแบบแห่งเดียวของโลกได้เปิดให้บริการแล้ว! ขอต้อนรับทุกคนไปสู่ “จูราสสิค เวิล์ด” สวนสนุกที่อัดแน่นด้วยสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่กลับมาโลดแล่นพร้อมเขย่าขวัญทุกคนอีกที … ภายหลังสถานะการณ์สะเทือนใจใน “จูราสสิค พาร์ค” เมื่อปี 1993 กลับมาโอกาสนี้ “จูราสสิค เวิล์ด” ถูกเปลี่ยนแปลงอีกทั้งใบหน้ารวมทั้งผู้ครอบครอง เมื่อ Masrani Global Corporation ได้เข้ามาจับบังเหียนเคลื่อนสวนสนุก

Jurassic World 2 Fallen Kingdom (2018) จูราสสิค เวิลด์ 2 อาณาจักรล่มสลาย

เรื่องย่อ

Claire Dearing นางเอกสาวส้นสูงของเราผู้เป็นคนก่อตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาที่ชื่อว่า “Dinosaur Protection Group” หรือแปลได้ว่า “กลุ่มผู้คุ้มครองพิทักษ์ไดโนเสาร์” ที่ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่มีการปรากฏตัวของตัวละครหน้าใหม่ที่รับบทโดย Daniella Pineda และ Justice Smith ภารกิจของพวกเขาต้องยากยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขาต้องหาทางอพยพเหล่าไดโนเสาร์ออกจากเกาะ หลังจากการตื่นขึ้นของภูเขาไฟยักษ์ ที่จะคร่าชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนเกาะและทำให้เกาะแห่งนี้ลุกเป็นไฟ เธอจึงจำต้องกลับไปขอความช่วยเหลือจากคนรักเก่าของเธออย่าง Owen Grady พระเอกสุดเท่ผู้คุยกับไดโนเสาร์รู้เรื่องให้กลับมาช่วยเธออีกครั้งหนึ่งเป็นภาพยนตร์ผจญภัยแนววิทยาศาสตร์ที่กำกับโดย J.A. บาโยน่า. เปิดตัวในปี 2018 เป็นภาคต่อของ “Jurassic World” (2015) ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และเป็นภาคที่ 5 ของซีรีส์ภาพยนตร์ “Jurassic Park”

Jurassic World 2 Fallen Kingdom (2018) จูราสสิค เวิลด์ 2 อาณาจักรล่มสลาย Claire Dearing นางเอกสาวส้นสูงของเราผู้เป็นคนก่อตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาที่ชื่อว่า “Dinosaur Protection Group” หรือแปลได้ว่า “กลุ่มผู้คุ้มครองพิทักษ์ไดโนเสาร์” ที่ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่มีการปรากฏตัวของตัวละครหน้าใหม่ที่รับบทโดย Daniella Pineda และ Justice Smith ภารกิจของพวกเขาต้องยากยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขาต้องหาทางอพยพเหล่าไดโนเสาร์ออกจากเกาะ หลังจากการตื่นขึ้นของภูเขาไฟยักษ์ ที่จะคร่าชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนเกาะและทำให้เกาะแห่งนี้ลุกเป็นไฟ เธอจึงจำต้องกลับไปขอความช่วยเหลือจากคนรักเก่าของเธออย่าง Owen Grady พระเอกสุดเท่ผู้คุยกับไดโนเสาร์รู้เรื่องให้กลับมาช่วยเธออีกครั้งหนึ่ง

โดยสรุป Jurassic World 2 Fallen Kingdom (2018) จูราสสิค เวิลด์ 2 อาณาจักรล่มสลาย สำรวจดินแดนใหม่ภายในจักรวาล “Jurassic Park” นำเสนอประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรมและเพิ่มเดิมพันสำหรับอนาคตของมนุษย์และไดโนเสาร์ที่อยู่ร่วมกันในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลด้วยการทดลองทางพันธุกรรม ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จในการวางรากฐานสำหรับบทต่อไปของเทพนิยายนี้ ทำให้แฟนๆ ต่างตั้งตารอวิวัฒนาการของโลกจูราสสิกอย่างใจจดใจจ่อ

รีวิวหนัง

Nerddo

Jurassic Park 1 (1993)– กลับมาเอาใจแฟน แต่ ‘ความคาดหวัง’ คือปัญหา!
รีวิวJurassic Park 1 (1993)
รีวิวสั้น: จากแฟรนไชส์หนัง “Jurassic Park” ที่เป็นความทรงจำ และแรงบันดาลใจของเด็กยุค 90s ซึ่งได้โอกาสมาเชื่อมต่อกับไตรภาคชุดใหม่ “Jurassic World” ที่เกิดมาด้วยแนวคิดของการสร้างบทสรุป ‘มหากาพย์ไดโนเสาร์คืนชีพ’ สุดแสนประทับใจ แต่เรากลับพบว่าดันกลายเป็น Dead End มากกว่าจะเรียก Perfect Ending
ซึ่งไม่ว่าคุณจะคิดแบบเราหรือไม่ ถ้ามองกันด้วยประชามติแล้ว “Jurassic World: Dominion” ก็น่าจะเป็นหนังภาคที่รีวิวออกมาเสียงแตกมากที่สุด จากในแฟรนไชส์ที่มีช่วงอายุยาวนานถึง 29 ปี หนังเรื่องนี้สามารถเรียกได้ว่า เป็นความพยายามในการสร้าง “แฟนเซอร์วิส..ที่มากเกินไป” โดยเริ่มตั้งแต่การ Reunion ของ 3 นักแสดงที่เป็นผู้สร้างตำนานให้กับหนังชุดนี้อย่าง “Sam Neill”, “Jeff Goldblum” และ “Laura Dern” ที่ถือเป็นการรวมตัวกันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1993 ที่ Jurassic Park ได้ออกฉาย (เนื่องจากที่ The Lost World มีเพียง Jeff Goldblum ที่กลับมา, ส่วนใน JP3 ก็มีตัวละครหลักเพียง Sam และ Laura ที่เรียกว่าเป็น Supporting มากกว่า)
ซึ่งถ้าหนังต้องการหวังพึ่งเพียงบารมีของตัวละครกลุ่มดั้งเดิม ก็คงทำให้ความเป็น Jurassic World นั้นเบาบางลงไป จึงจะต้องมีการขีดเส้นเรื่องของตัวละครในแฟรนไชส์ใหม่อย่าง “Chris Pratt” และ “Bryce Dallas Howard” เข้ามาผสาน เพียงแต่พอมารวมกัน มันก็ไม่แนบเนียนสักทีเดียว
เพราะเดิมที ที่โครงสร้างของหนัง Jurassic World มันขาดความแข็งแรงมาแต่ภาคแรก กับการสร้างบรรยากาศเดิม ๆ แต่เล่าในมุมมองใหม่ ๆ ต่อเนื่องด้วย Plot Twist ที่มีผลสั่นคลอนต่อความรู้สึกคนดูในภาคที่สอง ที่ส่วนตัวมองว่า นับเป็นการเปิดโอกาสในการเดินทางใหม่ ๆ ด้วยคำถามที่ว่า “ไดโนเสาร์จะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างไร ?”
ซึ่งก็ดันกลายเป็นงานยากของภาคสาม ที่จะต้องขมวดปมทุกอย่างให้จบ ไปพร้อมกับการตอบสนองสิ่งที่คนดูคิดหวังเอาไว้ จากการได้เห็นทีมนักแสดงสองรุ่น วนมาพบกันเป็นครั้งแรก
และผลลัพธ์ที่ได้ กลับกลายเป็นความไปไม่สุดสักทาง! กับองก์แรกที่พยายามพูดถึงโลกที่เราจะต้องอยู่ร่วมกัน ไปองก์สองก็โฟกัสที่ตัวละคร 2 กลุ่มที่อยู่คนละมุมโลก โดยมีเป้าประสงค์ที่ต้องจัดการเปิดโปงความชั่วร้ายของกลุ่มทุนขนาดใหญ่
แค่นี้ ก็พอทำให้เห็นได้ว่า หนังค่อนข้างจะ “Play Safe” กับการเล่าเรื่องที่เข้าใจง่าย เดินทางไว จากจุดนึงไปยังจุดนึงแบบเน้นขายความสนุกสนาน ขีดเขียนเหตุการณ์ขึ้นมาหลวม ๆ เพื่อให้เหล่าตัวละครมาพบเจอกันได้แบบมหัศจรรย์ จนบางครั้งถ้าตั้งใจมองหาตรรกะ ก็จะพบกับความ ‘อีหยังวะ’ ไปตลอดเส้นทาง
กระนั้นแล้ว ถ้าจะให้พูดถึงข้อดีที่สุดของหนัง คงหนีไม่พ้นการได้เห็นตัวละครดั้งเดิมทั้ง 3 คนกลับมาแวะเวียนแลกเปลี่ยนบทสนทนากันอีกครั้ง ทำให้เป็นคำตอบให้กับคนทำหนัง หรือนักดูหนังรุ่นใหม่ ๆ ได้ทันทีเลยว่า ตัวละครที่มีเสน่ห์มากพอจะสามารถรักษาความสนุก หรือน่าติดตามของหนังได้อยู่ โดยที่อาจไม่ต้องพึ่งพา CG หรือ Special Effect สุดอลังการไปตลอดเรื่องก็ยังได้
ข้อสรุปของ “Jurassic World: Dominion” ในวันนี้ จึงเรียกว่าเป็นจุดจบที่ ‘ดีได้มากกว่านี้’ สำหรับแฟรนไชส์ JW และย่อมเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ของมหากาพย์ ร่วม 30 ปี Jurassic Park ที่ไม่สามารถหาบทสรุปอะไรได้ดีไปกว่าการทำให้แฟนคลับต้องย้อนกลับไปดูภาค 1-2-3 กันใหม่ เพื่อจะได้คิดถึงวันวานที่เคยหอมหวานอีกครั้ง

Arm Sarawut Changiam

หนังเรื่องนี้เป็นจุดจบของไตรภาคใหม่Jurassic ที่เริ่มตั้งแต่Jurassic World ภาคปี2015 จนมาถึง Jurassic World Fallen Kingdom และลากยาวมาถึงภาคนี้ รอมานานเกือบสามถึงสี่ปี เพราะโควิดระบาด
ซึ่งตัวของพี่อาร์มที่เป็นแฟนบอยแฟรนไชน์นี้และติ่งไดโนเสาร์รวมถึงบรรพชีวินวิทยา รอมานาน และคาดหวังไว้คร่าวๆว่ามันต้องดีกว่าภาคก่อน เพราะเลื่อนฉายมานานขนาดนี้ ต้องมีเวลาปรับปรุงแก้ไขให้โอเคไปเรื่อยๆ ใช่ไหม ?
แต่ปรากฎว่าเมื่อหนังเริ่มฉาย หลังโฆษณาอันยาวนาน สิ่งที่คาดหวังและคิดไว้ มันไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะเอาตรงๆคือ
หนังทำออกมาได้สมองหมาปัญญาควายมาก จนทำให้สอนใจเรื่องคุณค่าของเวลา เพราะไม่น่ารีบมาดูวันแรกเสียเลย
และสิ่งโง่ๆที่อยากจะบอก จากที่ได้รับชม จากที่พอจำได้ มีดังนี้……
1.พล็อตเรื่องของDominion เหมือนเอาพล็อตเรื่องของ Jurassic Park ภาคแรกผสมกับ The Lost World: Jurassic Park รวมกัน และมีความเป็นJurassic World 2015 กับ Fallen Kingdom อยู่บางส่วน พูดง่ายๆคือ ไม่รู้จะคิดอะไร เลยเอาของเดิมๆมายำรวมกัน หวังที่จะให้สนุก แต่กับพี่อาร์ม มันไม่ใช่!
2.ฉากที่คาวระหนังภาคเก่ามีเยอะจนเอียน แทนที่จะหาไอเดียใหม่ๆมาใส่ให้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เช่น ฉากCEO Biosyn โดนฆ่าตาย ก็เอาของปี 1993 มาใส่ทั้งดุ้น หรือ ฉากที่ Dreadnoughtus เดินผ่านพวกตัวเอก ก่อนการต่อสู้ของเหล่าTheropodsมหึมา ก็เอาต้นแบบจากภาค Fallen Kingdom มาใส่ ประมาณนี้
3.ตัวละครมนุษย์หลายตัว บทจืดจางและไม่น่าจดจำเหมือนภาคที่แล้วเลย แต่ภาคปัจจุบันหนักกว่า เช่น CEO Biosyn เหมือนทำเป็นWannabe CEO Apple แต่ดูโง่เขลาเบาปัญญากว่า หรือไอ้ตัวละครผู้ชายผมยาวที่จับน้องBeta มาตายได้อนาถมาก และตัวละครผู้หญิงชุดขาวที่ขนย้าย Atrociraptor ก็บทจืดจนรู้สึกเฉยเมยมากจริงๆ
3.เส้นเรื่องของ Dominion จะแบ่งเป็นสองเส้นหลักๆ ก่อนจะมาเจอกันที่ดินแดนBiosyn ได้แก่เส้นเรื่องของOwenกับClaire บุกลุยไปเพื่อช่วยBetaกับน้องหนูเด็กโคลนนิ่ง และเส้นเรื่องของตัวละครดั้งเดิมของไตรภาคแรก ที่เข้ามาBiosyn เพื่อหาความจริงเกี่ยวกับตั้กแตนยักษ์ปริศนา
ดังนั้นเลยทำให้ช่วงแรกๆของหนัง จะตัดฉากไปมาจนอารมณ์ไปไม่สุด ซึ่งถ้าทำให้สมูทและต่อเนื่องอย่างแนบเนียนได้ จะเป็นอะไรที่เก่งกาจมาก
4.แทนที่จะเล่าเน้นไปที่ไดโนเสาร์ที่พบทั่วโลก แต่ดันไปโฟกัสที่หนูน้อยโคลนนิ่งที่เป็นหนทางในการช่วยโลกจากตั้กแตนหน้าโง่ได้ ซึ่งแม้ว่าจะดูเป็นหลักการวิทยาศาสตร์ แต่นี่มันหนังไดโนเสาร์นะเห้ย!!
5.สัตว์บางตัวในเรื่องนี้อย่าง Mosasaurus กับ Velociraptor Blue บทน้อยอย่างนี้ อย่ามาจะดีกว่า แอบหวังให้มีฉากเท่ๆของMosaในทะเลให้มากหน่อย หรือฉากBlue ปะทะแรพเตอร์ชนิดอื่น แต่ก็ไม่มี…….
6.Giganotosaurus ที่ว่าเป็นตัวร้ายเด่นในฝั่งไดโนเสาร์ บอกเลยว่าบทเทียบไม่ติดเลยกับไดโนวายร้ายตัวเก่าๆที่ผ่านมา
ถ้านับเฉพาะพวกพันธุ์แท้ที่เคยมีตัวตนในอดีต Spinosaurus ของ Jurassic Park3 ที่ว่าหนังดูไม่เป็น Jurassic ยังดูมีราศี ยังมีบทน่าจดจำกว่าอีก (แถบไม่โผล่มาเลยในภาคปัจจุบันนี้ เศร้า)
7.ในฉากจบของDominion จะได้เห็นว่า มีT.rex มากกว่าหนึ่งตัวอยู่ในพื้นที่Biosynที่ปิดตายแล้ว ซึ่งน่าจะมาจากเกาะSorna
แต่ขอถามหน่อย…..ฉากต่อสู้ช่วงท้ายเรื่อง ทำไม่ไม่เอาพรรคพวกRexมาอีกล่ะ ปล่อยให้ป้าRexy นอนบาดเจ็บแบบเดิมๆ และมีตัวอื่นมาช่วยสู้ เห็นแบบนี้แล้วไม่สมกับที่โม้เลยว่าจะเป็น “Endgame ฉบับ Jurassic”
ไม่ก็เอาSpinosaurus หรือQuetzalcoatlus มารุมอีก น่าจะพอมันบ้าง แต่นี่จิดจางมากกกกกกกกกกกก แถมสู้กันเร็วเกิน จบเร็ว Giganotosaurus มาตายโง่ๆ เพราะโดนRexyพุ่งงับจนไปโดนอุ้งมือของTherizinosaurus โธ่…..ไม่อยากจะพูดเลย 555
8.หนังภาคนี้โม้ให้เราฟังว่า จะได้เห็นไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มากกว่าเดิม
ใช่ครับ! แต่โผล่มาแป็บๆก็ไปที่อื่น หรือโดนขวางแล้ว อย่างนี้ไม่ต้องโผล่มาเลยดีกว่า
9.แต่ยังดีที่บางฉาก บางช่วง พอดูน่าสนใจบ้างไม่น้อย เช่นช่วงที่ตะลุยมอลตา, ช่วงที่Claire เจอ Therizinosaurus และ ช่วงที่อยู่ในเหมืองอำพันที่เต็มไปด้วย Dimetrodon จากมุมมองของพี่อาร์มนะ สำหรับฉากที่ชอบ
โอเค บ่นมาเยอะล่ะ เอาเป็นว่า เดี๋ยวคงจะไปดูสารคดี Prehistoric Planet ซ้ำอีกเพื่อล้างความคุ้มค่าของเวลาที่ได้จากJurassic World ภาคนี้ครับ

โคลิเซียม พาราไดส์

🎬 Jurassic World Dominion
🎬 จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร
.
นี่คือหนังที่เป็นบทสรุปของแฟรนไชส์หนังไดโนเสาร์ที่ถูกสร้างมาต่อเนื่องยาวนานถึง 29 ปี หนังภาคแรกถือกำเนิดขึ้นในปี 1993 ที่ “สตีเวน สปีลเบิร์ก” หยิบเอานิยายขายดีของ “ไมเคิล ไครช์ตัน” มาทำเป็นหนัง ผลปรากฎว่ากวาดรายได้มหาศาลจากทั่วโลก แถมยังได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งของทศวรรษ 1990 ด้วย หลังจากนั้น 4 ปี ก็มีภาคสอง The Lost World: Jurassic Park ออกมาในปี 1997 ตามด้วย Jurassic Park III ในปี 2001 ซึ่งเสียงตอบรับไม่เปรี้ยงปร้างเท่าภาคแรก ส่งผลให้ในปี 2015 ได้มีการรีบู้ทแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ออกมาใหม่ในชื่อ Jurassic World นำแสดงโดย “คริส แพรตต์” ส่วนภาคสองของแฟรนไชส์ “จูราสสิค เวิลด์” ออกฉายในปี 2018 ในชื่อ Jurassic World: Fallen Kingdom ซึ่งทั้งภาคแรก และภาคสองนี้ประสบความสำเร็จมหาศาล สามารถทำรายได้ทะลุพันล้านดอลลาร์ได้ด้วยกันทั้งสองภาค และสำหรับบทสรุปที่เราจะได้ดูกันจะเป็นภาคที่ 3 ของจูราสสิค เวิลด์ และเป็นภาคที่ 6 ของแฟรนไชส์จูราสสิค
.
สำหรับตัวหนังในภาคนี้ มีเนื้อหาต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว โดยเกิดขึ้น 4 ปีหลังจากอิสลาร์ นูบลาร์ ถูกทำลาย ทำให้ไดโนเสาร์หลุดรอดออกไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าต้องเกิดความวุ่นวายโกลาหลตามมา “โอเวน” (คริส แพรตต์) กับ “แคลร์” (ดัลลัส ฮาวเวิร์ด) พยายามหาทางแก้ไขเรื่องนี้ ขณะที่ 3 ตำนานนักล่าไดโนเสาร์อย่าง เอียน มัลคอล์ม, อลัน แกรนท์ และเอลลี่ แซทเลอร์ ก็กลับมารวมตัวกัน และเผชิญหน้ากับไดโนเสาร์อันดุร้ายอีกครั้ง

Dooyung-ดูยัง

[รีวิว] JURASSIC WORLD: DOMINION
จูราสสิค เวิลด์ : ทวงคืนอาณาจักร
— คะแนน 5/10 —
Jurassic World: Dominion เป็นหนังปิดไตรภาค Jurassic World และเป็นภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์ Jurassic ด้วย ความคาดหวังต่าง ๆ นานาเกิดมามากมายจากทั้งแฟน ๆ รุ่นใหม่และเก่า โดยส่วนตัวเราก็เป็นหนึ่งในแฟนของเรื่องนี้ ยังจำความรู้สึกขนลุกที่เห็นไดโนเสาร์ครั้งแรกในหนัง Jurassic Park (1993) ได้เลย ความน่ากลัวจนต้องนั่งเก็บขากับฉากการไล่ล่าของ Raptor หรือความน่าเกรงขามของ T-Rex แน่นอนว่าในไตรภาคใหม่อาจทำได้ไม่ดีเท่า แต่มันก็มีความสนุกของมันใน Jurassic World (2015) ที่ทำให้แฟน ๆ ตื่นเต้นอีกครั้ง ถึงแม้ความสนุกจะลดลงไปในภาค Fallen Kingdom (2018) แต่ภาคนี้…ผิดหวังสุด ๆ เลย
เริ่มจากบทก่อนเลย เริ่มมาดีแล้วนะ จริง ๆ มันน่าสนใจตั้งแต่ภาคที่ว่าเห้ย ไดโนเสาร์ปะปนบนโลกมนุษย์ มันจะโกลาหลคิดพลิกไปพลิกมาได้มากน้อยแค่ไหน แต่มันไม่ใช่แบบนั้น หนังกลับไปเลือกเล่าประเด็นอื่น โดยรวมของภาคนี้หนังไม่ให้ความรู้สึกว่ากำลังดูหนังแฟรนไชส์ Jurassic อยู่เลย มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนดูพวกหนังสายลับฏิบัติภารกิจอะไรทำนองนั้น พวก 007, Jason Bourne (มีฉากนึงโคตรเหมือน Jason Bourne ใช่แบบยังไงก็ใช่อะ), M:I แอ็คชันในซีนเหล่านั้นมันก็เพลินแหละ โดยเฉพาะฉากขับรถไล่ล่านี่น่าจะเพลินสุดในหนังแล้ว ส่วนพวกไดโนเสาร์กลายเป็นแค่ตัวประกอบ แถมการปรากฏตัวของไดโนเสาร์ในภาคนี้ก็ไม่ได้สร้างอารมณ์ร่วม ไม่ทำให้ตื่นเต้นและไม่ทำให้เราว้าวได้เท่าภาคที่ผ่าน ๆ มาเลย มันไม่ได้มีน้อยหรอก จริง ๆ มีเยอะ หลายพันธุ์ แต่มาแบบขอไปทีอะ แล้วตัวหนังดันมาในรูปแบบการทำภารกิจมันก็ยังไม่สนุกอีก ดูเรียบง่าย ธรรมดามาก การหาทางออกในแต่ละเรื่องก็ช่างง่ายดายเสียจนไม่อยากจะเชื่อว่าเนี่ยนะคือภาคสุดท้ายของหนังในตำนาน การดำเนินเรื่องยิ่งแล้วใหญ่ เหมือนอยากใส่อะไรก็ใส่มา หลายช่วงชวนง่วงมาก เวิ่นเว้อกันเหลือเกิน หลายช่วงก็รีบไม่รู้จะไปไหน คือเรื่องสเกลมันควรจะใหญ่ได้มากกว่านี้ แต่นี่ทำได้แบบน้อยนิดมาก
ทางด้านตัวละคร ตัวเก่า ๆ ก็กลับมาเซอร์วิสแฟน ๆ ให้พอได้ยิ้มกรุ้มกริ่ม ทั้ง Laura Dern และ Sam Neill รวมถึง Jeff Goldblum ซึ่งทั้งสามไม่ได้กลับมาแบบขอไปที แต่มามีบทบาทสำคัญในเรื่องถึงแม้การมาของพวกเขาจะดูยัดเยียดไปหน่อยก็ตาม และนี่เหมือนจะเป็นความดีงามเพียงไม่กี่อย่างของหนังเรื่องนี้ ทางด้านตัวละครหลักภาคนี้รู้สึกว่าบทมันแบนไร้มิติมากมายไม่ว่าจะ Chris Pratt จริง ๆ บทไม่มีอะไรเลย นอกจากชูห้านิ้วก็ไม่มีอะไรละ, Bryce Dallas Howard อีกคนเล่นกันดูแบบเฉยมาก ประเด็นความสัมพันธ์อะไรนี่ไม่อินเลยสักนิด ส่วนน้อง Isabella Sermon น่ารักดี แต่เล่นแข็งเหลือเกิน และมันจะมีตัวละครนึงที่เหมือน Steve Jobs มาก 555 ไม่รู้จงใจถอดแบบมาหรือเปล่า ประเด็นคือเป็นตัวละครที่โคตรแบนที่สุดในเรื่องและน่ารำคาญที่สุดในเรื่อง ส่วนอีกตัวละครอย่าง Kayla Watts ที่แสดงโดย DeWanda Wise ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่คาแรคเตอร์ยังกะ Han Solo

ผู้กำกับ

เจ. เอ. บาโญนา

บริษัท ค่ายหนัง

• Universal Pictures
• Amblin Entertainment
• The Kennedy/Marshall Company
• Legendary Pictures

นักแสดง

• คริส แพร็ตต์
• ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด
• บี. ดี. หว่อง
• เจมส์ ครอมเวล
• เท็ด เลวีน
• จัสติน สมิท
• เจรัลดีน แชปลิน
• แดเนียลลา ไพเนดา
• โทบี โจนส์
• เรฟ สปอล
• อิซาเบลลา เซอร์มอน
• เจฟฟ์ โกลด์บลุม

โปสเตอร์หนัง

รวมหนัง จูราสสิค พาร์ค Jurassic Park

Jurassic Park 1 (1993)

Jurassic Park 2 The Lost World (1997) ใครว่ามันสูญพันธุ์

Jurassic World (2015) จูราสสิค เวิลด์

Jurassic World 2 Fallen Kingdom (2018)

Jurassic Park 3 (2001) ไดโนเสาร์พันธุ์ดุ