venom 3 เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ
venom 3 เต็มเรื่อง ตอนนี้เอ็ดดี้และเวนอมกำลังหลบหนี เมื่อถูกล่าโดยโลกทั้งสองและเมื่อตาข่ายปิดตัวลง ทั้งคู่ถูกบังคับให้ต้องตัดสินใจครั้งร้ายแรงซึ่งจะทำให้ม่านการเต้นรำครั้งสุดท้ายของเวนอมและเอ็ดดี้ปิดม่านลง
ผู้กำกับ
- Kelly Marcel
บริษัท ค่ายหนัง
- Columbia Pictures
- Marvel Entertainment
- Arad Productions
- Matt Tolmach Productions
- Pascal Pictures
- Hutch Parker Entertainment
- Hardy Son & Baker
นักแสดง venom 3 เต็มเรื่อง ไม่มี โฆษณา
- Tom Hardy
- Chiwetel Ejiofor
- Juno Temple
- Rhys Ifans
- Peggy Lu
- Alanna Ubach
- Stephen Graham
โปสเตอร์หนัง เวน่อมมหาศึกอสูรอหังการ 3 เต็มเรื่อง
รีวิวหนัง venom 3 เต็มเรื่อง ไม่มี โฆษณา
ekka_eak
[CR] [#Review] Venom: The Last Dance เวน่อม มหาศึกอสูรอหังการ – เป็นการปิดไตรภาคที่ดี และทำให้คิดว่าต้องมีต่อแน่นอน
👿👿👿
เรียกว่าเป็นภาคปิดจบไตรภาคของ VENOM ในเฟสแรกก็ว่าได้ เพราะทาง Tom Hardy ก็ประกาศแน่ชัดแล้วว่าจะยุติบทบาทของเขากับ VENOM หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาถึง 6 ปีนับจากภาคแรก ซึ่งก็น่าใจหายเหมือนกัน และก็คาดเดากันไปต่างๆ นาๆ ว่าแล้วเรื่องราวจะจบยังไงล่ะทีนี้
👿👿👿
เรื่องราวต่อเนื่องจากภาค 2 เมื่อ เอ็ดดี้ และ เวน่อม ตกที่นั่งลำบาก ถูกตามไล่ล่าจากทหารทั้งกองทัพไม่พอ ยังถูกตามปลิดหัวจากบรรดาปรสิตซิมไบโอตต่างดาวตัวฉกาจ ทั้งสองต้องผ่านการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ และการตัดสินใจครั้งสำคัญ ซึ่งนำไปสู่การปิดฉากการต่อสู้ร่วมกันอันยาวนานของ เอ็ดดี้ และ เวน่อม
👿👿👿
หนังช่วงแรกเล่าเรื่องค่อนข้างเอื่อยนิดหน่อยเพราะมันคือการเดินทางของ เอ็ดดี้ และ เวน่อม ที่ต้องคอยหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่รัฐ แถมยังต้องเจอสัตว์ประหลาดจากต่างดาวมาตามไล่ล่าอีก กว่าจะรู้ว่ามันมาตามล่าทำไมก็ครึ่งเรื่องเข้าไปละ แถมหนังยังใส่อะไรที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องเข้ามาอีก อย่างเช่นครอบครัวฮิปปี้ผู้บ้าคลั่งเอเลี่ยน เลยทำให้หนังมันสะเปะสะปะไปเล็กน้อย
👿👿👿
แต่ความสนุกในรูปแบบของเวน่อม ก็ยังเป็นจุดแข็งของเรื่อง การทะเลาะกันแต่รักกันทั้งเรื่องของ เอ็ดดี้ และ เวน่อม ยังคงเป็นสีสันให้คนดูเฮฮาได้ตลอดเวลา บวกกับฉากแอ็คชั่นที่เล่นใหญ่ตลอดตั้งแต่ภาคแรก มาภาคนี้ก็ยังคงเซอร์วิสแฟนๆ อย่างเต็มอิ่ม โดยเฉพาะการเอาเวน่อมตัวอื่นๆ มาร่วมสู้รบกับเอเลี่ยนจากโลกอื่นด้วย มันเหมือนขบวนการยอดมนุษย์ 5 สีที่ทำให้คนดูตื่นเต้นเข้าไปอีกว่าตัวไหนจะออกมาแล้วมีพลังอะไร
👿👿👿
แต่ถึงแม้ว่าหนังจะสะเปะสะปะไปสักหน่อย แต่บทสรุปของหนังทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว เพราะหนังสามารถทำให้การประกาศแยกทางกับโปรเจคเวน่อมของ Tom Hardy จบลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยที่หนังไม่ได้ตัดจบแบบไปต่อไม่ได้ เพราะดูแล้วยังไงก็มีภาคต่อ เพียงแต่ว่าเจ้าเวน่อมจะไปอยู่กับใคร หรืออาจจะมีขบวนการเวน่อม 5 สี ขึ้นมาเป็นโปรเจคใหม่ก็เป็นได้
👿👿👿
แต่ว่าไปแล้วก็แอบเสียดายอยู่นิดๆ เพราะ Tom Hardy เองก็เป็นเวน่อมได้จนติดตาแล้ว และก่อนหน้านี้เคยมีคนคาดหวังให้ เวน่อม ของ Tom Hardy จะได้มาปะทะกับ สไปเดอร์แมน ของ To Holland สักที ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นไหม แต่สาววก VENOM ไปดูเถอะครับภาคนี้
แมวตัวนั้นนั่งดูหนังตรงแถวc
[SR] Venom: The Last Dance #รีวิวหนัง เป็นภาคที่ชอบที่สุด ถ้าสปีลเบิร์กกำกับหนังฮีโร่ มันก็คงจะออกมาประมาณนี้
Venom: The Last Dance
ถ้าสปีลเบิร์กกำกับหนังฮีโร่ มันก็คงจะออกมาประมาณนี้ เป็นภาคที่ชอบที่สุด
เต็มไปด้วยโมเมนท์มิตรภาพ นี่แหล่ะแอนตี้ฮีโร่ที่โรแมนติกและจริงใจ
1.
เรื่องราวเกิดขึ้นต่อจากภาค 2 หลังจากโค่นคลีตัส คาซาดี้และคาร์เนจไปแล้ว
เอ็ดดี้และเวน่อมต้องไปอยู่ที่แมกซิโกเพื่อหลบหนีกองกำลังพิเศษของรัฐบาล แถมยังโดน “นัล”(Knull)
ลาสบอสผู้ให้กำเนิดเวน่อมจากนอกโลกได้ส่ง “ซิโนเฟจ” (Xenophage)
ซิมไบโอตที่เป็นนักฆ่าเหนือซิทไบโอตทุกตัว มาเก็บน้องเวน่อมอีกด้วย
2.
ชอบการ “ด่ากันอย่างห่วงใย” ของคู่เพื่อนคู่นี้มาก เปิดเรื่องมาด้วยความโบรแมนซ์ของคู่บัดดี้อย่างเอ็ดดี้และเวน่อม
ที่ผ่านการอยู่ด้วยกันมาปีกว่าๆแล้ว เรียนรู้นิสัยใจคอกันมาอย่างดีแล้ว หนังใช้ความเป็น Road movie
เพื่อสร้างโมเมนต์ให้เราผูกพันกับมิตรภาพของทั้งคู่มากขึ้น โดยมี “ครอบครัวคลั่งเอเลี่ยน”
เป็นผงชูให้คู่นี้กลมกล่อม ก่อนจะซาบซึ้งกินใจในตอนท้าย
3.
การปรากฏตัวของตัวร้ายอย่างซิโนเฟจ ก็ทำให้เรานึกถึงบรรยากาศหนังเอเลี่ยนของสปีลเบิร์กหรือ stranger things
มากกว่าฉากต่อสู้แบบหนังฮีโร่ทั่วๆไป #กำลังคิดว่าถ้าสปีลเบิร์กกำกับหนังฮีโร่ มันก็คงจะออกมาประมาณนี้
มันมีทั้งเรื่องความผูกพัน ความห่วงใยและช่วยเหลือเด็กๆ และระเบิดกองทัพครบ 55555
4.
ชอบการเปรียบที่ว่า “เวน่อมอยากไปเห็นเทพีเสรีภาพสักครั้งในชีวิต”
ไม่ต่างอะไรกับพวกซิมบิโอตอย่างเวน่อมที่เดินทางข้ามดาวหนีกองกำลังของ “นัล”(Knull)
หวังจะมาสร้างชีวิตใหม่ที่อิสระ บนโลกมนุษย์แห่งนี้
5.
และถึงแม้จะเป็นการสั่งลาเวน่อมครั้งสุดท้าย พี่โซนี่แกก็ไม่วายปูอะไรใหม่ๆให้ใช้ในจักรวาลสไปเดอร์แมนขึ้นมาอีกอยู่ดี 555555
อย่างตอนจบของเรื่องมีฉากระหว่างเอนเครดิต 1 ตัว และฉากหลังเครดิตอีก 1 ตัว
(ซึ่งมองว่าดูแค่ตัวแรกก็พอ ตัวที่สองไม่ต้องดูก็ได้เป็นมีผลอะไร 555555)
6.
สรุปนะ ภาคนี้เราไม่มองว่าเป็นหนังแนวฮีโร่เลย เราชอบที่มันมีความเป็นจดหมายรักถึงเอเลี่ยนและเสรีภาพผ่านมิตรภาพของคู่นี้มากกว่า
มันมีตอนจบที่ดีและปูทางไปสู่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้
และแน่นอน เราชอบตัวร้ายอย่าง “ซิโนเฟจ”มาก เอเลี่ยนที่กินคนและพ่นเลือดออกมาทางหลังหัว โคตรเท่อ่ะ 55555555
#VenomTheLastDance
จดอ. JUST ดู IT.
#รีบรีวิว VENOM: THE LAST DANCE
เวน่อม: มหาศึกอสูรอหังการ
“พยายามมาตั้งนาน เพิ่งลงตัวตอนสุดท้าย”
หลังพยายามทำทรงโหด แต่ได้ฮาในภาคแรก… วางท่าเดือด แต่ไปไม่ถึงในภาคสอง ภาคปิดท้ายอย่าง “Venom: The Last Dance” กลับเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่พอเราปล่อยจอย (ย้ำ! ปล่อยแบบสุด ๆ) ก็พบว่า “สนุกเฉย”
หนังทำหน้าที่ได้ดีในรูปแบบของสูตรสำเร็จการปิดไตรภาค คืออะไรที่เคยเปิดไว้ในภาคแรก หรือระเบิดระเบ้อในภาคสอง ล้วนถูกตกผลึกอีกครั้ง และม้วนกลับมาเข้าช่วงสรุปประเด็น โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่าง Eddie Brock และ Venom ที่ผสานมุมมองเป็นหนึ่งเดียวกันได้สำเร็จ… ตีกันเหมือนเดิม แค่น้อยกว่าทุกภาค เพราะถ้าไม่จับมือกันให้มั่น ก็ไม่อาจรอดจากภัยคุกคามถึงสองทาง ไม่ว่าจะทั้งกองกำลังพิเศษจากองค์กรลับ และอสุรกายเครื่องจักรสังหารจากผู้สร้างเหล่า Symbiote ที่หวังปิดฉากสายพันธุ์ที่ตนสร้างด้วยตนเอง
ในทางกลับกัน หากมองว่าแฟรนไชส์ Venom คือหนังเรื่องเดียว ที่มีความยาวราว 6 ชั่วโมง Venom: The Last Dance ก็เปรียบเสมือนองค์ 3 ที่พาเข้าช่วงไคลแม็กซ์ได้อย่างชวนลุ้นชวนน่าสนใจ อะไรที่ดูหลุด ๆ หลอย ๆ สุดกาวในสองภาคแรก กลับกลายเป็นการปูทางให้รายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะภาคแรก ที่ถูกกลับไปความเชื่อมโยงได้อย่างเหนียวแน่นเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าจะให้ดี ควรดูภาคแรกไว้กันลืม เพราะหลายเหตุการณ์ในภาคนี้ คือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออุดช่องโหว่จากภาคแรกโดยเฉพาะ แต่ภาคสอง อย่าง Let There Be Carnage น่าสงสารที่หลายอย่างถูกเททิ้ง แม้แต่บทบาทของตัวละคร “นักสืบ Mulligan” (รับบทโดย Stephen Graham) ก็เปรียบเสมือนเป็นเพียงเศษซากจากภาคสอง เอามาแค่ให้รู้ว่าไม่ได้ลืมกัน
อีกหนึ่งสิ่งที่แข็งแรงไม่แพ้มิติของตัวละครเอก ด้วยการแสดงของ Tom Hardy คือคอนเซ็ปต์ของหนัง ที่ในที่สุด หนังก็เลือกทิศทางที่ “ดูเป็นหนังเอเลี่ยนจริง ๆ สักที” ด้วยองค์ประกอบของเรื่องที่มีทั้งคู่ซี้ต่างสายพันธุ์ที่สร้างความอลหม่านตลอดการเดินทาง มีองค์กรลึกลับไล่ล่า และภัยร้ายที่แท้จริงที่เกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของเอเลี่ยนคู่ซี้… นี่มันสูตรหนังเอเลี่ยนของ Spielberg ชัด ๆ มันสูตรสำเร็จ เดาได้ แต่ในทางกลับกัน กับหนังที่ไม่ได้เข้ารูปเข้ารอยมาแต่แรก นี่คงเป็นสิ่งที่ลงตัวที่สุดแล้ว แม้กระทั่งอะไรที่ดูงง ๆ ลอย ๆ อย่างฉากนั่งรถไปกับครอบครัวเนิร์ดเอเลี่ยน ก็ยังดูเป็นจุดแวะพักที่ชวนให้รู้สึกร่มรื่นอย่างน่าประหลาด ในมุมมองของคู่หูคู่ลุยที่เริ่มรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าเต็มทนเมื่อใกล้ถึงปลายทาง
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ กลับกลายเป็นเรื่องน่าเสียดายไปในทันที เมื่อ Venom: The Last Dance คือภาคที่มีหน้าที่ในการปิดเรื่องราว ทั้งที่หนังเพิ่งค้นพบทางที่ลงตัว ด้วยประเด็นด้านตัวละครที่แข็งแรง แต่ยังมีอีกหลากประเด็นของจักรวาลที่น่าไปต่อ เสมือน Iron Man 3 ที่ปิดประเด็นตัวละคร Tony Stark ในฐานะของหนังเดี่ยว แต่เพราะเคยล้มลุกคลุกคลาน เสียหายหลายล้านกันไปถึงสองครั้ง ยังไม่รวมถึงหนังร่วมจักรวาลที่ทำให้ดูแล้วยากจะไปต่อ… Venom: The Last Dance จึงกลายเป็นเพียงความสนุกส่งท้ายเฉพาะเรื่องราวของตัวเองเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ใครที่เป็นแฟนของคู่หูคู่ซี้ Anti-Hero พันธุ์เขมือบ ก็ไม่ควรพลาดไปร่วมส่งท้ายพวกเขาด้วยประการทั้งปวง!
ดูหนัง ออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Venom 2 Let There Be Carnage (2021) เวน่อม 2
7.8