Seoul Vibe (2022) ซิ่งทะลุโซล

ดูหนัง ออนไลน์ Seoul Vibe (2022) ซิ่งทะลุโซล เต็มเรื่อง

ดูหนัง ออนไลน์ Seoul Vibe เต็มเรื่อง ขณะที่มหกรรมกีฬาโอลิมปิกปี 1988 กำลังจะเริ่มขึ้นในกรุงโซล ทีมนักซิ่งและช่างยนต์ต่างพื้นเพต้องมาร่วมปฏิบัติการแฝงตัว เพื่อเปิดโปงขบวนการฟอกเงินเครือข่ายยักษ์ใหญ่ ถึงคิวของหนังแอคชั่นฟอร์มใหญ่ที่ปีอีกหัวข้อของประเทศเกาหลีในปีนี้ ที่นับว่าเพียงแค่ฟอร์มกลุ่มแคสติ้งผู้แสดงออกมานั้น ก็เย้ายวนใจความพึงพอใจได้อยู่ไม่น้อย เนื่องจากว่านี่เป็น “Seoul Vibe ซิ่งทะลุโซล” ที่ถือเป็นการผสมหนังอาชญากรรมแนวถนัดของประเทศเกาหลี เพิ่มเติมกับการประลองความเร็วสไตล์หนังเครือญาติฟาสต์ แม้กระนั้นผลที่ออกมานั้น..จะออกมาเป็นหนังฟาสต์ฉบับวัวเรียนได้หรือไม่?

เรื่องราว ดูหนัง ออนไลน์ Seoul Vibe เต็มเรื่อง

เกิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนที่ผู้คนในกรุงโซลต่างทวีความระทึกใจในช่วงไม่กี่วันก่อนกำลังจะถึงพิธีการเปิดการแข่งขันชิงชัยกีฬาโอลิมปิกในปี 1988 นักซิ่งจากกลุ่มซางกเยป่าซูพรีมได้รับคำแนะนำที่ไม่บางทีอาจไม่ยอมรับ และก็จะต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับการพิสูจน์คดีเงินสินบนของบุคคลสำคัญ โดยมีสมาชิกมี ป่าอุค นักดริฟต์มือชั้นยอด, นักจัดรายการวิทยุจอห์น, บ๊กนัม คนนำทาง, ยุยงนฮี เจ้าที่การปลอมแปลงตัวบนจักรยานยนต์ และก็ จุนกี แมคไกเวอร์ที่ซางกเยป่า ทำการของพวกเขาเริ่มขึ้นแล้ว!

แม้ Seoul Vibe จะเป็นหนังที่สร้างมาเพียงแต่ลงหน้าจอสตรีมมิ่ง แต่ว่าจำเป็นต้องสารภาพเลยว่างานสร้างจริงๆๆเพราะว่าเห็นได้ชัดเลยว่าหนังได้ทุนสร้างจำนวนมากเลย โดยหนังได้ “มุนฮยอนซอง” ผู้กำกับชายหนุ่มที่เคยแจ้งมาจากหนังดัง As One เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แม้กระนั้นยังไม่มีช่องทางได้สะดุดตาสักครั้ง การได้ก้าวขึ้นมาถือจับทำหนังสเกลที่ใหญ่ๆขนาดนี้ ก็นับว่าทำเป็นถูกใจตามมาตรฐาน ที่โชคร้ายหน่อยๆตรงที่หลายส่วนประกอบยังมองปกติและไม่ได้เด่นสักเท่าไหร่

เส้นเรื่องของ Seoul Vibe เสมือนจะมองสลับซับซ้อนรวมทั้งมีมิติปม กลับถ่ายทอดออกมาได้ยังไม่ค่อยกลมกล่อมละมุนละไมสักเท่าไหร่ หนังยังขาดเสน่ห์บางสิ่งบางอย่างไปอย่างโชคร้าย พาร์ทการแข่งรถแข่งขันซิ่งต่างๆก็ทำออกมาให้รู้สึกเพียงแต่เฉยๆมิได้ละลานตาหรือรู้สึกว้าวอะไรอะไร บางทีอาจจะเป็นด้วยเหตุว่าหนังแนวนี้พวกเราได้มองเห็นกันมาหลายเรื่อง เพียงแค่หนังเชื้อสายฟาสต์ก็มองกันไป 9 ภาคแล้ว มันก็เลยเป็นปัญหาที่ยากที่จะสร้างความไม่เหมือนได้

แน่ๆว่าหนังประเด็นนี้มีจุดเด่นสุดๆก็ตรงที่แคสตติ้งผู้แสดงชุดใหญ่ บอกได้เลยว่ามีดารารับเชิญโผล่มาร่วมแจมเยอะ เวลาที่กลุ่มดาราหนังแต่ละคนก็นับว่าเล่นได้ตามมาตรฐาน “ยูอาอิน” นำกลุ่มมาในหัวข้อนี้ ถึงเขาจะถูกวางตัวให้มาเป็นนางหามของหนังหัวข้อนี้ แม้กระนั้นหน้าที่ในหนังก็มิได้ทำเขาสะดุดตากว่าคนใดกันแน่อื่นเกินความจำเป็น แม้กระนั้นก็ยังมิได้กลืนไปกับเนื้อเรื่อง การแสดงของเขาก็ยังให้มาตรฐานระดับมือโปรที่ทำให้เห็นว่าจำต้องทำอย่างไร

ในเวลาที่คนอื่นอย่าง “โกคยองพโย”, “อีกยูฮยอง”, “พัคจูฮยอน” รวมทั้ง “องซองอู” ก็จัดว่าเข้ากันกับกลุ่มดาราหนังร่วมกันได้ดิบได้ดี แต่ละติดอยู่แรกเตอร์ที่เอกลักษณ์ส่วนตัวรวมทั้งมาสร้างสีสันให้กับหนังหัวข้อนี้ได้อีกระดับ ถึงแม้แต่ละคนจะมิได้สร้างความสะดุดตามากแค่ไหน แต่ว่าก็นับว่าเป็นส่วนประกอบที่สร้างความดีเลิศให้กับหนังหัวข้อนี้แล้ว

นอกเหนือจากนั้น ยังมีนักแสดงสมทบบุคคลอื่นที่นับว่าเป็นตัวจี๊ดพอได้ ไม่ว่าจะเป็น “คิมซองกยอน”, “จองอุงอิน”, “โอจองเซ” หรือ “มุนโซริ” ที่นับได้ว่าเป็นศิลปินตัวท็อปรุ่นใหญ่ที่มาเสริมกองทัพความแข็งแรงในกับประเด็นนี้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน

แต่ Seoul Vibe ก็ยังมีอีกสิ่งที่เด่นเช่นเดียวกัน ซึ่งก็คือการเก็บเนื้อหาโอบล้อมต่างๆของหนัง ที่นับว่ายังเป็นสิ่งที่กลุ่มผู้ผลิตจากประเทศเกาหลียังคงทำเป็นดีเหมือนเคย หากว่าซีจีบางจุดบางทีก็อาจจะยังไม่เนียนมากมาย แม้กระนั้นการสนใจเรื่องโลเคชั่นแล้วก็สถานที่ถ่ายทำต่างๆนับว่าทำการบ้านดี ใส่เข้ามาต่อให้แหล่งกำเนิดสูตรชงน้ำเมาประเทศเกาหลีในตำนาน ทั้งสามารถไว้เนื้อเชื่อใจเรื่องคอสตูมรวมทั้งเมคอัปของผู้แสดง ที่จัดว่าตั้งใจได้อย่างครบถ้วน โดยยิ่งไปกว่านั้นการเสริมสวยของผู้แสดง ที่เห็นได้ชัดๆว่างานละเอียดจากแฟชั่นปลายสมัยปี 80s

ดังนี้จำต้องเห็นด้วยว่าตอนฉากเปิดกับฉากปิดของ Seoul Vibe นับว่าทำเป็นน่าประทับใจรวมทั้งน่าดึงดูดไม่น้อย แล้วก็เป็นจุดที่โอเคที่สุดของหนัง ในตอนที่ตอนกลางทางของหนังนั้นออกจะจืดจางไปสักนิดสักหน่อย กับรายละเอียดที่มองได้เพลิดเพลินๆยังให้อารมณ์แบบทีเล่นทีจริงไปสักนิด โน่นก็เลยทำให้หนังประเด็นนี้เป็นหนังที่บันเทิงใจ แต่ว่ายังค่อนข้างจะไม่มีเสน่ห์ที่ควรมีอยู่ไปสักนิดสักหน่อย

รีวิว ดูหนัง Seoul Vibe (2022) ซิ่งทะลุโซล

คอนเซ็ปต์ของ Seoul Vibe นับว่าได้ว่าค่อนข้างจะน่าดึงดูดอยู่ โดยยิ่งไปกว่านั้นการใช้เบื้องหลังในตอนสมัยปี 1988 ของประเทศเกาหลีใต้ ที่นับได้ว่าเป็นสมัยที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนในสังคมประเทศเกาหลีอีกปีนึงอย่างยิ่งจริงๆ อีกทั้งได้เป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิก แล้วก็อัตราการคอร์รัปชันในสมัยนั้นค่อนข้างจะสูงพอได้ เพียงแต่ว่าเมื่อหนังเอามาแต่งเป็นบทหนังออกมาแล้วนั้น ยังมองขาดๆเกินๆรวมทั้งให้รสที่ยังอร่อยไม่สุดทางสักเท่าไหร่

พูดได้ว่าแวดวงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ของประเทศเกาหลียังคงเสิร์ฟ Vibe ทางเรโทร (Retro) ออกมาให้ชาวโลกได้ทดลองลิ้มชิมรสกันอยู่เรื่อยครับ มีทุกแนวจริงๆปัจจุบันก็มีแนวแอ็กชันอาชญากรรมไล่ล่า ที่มีแบ็กกราวนด์ย้อนไปในสมัย 80’s อย่าง ‘Seoul Vibe’ หรือ ‘ซิ่งทะลุโซล’ หัวข้อนี้ล่ะนะครับ ตัวหนังเคลมว่าเป็นหนังระดับบล็อกบัสเตอร์ที่ทุ่มทุนสร้าง

แล้วก็ขนดาราหนังหัวแถวของประเทศเกาหลีใต้มาแบบชูแพ็ก ทั้งยัง ยูอาอิน (Yoo Ah-in) จาก ‘Voice of Silence’ (2020), โกคยองพโย (Go Kyung-Pyo) รวมทั้ง คิมซองกยุยงน (Kim Sung-Kyun) จาก ‘Reply 1988’ (2015–2016), พัคจูฮยอน (Park Ju-hyun), องซองอู (Seong-wu Ong), อีคยูฮยอง (Kyoo-hyung Lee), รวมทั้ง มุนโซรี (Moon So-ri) ฯลฯ

อย่างที่เกริ่นไปว่า ตัวหัวข้อนั้นเกิดเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศเกาหลีใต้กำลังเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งกีฬาโอลิมปิกหน้าร้อนในกรุงโซลในปี 1988 (Seoul 1988) สายตาของคนประเทศเกาหลีใต้ทุกคู่กำลังจ้องไปที่วันเปิดการประลองโอลิมปิกหนแรกของประเทศ ในขณะกลุ่มอาชญากรรมใต้ดิน ที่นำโดย ประธานคังอินซุก (Moon So-ri) แล้วก็ อีฮยอนกยูน (Kim Sung-Kyun) ทหารมือขวาคนคุ้นเคย กำลังคิดแผนลักลอบขนเงินแบบลับๆอัยการอันพยองอุค (Oh Jung-Se) ก็เลยอยากที่จะสึบหาข้อมูลเพื่อจับกุมตัวบุคคลสำคัญระดับวีไอพีในคดีข้อกล่าวหาฟอกเงินระดับประเทศ

อัยการอันเลยจำต้องบังคับให้ พักทงอุค (Yoo Ah-in) นักดริฟต์มือชั้นยอดผู้ยึดมั่นใน American Dream แล้วก็ต้องการย้ายไปอยู่สหรัฐฯ, จอห์น วู (Go Kyung-Pyo) นักจัดรายการวิทยุนักไม่กซ์เทปประจำกลุ่ม, พกนัม (Kyoo-hyung Lee) นักนำทางเฉลียวฉลาด, ยุยงนฮี (Park Ju-hyun) สาวนักบิดผู้มีความรู้และความเข้าใจสำหรับในการปลอมตัว และก็ จุนกี (Seong-wu Ong)

ช่างซ่อมรถอัจฉริยะ แหล่งชุมนุมเป็นกลุ่ม ‘ซางกเยป่าซูพรีม’ (Sangyedong Supreme) เข้าไปสมัครทำงานขับรถขนเงิน รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่เป็นสาย ซิ่งลอบเอาหลักฐานออกมาเปิดโปงให้ได้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการลบข้อผิดพลาดของพวกเขาเองลำพังอ่านแม้กระนั้นเรื่องย่อ คงตะหงิดแล้วใช่ไหมนะครับว่าเพราะเหตุใดมันคุ้นๆไม่ผิดเลยขอรับหากจะตะหงิดๆว่ามันช่างคล้ายกับ หนังแนวแอ็กชันโจรกรรมรถยนต์ซิ่งในแบบหนังแฟรนไชส์ ‘Fast & Furious’

ซะอย่างยิ่ง หากเป็นแฟนหนังเชื้อสาย Fast จะจับทางได้แน่ๆว่า นี่มันพล็อตหนัง ‘2 Fast 2 Furious’ (2003) ชัดๆแม้กระนั้นจะกล่าวว่าลอกมาเลยก็คงจะไม่ใช่ เพราะว่าตัวหนังก็ยังมีเส้นเรื่องของตนสำหรับในการเสนอแบบ แอ็กชัน – คอมเมดี้ เน้นย้ำขายขำ รวมทั้งหุ้มห่อด้วยบรรยากาศแบบเรโทร มากยิ่งกว่าจะเป็นหนังซีเรียสแอ็กชันบู๊ระห่ำแตกอะไรขนาดนั้น

ความน่าดึงดูดใจที่สุดของหนังหัวข้อนี้สำหรับผู้เขึยน คงจะคือเรื่องของการเอาบรรยากาศเรโทรของประเทศเกาหลีใต้ในปี 1988 ของประเทศเกาหลีใต้มานำเสนอได้อย่างน่าดึงดูดมากมายๆนี่แหละขอรับ น่าดึงดูดตรงที่มิได้เพียงแค่เอาเรื่องราวไปใส่กับช่วงแล้วก็เรื่องจริงแบบเปลือกๆแม้กระนั้นตัวหนังเลือกที่จะจับเอาบรรยากาศ (Vibe) ของคนภายในกรุงโซลเวลานั้นมาใช้จริงๆอีกทั้งบรรยากาศโอลิมปิกฟีเวอร์ของคนประเทศเกาหลีใต้

ที่เกิดขึ้นข้างหลังการจบของรัฐบาลเผด็จการทหาร เพียงพอแนวความคิดระบบประชาธิปไตยสดชื่น Pop Culture จากตะวันตกรวมทั้งแนวความคิดลัทธิเสรีนิยม American Dream ก็ติดตามมาทั้งปวงนี้สะท้อนในลักษณะของ Pop Culture ทั้งๆที่สัมผัสได้ อีกทั้งแฟชัน ภาพยนตร์ ดนตรี ร้านค้าแมคโดนัลด์ อื่นๆอีกมากมาย และก็ความนึกคิดความเชื่อถือของผู้แสดง หรือการจับเอาบรรยากาศทางด้านการเมืองในตอนเปลี่ยนแปลงผ่าน

ผ่านการสะท้อนรวมทั้งเสียดสีบุคคลสำคัญที่คุณก็รู้ว่าคนใดกัน ซึ่งอันนี้จะต้องยกย่องว่าตัวหนังทำการบ้านแล้วก็เอามาเสนอได้ดิบได้ดี แม้ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ข้างในที่คนข้างนอกบางทีก็อาจจะมิได้มี Insight ขนาดนั้น ก็ยังทำออกมาได้น่าดึงดูด ถึงแม้ Vibe พวกนั้นจะเป็นแบ็กกราวนด์ที่มี Conflict ต่อเส้นเรื่องสำคัญๆน้อยมากก็ตามแม้กระนั้นโน่นก็ดูเหมือนจะเป็นความน่าดึงดูดอันเดียวของหนังประเด็นนี้จริงๆล่ะนะครับ

เพราะว่าแปลงเป็นว่าตัวหนังที่ตั้งธงไว้ว่าจะพรีเซนเทชั่นความเป็นหนังแอ็กชันซิ่งรถยนต์ที่ขายมุกขำขันไปด้วยนั้น กลับทำออกมาได้เฉื่อยๆอ่อนเสมือนรถยนต์มิได้เติมน้ำมัน เสนอได้ไม่สุดเสมือนเหยียบคันเร่งไม่มิด และก็ทำออกมาได้ไม่กลมกล่อมละมุนละไม เสมือนรถยนต์เกียร์กระปุกที่เข้าเกียร์ไม่ถูกกระทั่งเครื่องดับในอากาศอยู่เรื่อยเพราะเหตุว่าถ้าหากว่ากันที่พล็อตหนังนั้นจัดว่าปกติและก็เล่นง่ายทายใจง่ายสุดๆ

และมุกของตัวหนังที่เน้นย้ำไปทางจังหวะเบียวรวมทั้งมุกแนวรถราที่ค่อนข้างจะซ้ำทาง ทั้งยังเบียวมุกขบขันแบบเล่นๆสถานที่สำหรับทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง และก็เบียวแบบโชว์โก้เอาจริงเอาจัง อาทิเช่นการแต่งรถยนต์ที่มองหรู แม้กระนั้นตัวหนังก็มิได้ลงรายละเอียดอะไรไปๆมาๆกกว่านั้น หากแม้เรื่องราวในองก์ถัดมาจะมานะใส่พาร์ยี่ห้อยละเอียดแท้จริงจังขึ้น ถึงขนาดใส่ฉากโหดเหี้ยมเข้ามาให้สะดุ้งเล่น

แล้วก็ตัวพล็อตที่ผูกเรื่องแล้วก็ตามมาเก็บกลับได้น่าดึงดูด แต่ว่าเพราะว่ามันบางส่วนเกินกว่าจะถูกสนใจ ในที่สุดก็มิได้ช่วยเกลี่ยหนังให้ออกมาดูดีได้อย่างที่ควรจะอีกจุดที่ทำให้ตัวหนังยืดย้วยและไม่กลมกล่อมละมุนละไมเลยก็คือฉากแอ็กชันขอรับ ยิ่งฉากสำคัญของหนังอย่างฉากไล่ล่าซิ่งรถยนต์ที่ซิ่งกันแทบจะทั้งยังเรื่องนี่แหละ แม้ว่าจะมีฉากนี้ออกจะมากมาย เป็นถ้าเกิดจะมองแบบเอาบันเทิงใจ

ติดอวดนิดๆก็นับว่าเพียงพอจะเพลิดเพลินได้อยู่ล่ะครับผม แต่ว่าถ้าหากมองแบบเอามันก็นับว่าทำเป็นน่าผิดหวัง ด้วยเหตุว่าจังหวะทำออกมาได้เนือยพองมากมาย มิได้รู้สึกตื่นดวงใจ รื่นเริง หรือลุ้นมือเท้าหงิกงอไปกับมันได้เลย หากแม้ฉากดำเนินการซิ่งรถยนต์ในวันพิธีการเปิดโอลิมปิกส่วนท้ายเรื่อง ซึ่งจริงๆก็ทำออกมาได้ค่อนข้างจะโอเคครับ มีจังหวะแผนซ้อนแผนน่าติดตาม

และฉากไคลแม็กซ์ด้านหลังเรื่องที่โวสุดๆ(ซึ่งอันนี้จะต้องไปดูกันเอาเองขอรับ) อวดแบบให้ทราบไปเลยว่าคุยอวด แต่ว่าเพียงพอ Pace ของหนังกลับเล่าแล้วก็ตัดต่อมาแบบเอื่อยเฉื่อยมาตลอดทาง รวมถึงงานวิชวลเอฟเฟกต์ที่แม้ว่าจะทำออกมาเจริญตามมาตรฐาน แม้กระนั้นมันก็เป็นไปตามมาตรฐานหนังสตรีมไม่งที่ยังลอยๆจนกระทั่งจับได้อยู่ แทนที่ภาพรวมของฉากซิ่งรถยนต์ด้านหลังเรื่อง

และก็จุดสำคัญจะออกมาครึ่งลุ้น ครึ่งมัน ครึ่งฮาเพราะเหตุว่าความคุยอวดจัดๆแต่ว่ามันออกมาแปลงเป็นความเบียวเนือยๆล้นๆจนได้แม้กระนั้นหัวเราะคิกๆซึ่งไอ้ความเบียวและก็เฉื่อยๆเกือบจะไม่มีแรงไปหมดทุกภาคส่วนของหนังหัวข้อนี้นี่แหละ ทำให้คนเขียนเห็นว่า ความยาวหนัง 2 ชั่วโมง 20 นาทีนั้นจัดว่ายาวเกินความจำเป็น เป็นยาวน่ะไม่เท่าไหร่ แม้กระนั้นเนื่องจากว่ามันเนือยเหนียวหนืดนี่แหละ

ที่ทำให้คนเขียนมองได้เพียงแค่ครั้งละครึ่งเรื่อง ส่วนเหล่าดาราหนังท็อปๆที่มาร่วมแสดงแออัด เอาจริงเอาจังก็นับว่าแสดงกันได้ดีสมตามหน้าที่ครับ ยังไม่มีผู้ใดแหลมเด่นขึ้นมาเป็นพิเศษ ผู้แสดงที่วางไว้ให้เป็นตัวฮา สำหรับนักเขียนก็นับว่าเฉยๆและก็แอบเสียดายที่ตัวบทมิได้เอื้อให้ดาราหนังได้โชว์ของอะไรเท่าใดนักโดยรวมแล้ว ‘Seoul Vibe ซิ่งทะลุโซล’ เป็นหนังแอ็กชันที่มีดีในด้านของความเป็นเรโทร การสะท้อนช่วงที่ทำออกมาได้ดิบได้ดี

เพียงแต่ว่าภาพรวมของหนังแทนที่มันจะออกมาเป็น Fast & Furious เวอร์ชันขายขำ ขายแอ็กชันซิ่งมันๆคุยอวดๆแต่ว่ามันดันทำออกมาได้ออกมาหมดแรง ไม่ละลานตาเอาซะเลย ความเบียวก็ไม่สู้ ความบู๊ก็ไม่ค่อยซิ่ง ตัวหนังก็เลยทำออกมาได้ทั้งยังไม่ Fast และไม่ Furious เป็นงานหนังแอ็กชันที่เหมาะสมแก่ผู้กระทำดเซฟไว้มองตอนว่างจัดๆหรือเอาไว้ถอดสมองมองแก้เครียดก็จัดว่าไม่เลวครับผม อย่ามองมันในฐานะหนังบล็อกบัสเตอร์ก็พอเพียง

Watch Online Seoul Vibe Full Movie As the 1988 Olympics are about to begin in Seoul, Teams of racers and mechanics from different backgrounds have to join the operation undercover. To expose the money laundering process of a giant network To the cue of a big action movie that year, another topic in Korea this year. that counts as just forming a casting group who shows up It is quite tempting and satisfying. Because it’s “Seoul Vibe, Go Through Seoul”, it’s a mix of Korean crime genres. In addition to the fast-paced showdown in the style of kinship movies. However, the result is.. will it turn out to be a cowrian version of a fast movie or not?

Story Watch movies online Seoul Vibe full story

The story unfolded as the crowds of Seoul rose to excitement in the days leading up to the opening ceremony of the 1988 Olympics. Recommendations that may not be accepted And will have to be involved in the proof of bribery cases of important people. The members are Pa Wook, a top drifter, radio host John, Bok Nam the guide, Yoon Hee, a master of disguise on motorcycles, and Jun Ki MacGyver who Sangye Forest Their work has begun!

Although Seoul Vibe is a movie made just for the streaming screen. But it must be confessed that the production is really because it is evident that the movie has a large amount of capital. The movie has “Moon Hyun Sung”, a young man director who had been informed from the famous movie As One 10 years ago. came through, but there was still no opportunity to stand out once To be able to step up and make a movie on such a large scale. It is considered to be satisfying according to standards. It’s a bit unfortunate that many components still look normal and don’t stand out at all.

The storyline of Seoul Vibe seems to be complex and multi-dimensional. Instead, it can still be conveyed, not very mellow and smooth. The movie still lacks some charm unfortunately. Parts of various racing competitions are made out to feel just indifferent, not dazzled or wowed. Maybe it’s because of the genre we’ve seen so many movies. Just looking at 9 fast-growing movies, it’s a problem that’s difficult to create dissimilarity.

Of course, the most outstanding feature of this movie is the casting of the big cast. You can tell that there are a lot of guest stars appearing to join in the show. When each group of movie stars was considered to be playing up to standards, “Yoo Ah In” led the group in this topic. Even though he was set to be the pallbearer of this movie, But his role in the movie didn’t make him more prominent than anyone else too. Even so, it still didn’t blend in with the story. His performances also provide a pro standard that shows what must be done.

While others such as “Go Kyung Pyo”, “Lee Yoo Hyung”, “Park Joo Hyun”, and “Ong Seong Wu” are considered to fit well with the movie stars together. Each label has a unique identity and can add color to the movie on this topic to another level. Even though each person didn’t make much of an eye-catching impact. But it is considered an element that creates excellence for the film on this topic.

besides that There are other supporting actors who can be counted as being quite trivial, such as “Kim Sung Kyun”, “Jung Woong In”, “O Jung Se” or “Moon Sori”, which can be counted as artists. A large top model that comes to strengthen the army in this issue as well.

But Seoul Vibe also has another outstanding thing. which is to collect the various surrounding contents of the movie That is still what the manufacturers from Korea still do as good as ever. If the CGI might not be very smooth at some points. But paying attention to the locations and filming locations is good homework. Put it in even if it’s the origin of the legendary Korean drinking water recipe. You can trust the costumes and makeup of the performers. that can be considered completely intentional Moreover, the beauty of the performers The details are obviously from the fashion of the late 80s.

Therefore, it must be agreed that the opening and closing scenes of Seoul Vibe are quite impressive and interesting. And it is the most okay point of the movie. In the middle of the movie, it gets a little dull. With details that are fun to look at, it also gives a bit of a real feeling. That makes this movie an entertaining movie. But it still lacks the charm it should have a little bit.

ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังเกาหลี เรื่อง Seoul Vibe (2022) ซิ่งทะลุโซล หนังประเภท Crime อาชญากรรม เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS