KUBHD ดูหนังออนไลน์ Saving Private Ryan (1998)
เรื่องย่อ
Saving Private Ryan (1998) ฝ่าสมรภูมินรก เปิดฉากด้วยการรุกรานนอร์มังดีของพันธมิตรเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2487 สมาชิกของกองพันทหารพรานที่ 2 ภายใต้ Cpt มิลเลอร์ต่อสู้ขึ้นฝั่งเพื่อยึดหัวหาด ในระหว่างการต่อสู้สองพี่น้องถูกสังหารในปฏิบัติการ ก่อนหน้านี้ในนิวกินีพี่ชายคนที่สามคือ KIA นางไรอันแม่ของพวกเขาจะได้รับโทรเลขหลุมศพทั้งสามในวันเดียวกัน จอร์จซี. มาร์แชลเสนาธิการกองทัพสหรัฐฯได้รับโอกาสบรรเทาความเศร้าโศกของเธอเมื่อเขารู้ว่ามีพี่ชายคนที่สี่เจมส์ไรอันและตัดสินใจส่งชาย 8 คนออกตามหาเขาและพาเขากลับบ้าน กับแม่ของเขา
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง Saving Private Ryan (1998) ฝ่าสมรภูมินรก หนังประเภท War สงคราม เว็บดูหนัง ดูหนัง ออนไลน์ KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
สตีเวน สปีลเบิร์ก
บริษัท ค่ายหนัง
- แอมบลินเอนเทอร์เทนเมนต์
- มิวชัวล์ฟิล์มคอมปานี
นักแสดง
- ทอม แฮงส์
- เอ็ดเวิร์ด เบิร์นส์
- แม็ตต์ เดม่อน
- ทอม ไซส์มอร์
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
สมาชิกหมายเลข 1354712
[CR] Saving Private Ryan : เข้าใจเลยว่าทำไมถึงกลายเป็นตำนาน
Saving Private Ryan
เป็นหนังสงครามที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมาจริงๆ
โอ้ หนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่าหนังสงครามมันก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเอาไว้ เอาตรงๆ เราไม่ค่อยชอบดูหนังแบบนี้เท่าไหร่ หลับตลอดอ่ะ555555 แต่เรื่องนี้คือมันดึงดูดเรามาก ทุกฉาก ทุกซีน ทุกเม็ด คือมันดีจริง
ชื่อเรื่องคือแบบแปลกมากสำหรับเรา แปลตรงๆ จะได้ประมาณว่า ‘ช่วยเหลือไรอันแบบเป็นส่วนตัว’ นี่ก็คิดแบบ อะไรของมันวะ555555 แต่จริงๆ แล้วไอ้คำว่า Private ในที่นี้หมายถึงยศของทหารนั่นเองจ้า ชื่อเรื่องนี้จึงหมายถึง ‘การช่วยเหลือพลทหารไรอัน’ นั่นเอง
เนื้อเรื่องรวมๆ เล่าถึงกองทัพทหารกลุ่มนึงซึ่งนำโดยผู้กองจอห์นที่พึ่งเคลียรเหล่าทหารของฮีตเลอร์ในวันดีเดย์เสร็จ ก็ได้รับภารกิจใหม่ให้ไปช่วยเหลือพลทหารไรอัน ซึ่งพี่น้องทั้ง 3 ของเค้าได้ตายในสงครามแล้ว ทางกองทัพเลยอยากนำตัวไรอันซึ่งเป็นลูกคนสุดท้ายกลับไปคืนแม่โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ เลยส่งกองทัพของผู้กองจอห์นเนี่ยไปช่วยเหลือตามล่าหาไรอันที่โดดร่มหลงหายไปไหนก็ไม่รู้
ชอบประเด็นความลังเลในจิตใจของพลทหารในกองทัพทหารมาก คือเหมือนมันก็จริงอ่ะ ให้เราแบบสละชีวิตเสี่ยงตายเดินทางไกลท่ามกลางสงครามอันวุ่นวายเพื่อมาช่วยคนๆ เดียวเราก็ไม่เอาเหมือนกัน ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งแค่ไหนถึงจะยอมได้ขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ระหว่างการเดินทางจะมีเรื่องราวมากมายและคำพูดที่กัดกินใจเราได้หลายประโยค และทุกสิ่ง ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของตัวละครคือมันโคตรเรียล
ดูเรื่องนี้แล้วเหมือนเราได้ร่วมเดินทางไปกับผู้กองจอห์นด้วยยังไงอย่างงั้น ฉากรบก็ทำได้ตื่นเต้นและน่าลุ้นเว่อร์ ฉากดราม่าก็ทำได้ซึ้งกินใจเว่อร์ เรียกได้ว่าครบเครื่องจริงๆ เราว่าการดำเนินเรื่องของหนังทำได้มีเสน่ห์และน่าติดตามมากๆ ถึงไม่ใช่ฉากยิงกันปิ้วๆ แค่ฉากพลทหารเดินทางหรือพูดคุยกัน แต่ทำออกมาได้น่าติดตามจริงๆ
ฉากเริ่มกับฉากจบเป็นอะไรที่แบบชอบมาก มันอาจจะมีเกลื่อนทั่วไปแล้วสำหรับการเริ่มเล่าเรื่องและตอนจบแบบนี้ แต่เราก็ยังคงชอบนะ ดูแล้วแบบเออ มันเป็นความทรงจำที่ตราตรึงใจดี อะไรแบบนี้
ขออีกนิดนึงว่าฉากรบเป็นอะไรที่ดีงามมาก ระเบิดเป็นระเบิด รถถังเป็นรถถัง ปืนใหญ่เป็นปืนใหญ่ เรารู้สึกว่ามันสมจริงและอลังการงานสร้างมาก ฆ่าคือฆ่า เลือดคือเลือด เห็นชัดทุกองศาเลยจริงจัง
—- เป็นการสปอยฉากสำคัญหลังจากนี้ ดูแล้วมาเม้ากัน —–
เป็นหนังที่มีฉากที่ชอบเยอะมากกกกก
– ฉากที่พลทหารคนนึงโดนมีดค่อยๆ เสียบทะลุหน้าอกโดยที่อัพฮัมยืนป๊อดอยู่หน้าประตู ดูแล้วเจ็บจี๊ดมากเว่อร์อ่ะพวกคุณ แบบถ้าแค่เข้าไปช่วยซักนิดเพื่อนก็รอดแล้วแท้ๆ
– ฉากที่สไนเปอร์โดนยิง ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ เลยกับฉากนี้
– ฉากที่พลทหารกำลังทะเลาะกันเรื่องทำไมต้องแลกชีวิตเพื่อนๆ เพื่อช่วยคนๆ เดียวด้วยจนเกือบจะยิงกันตาย จนผู้กองจอห์นต้องมาห้ามไว้โดยการบอกอาชีพที่ตัวเองทำอยู่ไป ชอบบบบ
– ฉากที่พลทหารไรอันเล่าถึงวีรกรรมสุดแสบของสี่พี่น้องก่อนที่พี่เค้าจะต้องมาเกณฑ์ทหาร คือนางหัวเราะหนักมาก แต่เป็นการหัวเราะที่ไม่น่าขำเลยซักนิด น้ำตาคลอกันเลยทีเดียว
– ฉากที่พลทหารนั่งสูบบุหรี่เตรียมรอข้าศึกแล้วให้อัพฮัมแปลเพลงให้ เป็นฉากชิลๆ อีกฉากที่ทำให้เรารู้สึกมาก แบบทหารพวกนี้คงจะปลงแล้วจริงๆ ตายเป็นตาย รอดเป็นรอด
– ฉากช่วยคุณหมอที่โดนยิงทะลุตับ เป็นฉากที่ทำเราน้ำตาตกได้เลยจริงๆ ชอบความที่ทุกคนช่วยกันปฐมพยาบาลคุณหมอโดยการถามว่าเราต้องทำอะไรบ้าง แล้วช่วยกันบรรยายความเป็นไปของบาดแผล เป็นซีนที่ไม่ต้องใช้คำพูดลึกซึ้งแต่โคตรมีพลัง
———— จบสปอย ———-
ฉากสรุปของเรื่องเป็นอะไรที่ทอม แฮงค์คือหล่อมากค่ะ กราบตีนสุดแรงกายแรงใจ ไม่เคยเจอพระเอกเรื่องไหนที่ยิ้มโคตรเท่ขนาดนี้อีกแล้ว555555 ชอบจังเลย
สรุปว่า เป็นหนังสงครามที่มีหลายมู้ดมากกว่าที่เคยคิดว่าจะมีได้ และทุกมุ้ดหนังพาเราไปจนสุด สุดขอบจักรวาลเลยก็ว่าได้ บทหนังและการแสดงทำออกมาได้อย่างโคตรเพอร์เฟค เป็นหนังสงครามที่ดีที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยดูมา ทุกอย่างมันลงตัวซะจนเราไม่รู้จะติอะไรเลยจริงๆ ดูจบแล้วซึมไปหลายวัน อยากเป็นทหารรับใช้ชาติกันเลยทีเดียว5555
10/10
แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
สมาชิกหมายเลข 3371273
[CR] Saving Private Ryan ฝ่าสมรภูมินรก หนังสงครามอันดับหนึ่งในดวงใจ
สวัสดีครับ ครั้งนี้ผมจะมารีวิวหนังสงครามที่เรียกได้ว่าดีที่สุดสำหรับผมเลยทีเดียว นั่นก็คือเรื่อง Saving Private Ryan ฝ่าสมรภูมินรก นั่นเอง
ต้องบอกก่อนเลยว่าโดยส่วนตัวเป็นคนชอบดูหนังสงครามหรือแนวบู้ล้างผลาญอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับหนังสงครามที่เกิดขึ้นจริงแล้วนั้นยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ตอบโจทย์ความต้องการของผมได้เป็นอย่างดี
Saving Private Ryan เป็นเรื่องราวของทหารในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อครั้งบุกโจมตีในวันดีเดย์ ซึ่งหลังจากที่บุกขึ้นหาดได้สำเร็จ สามวันให้หลังหน่วยเหนือได้เรียกร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์ เข้าพบเพื่อมอบหมายภารกิจพิเศษให้ นั่นก็คือการติดตามตัวพลทหารเจมส์ ไรอัน ซึ่งเป็นลูกคนสุดท้องของตระกูลกลับบ้าน เนื่องจากพี่ชายของเขาทั้งสามคนต้องเสียชีวิตจากการรบในเวลาไล่เรี่ยกัน ทางกองทัพต้องการตอบแทนคุณแม่ของไรอันด้วยการส่งลูกชายคนสุดท้องคืนสู่อ้อมอก เพื่อชดเชยการที่ต้องสูญเสียลูกชายไปพร้อมกันถึงสามคน ร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์ จึงได้นำทีมของเขาเข้าทำภารกิจนี้ ซึ่งนับเป็นภารกิจที่เสี่ยงอันตรายมาก และทำให้เกิดข้อสงสัยในทีมของ จอห์น ว่าทำไมถึงต้องเสียสละคนส่วนใหญ่ เพื่อช่วยชีวิตคนเพียงคนเดียว ที่งที่พวกเขาเองก็ต้องเอาชีวิตรอดจากสงครามกลับไปหาครอบครัวเหมือนกัน พวกเขาต้องเจอกับเหตุการณ์มากมาย ทั้งต้องต่อสู้กับข้าศึกและยังคงต้องต่อสู้กับความสับสนในใจของตนเอง สุดท้ายพวกเขาจะรอดผ่านมันไปได้หรือไม่ แนะนำให้ลองหาดูครับ
กำกับโดย สตีเว่น สปีลเบิร์ก
นำแสดงโดย ทอม แฮงค์,แมตต์ เดม่อน,ทอม ไซส์มอร์,วิน ดีเซล,เจเรมี่ เดวีส์,เอ็ดเวิร์ด เบิร์น,แบร์รี่ เป็ปเปอร์,อดัม โกลด์เบิร์ก ฯลฯ
เข้าฉายเมื่อปี 1998
สำหรับผมหนังเรื่องนี้คือที่สุดแล้วของหนังสงคราม มีครบทุกรสชาติทั้งมัน ซึ้ง สนุก เศร้า ดราม่า ทั้งบทและฉากก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดี (โดยเฉพาะฉากบุกขึ้นหาดผมให้ 10/10 เลย) การดำเนินเรื่องเข้าใจง่ายไม่วกไปวนมา อาจจะมีบางฉากบางตัวละครที่ดูแล้วขัดใจอยู่บ้าง (สงสัยอินเกินไปหน่อย) แต่โดยรวมถือว่าหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว
แนะนำให้คนที่ยังไม่เคยดู ลองหามาดูนะครับ รับรองคนที่ชอบหนังแนวสงครามไม่ผิดอย่างหวังแน่นอน
ส่วนคนที่เคยดูแล้ว ผมเชื่อว่าคุณคงชอบหนังเรื่องนี้มากๆเหมือนกัน
สุดท้ายนี้ก่อนจากกัน อยากจะบอกทุกคนว่า “อยู่ให้คุ้ม !!” สวัสดีครับ อมยิ้ม17
ฉันชอบดูหนัง
Saving Private Ryan (1998) ช่วยเหลือตัวเองนะไรอัน 😂เป็นภาพยนตร์สงครามดราม่า ของพ่อมดแห่งฮอลีวู้ดอย่าง สตีเฟน สปิลเบิร์ก ผู้ที่มีผลงานมากมายหลากหลายแนวจนขี้เกียจจะบรรยาย แต่คราวนี้เขาได้มาจับงานสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้นักแสดงนำอย่าง ทอม แฮงค์, เอ็ดเวิร์ด เบิร์นส์, ทอม ไซส์มอร์, แบร์รี่ เป็ปเปอร์, วิน ดีเซล, จิโอวานนี่ ริบิซี่, อดัม โกลด์เบิร์ก, แมตต์ เดม่อน และ เจเรมี เดวีส์
เรื่องย่อ : เป็นเหตุการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตระกูลไรอันได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต คือการที่ต้องสูญเสียลูกๆของเขาไปถึง 3 คนจาก 4 คนที่ไปร่วมรบ จึงเกิดเป็นภารกิจลับตามตัวไรอันคนสุดท้ายเพื่อที่จะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว แต่เรื่องราวมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะพวกเขาต้องเจอกับศัตรูระหว่างทางมากมาย จนเกิดเป็นความมันส์และความประทับใจที่สุดแสนจะซาบซึ่ง
ความสำเร็จ : ถือว่าเป็นอีกผลงานสุดมาสเตอร์พีคของสปิลเบิร์กก็ว่าได้ เพราะหนังมันประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่สามารถทำเงินไปถึง 481,840,909 ดอลลาร์ จากเงินลงทุน 70 ล้านดอลลาร์ และหลังจากหนังเข้าฉายหลายสำนักยกให้ Saving Private Ryan เป็นเต็ง 1 ของการคว้ารางวัลออสก้า ถึงปีนั้นจะมีคู่แข่งเป็นหนังสงครามเหมือนกันอย่าง The Thin Red Line ก็ไม่อาจต้านทานกระแสขอไรอันได้ ยกเว้นแต่หนังรักดราม่าอย่าง Shakespeare in Love ที่พลิกล็อกจนคนทั้งโลกยกให้ในปีนั้น เป็นปีที่ออสก้าพลิกล็อกที่สุดตั้งแต่มีมา
โดย Saving Private Ryan นั้นเข้าชิงถึง 11 สาขา และสามารถชนะมาถึง 5 สาขา แต่พลาดรางวัลใหญ่สุดของงานไปอย่างน่าเสียดาย รางวัลที่คว้ามาได้ อาทิเช่น ผู้กำกับยอดเยี่ยม , ถ่ายภาพยอดเยี่ยม , ตัดต่อยอดเยี่ยม , บันทึกเสียงยอดเยี่ยม และ ลำดับเสียงยอดเยี่ยม
มาพูดถึงความรู้สึกหลังดูกันบ้าง : ขอบอกก่อนเลยว่าปกติผมไม่ค่อยชอบดูหนังสงครามเท่าไรนัก เพราะผมเกลียดสงคราม มันไม่เคยมีดีอะไรดีขึ้นเลยแถมยังทำให้เกิดการสูญเสียมากมายตามมา ไม่ว่าจะเป็นสงครามโลก สงครามกลางเมือง หรือสงครามที่ไม่นานอาจจะเกิดขึ้นกับประเทศของเรา ผมไม่อยากให้มีเหตุการณ์นองเลือดขึ้นอีก…..
นอกเรื่องไปหน่อย กลับเข้าเรื่องดีกว่า ถึงผมจะไม่ชอบหนังสงคราม แต่เรื่องนี้เป็นงานของสปิลเบิร์กเลยนะเว้ย จะไม่ได้ดูได้ไง พอตัดสินใจจะดู ดันเหลือบไปเห็นความยาวของหนังที่ 2 ชั่วโมง 50 นาที คิดในใจจะตายไหมวะเนียตรู ถ้าเป็นแนวอื่นยังพอไหว เลยเป็นไงเป็นกันวะกดเปิดดูแมร่งและพยายามทำใจให้เย็น
โอ้แม่เจ้า แค่ฉากเปิดเรื่องก็มันส์จนเลือดสาด แถมความสมจริงผมให้เต็มสิบเลย ทั้งมุมกล้องที่สั่นตลอดเหมือนโดนปืนยิง หรือจะเป็นการเมคอัพทหารที่กำลังจะตาย..จนบางทีผมจะอวกเลยนะ เพราะมันสมจริงเกิน…
หลังจากนั้นหนังก็เริ่มให้เราเห็นถึงเหตุการณ์น่าเศร้าของครอบครัวไรอัน ที่ต้องแยกทางกับดอม…ถุ๊ย ! คนละเรื่องแหละ เอาใหม่ๆ หนังมันทำให้เราเห็นถึงโศกนาฏกรรมของครอบครัวไรอัน ที่ต้องสูญเสียพวกลูกๆทีเดียวไปถึง 3 คน ฉากนี้เป็นใครก็รับไม่ได้ทั้งนั้น…จนทำให้ทางการต้องมอบภารกิจแก่ ร้อยเอก จอห์น มิลเลอร์ให้นำตัวไรอันกลับบ้านอย่างปลอดภัย
ร้อยเอก จอห์น มิลเลอร์นั้นแกเป็นคนที่มีปมในใจที่น่าสนใจไม่น้อย แถมยังได้ดาราชื่อดังอย่าง ทอม แฮงค์ มารับบทนี้อีกต่างหาก การแสดงของพี่แกเรื่องนี้ก็ดีเยี่ยมเช่นเคย ดีจนได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลกันแทบทุกสำนัก…ส่วนออสก้าพี่แกต้องแพ้ให้กับ… ขอโทษครับจำชื่อไม่ได้..พระเอกจากเรื่อง Life is beautiful ที่ต้องบอกว่าเฉือนกันไปแค่ปลายจมูก แต่ก็ต้องยอมรับว่า โรแบร์โต เบนิญญี แกแสดงได้ดีจนผมร้องไห้เช่นกัน
ส่วนตัวละครที่ทำให้เกิดพล็อตอย่าง เจมส์ ฟรานซิส ไรอัน ที่รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่ในตอนนั้นอย่าง แมตต์ เดม่อน ซึ่งตอนนั้นสปิลเบิร์กต้องการใช้นักแสดงที่คนไม่ค่อยคุ้นหน้า แต่ปีนั้น..แมตต์ เดม่อน ดันได้รางวัลออสก้าจนทำให้โด่งดังจากเรื่อง Good Will hunting ไปเสียก่อน แต่ก็ถึงอย่างไรมันก็ไม่สามารถลดคุณค่าของหนังได้เลยแม้แต่น้อย
มาพูดถึงบทภาพยนตร์ : ต้องบอกว่าพล็อตดีมาก เพราะปกติที่เคยเห็นหนังสงครามต้องบู้ แอ็คชั่น วางแผน เคยดูแค่ประมาณนี้ ไม่เคยดูงานสงครามดราม่ามาก่อน มันจึงทำให้ผมไม่ระวังตัว ดูไปก็คิดว่าคงจบแบบสวยงามตามสปิลเบิร์ก….หรอ… เล่นเอาผมร้องไห้เฉยเลย ผมก็คิดนะว่าหนังแนวนี้มันต้องมีการสูญเสียบ้าง แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ ทำร้ายจิตใจผมเกิน ผมรักตัวละครนี้มาก ทำใจไม่ได้…อินจัด….
เห็นไหมว่าทำไมผมถึงเกลียดสงคราม ก็เพราะแบบนี้ไง มีแต่การสูญเสียทั้งนั้น ยิ่งต้นปีที่เกือบจะมีสงครามโลกครั้งที่ 3 ระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน ถ้าเกิดขึ้นจริงประเทศที่ได้รับผลกระทบจะแย่ขนาดไหน ยิ่งถ้าเป็นประเทศไทยที่แย่อยู่แล้วมันจะแย่หนักกว่าเดิมขนาดไหน และถ้ากำลังทำสงครามกันอยู่เกิดเหตุโรคระบาดขึ้นอีกจะพินาศมากแค่ไหน…ขอโทษที่แอนตี้สงครามนะ ไม่ชอบจริงๆ
สรุป มันเป็นหนังสงครามที่ซาบซึ้งตรึงใจจนเสียน้ำตาโดยไม่รู้ตัว….
คะแนน 9/10
Kanin The Movie
“อยู่ให้คุ้มนะ”
เป็นไดอะล็อกสั้นๆ แต่ทรงพลังอย่างที่สุดจาก Saving Private Ryan (1998) จริงๆ หนังหลายเรื่องของสปีลเบิร์ก แม้เราจะไม่ได้ชอบมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาดีไซน์วิธีจบเก่งจริงๆ (Ready Player One ล่าสุดของเขานี่เอาตายเหมือนกันตอนได้ Easter Egg) เช่นเดียวกับเรื่องนี้ พอเราเอากลับมาดูอีกรอบแม้มันจะไม่ใช่หนังสงครามที่สุดในดวงใจอีกต่อไป แต่ก็ตายกับ “Earn this, Earn it” ของ ทอม แฮงก์ อยู่ดี มันมนุษย์มากๆ อย่างบอกไม่ถูก เพราะถึงท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าหนังจะโปรหรือว่าต่อต้านสงคราม มันก็คือเรื่องราวของมนุษย์เกือบ 10 คนที่สละชีวิตให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ชายที่ไม่ได้เป็นคนในครอบครัว ไม่ได้รู้จัก หรือมีความผูกพันใดๆ พวกเขาแค่ได้รับคำสั่งมาก็เท่านั้น ซึ่งท้ายที่สุดเราก็ได้เห็นว่าไอ้คำพูดสั้นๆ ของมิลเลอร์ มันได้หล่อหลอมชีวิตของเจมส์ตลอดหลายทศวรรษต่อไปมากเพียงไร
.
แม้ว่าปัจจุบันเราจะมีหนังสงครามที่รักกว่า Saving Private Ryan หลายเรื่อง (ย้อนกลับไปตอนวัยเยาว์ เรามีแค่เรื่องนี้นี่แหละที่ได้ดู) แต่ก็ต้องยอมรับว่างานสร้างของสปีลเบิร์กแม่งสุดยอดจริงๆ ซีเควนซ์เปิดเรื่องยังคงบ้าคลั่งข้ามยุคสมัย และแทบจะหาหนังที่จะทำได้ถึงแบบเขาไม่ได้เลย จนถึงซีเควนซ์สู้ตอนท้ายเรื่องความยาว 30-40 นาที ก็สุดยอดเช่นกัน มโหฬารทั้งโปรดักชั่นและทางความรู้สึก ใครยังไม่ได้ดูเราแนะนำมากๆ เรารีมาสเตอร์ 4K แล้วยิ่งสุดยอดไปใหญ่เลย (หาดูได้ใน AppleTV หรือแผ่นก็ได้ มีไทยครับ)
– Saving Private Ryan (1998)
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
EXTRACTION 2 (2023) คนระห่ำภารกิจเดือด 2
Midway (2019) อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น
7.1