RoboCop (2014) โรโบคอป
เรื่องย่อ
ดูหนัง ออนไลน์ Robocop “โรโบคอป” ได้รับผลตอบแทนเป็นอย่างดีในเวอร์ชั่นนี้ เป็นการปัดฝุ่นหนังแอ็คชั่นยุค 2014 มาเล่าใหม่ ผ่านตัวเอก อเล็กซ์ เมอร์ฟีย์ (โจแอล คินนาแมน) ตำรวจผู้รักและซื่อสัตย์ต่ออาชีพของตัวเอง ซึ่งทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในการปราบอาชญากรรมและคอรัปชั่นในเมืองดีทรอยท์รวมถึงเป็นพ่อและสามีที่ดีให้ครอบครัวมาโดยตลอด จนวันหนึ่งได้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ออมนิคอร์ป บริษัทเทคโนโลยีหุ่นยนต์ เพื่อการป้องกันชั้นนำของโลกอย่าง iron man ทำให้เห็นโอกาสในการสร้างตำรวจที่สมบูรณ์แบบ นั่นคือหุ่นยนต์ที่สามารถชำระล้างเมืองแห่งนี้ โดยไม่ทำให้ชีวิตของตำรวจต้องตกอยู่ในอันตราย
ผู้กำกับ
José Padilha
บริษัท ค่ายหนัง
- Strike Entertainment
นักแสดง
- Joel Kinnaman
- แกรี โอลด์แมน
- ไมเคิล คีตัน
- ซามูเอล แอล. แจ็กสัน
- Jay Baruchel
- Abbie Cornish
- Jackie Earle Haley
- Jennifer Ehle
- Marianne Jean-Baptiste
- Michael Kenneth Williams
- Douglas Urbanski
โปสเตอร์หนัง RoboCop (2014)
รีวิวหนัง
หนังโปรดของข้าพเจ้า
• ไม่ชอบต้นฉบับเพราะรู้สึกว่ามันเป็นหนังแอ็คชั่นเน้นความรุนแรง เน้นฉากโหดเอาสะใจประมาณนั้น
• ดูฉบับ remake แบบไม่คิดอะไร ผิดคาดมาก หนังดีกว่าที่คิดไว้พอสมควร
• ส่วนหนึ่งที่ผมชอบฉบับ remake อาจจะเป็นเพราะมันลงน้ำหนักไปที่ประเด็น sci-fi มากกว่าการขายฉากแอ็คชั่นเน้นบันเทิง
• โครงเรื่อง Robocop ปรับให้เข้ายุคสมัย พล็อตพิมพ์นิยมของหนัง sci-fi ยุคหลัง 2000s ก็คือการตั้งคำถามเกี่ยวกับการยืนยันตัวตนว่าเป็น ‘จักรกลที่ทำตามคำสั่ง หรือเป็นมนุษย์ที่มีอิสระในการตัดสินใจ (free will)’
• พล็อตแนวตั้งคำถามว่าเป็นจักรกลหรือมนุษย์นี่มีให้เห็นหลายเรื่องเหมือนกัน ล่าสุดก็ Transcendence
• ส่วนหนัง sci-fi แนวเหรียญสองด้านของเทคโนโลยีนี่ช่วงปี 2000 เข็นกันมาเยอะมาก เช่น Eagle Eye, I Robot
• โครงเรื่องหลักที่น่าสนใจของ Robocop ฉบับ remake ก็คือประเด็นการตัดสินใจมอบอำนาจให้หุ่นยนต์ทำหน้าที่รักษากฎหมายว่าจะเป็นผลดีหรือผลเสียแค่ไหน
• โลกอนาคตปี 2028 ‘อเล็ก เมอฟี่ย์’ (Joel Kinnaman) ตำรวจซื่อสัตย์มือดีถูกลอบวางระเบิดจนสูญเสียอวัยวะ ทำให้เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนเจาะตลาดให้ประชาชนในอเมริกาสนับสนุนการใช้หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย
• คือผลสำรวจการตลาดพบว่าประชาชนอยากได้หุ่นยนต์ที่มีจิตสำนึกหรือมีความเป็นมนุษย์ ‘เรย์มอนด์’ (Michael Keaton) เจ้าของบริษัทก็เลยตั้งใจจะใส่มนุษย์เข้าไปในเครื่องจักร
• พวกเขาเลยต้องพึ่ง ‘นอร์ตัน’ (Gary Oldman) นักประดิษฐ์ที่สามารถผสมจักรกลเข้ากับร่างกายมนุษย์
• เนี่ยแหละครับที่มาของตำรวจเหล็ก 2014
• อย่างที่บอกครับว่าผมชอบที่หนังเทน้ำหนักให้ความเป็น sci-fi มากที่สุด ซึ่งมันส่งผลต่อเรื่องการตั้งคำถามถึงความไว้วางใจที่มีต่อผู้รักษากฎหมายในอุดมอคติ
• ผู้รักษากฎหมายในอุดมคติก็คือ ปราศจากการคอรัปชั่น, ทำหน้าที่ได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ, เข้าถึงคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว, ปราศจากอคติและความกลัว ที่สำคัญคือไม่มีความผิดพลาด
• แต่มนุษย์พร้อมจะให้อำนาจบังคับกฎหมายกับจักรกลที่ไม่มีอารมณ์และจิตสำนึกการแยกแยะที่ละเอียดอ่อนหรือไม่
• โจเซ่ ปาดิลญ่า ผู้กำกับหนังเรื่องนี้แจ้งเกิดจากหนังตำรวจปราบปรามยาเสพติดในบราซิล (Elite Squad และภาคต่อ Elite Squad: The Enemy Within ซึ่งทั้งสองภาคก็ไม่ใช่ดีเด่อะไรในสายตาผม ทั้งสองภาคเด่นในเรื่องฉากแอ็คชั่นปฏิบัติการณ์ดิบ สมจริง ส่วนวิธีการเล่าเรื่องอยู่ในขั้นธรรมดาค่อนไปทางแย่)
• พูดถึงฉากแอ็คชั่นสักนิดว่ามันยังเป็นแบบเวอชั่นเดิมเลยแฮะ พวกตัวร้ายก็เน้นกระหน่ำกระสุนเข้าใส่ Robocop ไม่ยั้ง อีตา Robocop ก็ถึกอยู่ละ ไล่ยิงสวนกลับนิ่ม ๆ สบาย ๆ
• ฉากแอ็คชั่นฉบับนี้ชดเชยด้วยงาน visual effect ส่งเสริมความเท่และความคล่องแคล่วของ Robocop
• ชอบฉาก Robocop ดวลกับ ED-209 มากกกกกก ยิงกันมันตับแลบเลย
• แล้วที่ชอบตอนดวลกับ ED-209 อีกอย่างคือมันมีอะไรมากกว่ายิงเอามัน แต่มีเล่นจุดโหว่ของหุ่นยนต์ด้วย
• เดิมทีบริษัทสร้าง Robocop เพื่อตามจับคนร้ายที่มีข้อมูลในฐานประวัติอาชญากรรมอยู่แล้ว แต่พอ Robocop ลงมือสืบคดีคนร้ายฆาตกรรมตัวเองนี่แจ่มมาก
• ชอบตรงที่หนังใช้ประโยชน์ของฐานข้อมูลผนวกเข้ากับเทคโนโลยีความสามารถของ Robocop ทำให้เข้าถึงตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว
• การสืบสวนของหนังเรื่องนี้เลยดูง่ายไปนิดนึงเพราะมันล้ำเนี่ยแหละ ฮ่าๆๆ
• ฉากจบ Robocop ต้นฉบับมันเจ๋งในแง่ความน่าจดจำ คือ Robocop ไม่สามารถลั่นไกใส่เจ้าของตัวเองได้ ของเก่าเขาก็มีวิธีทำให้ลั่นไกในแบบของเขา
• แต่ผมชอบของฉบับ remake เช่นกัน ผกก.กล้าที่จะแตกต่างและสร้างฉากจบของตัวเองที่ตอกย้ำประเด็นที่หนังตั้งคำถามมาทั้งเรื่อง
• บทของเฮีย Samuel L. Jackson ในรายการ ‘ธาตุโนแวค’ (อันนี้ผมแซวคนแปลซับไทยนะว่าชุ่ยมาก) ผมมองว่าเป็นส่วนที่ช่วยให้หนังย่อยง่ายขึ้น
• คือถ้ามันเป็น hard sci-fi หนัก ๆ คงไม่ได้เห็นสื่อมารายงานชี้นำประชาชนแบบนี้เป็นระยะแน่นอน (เพราะคงให้คนดูตีความเอง ฮ่าๆๆ)
• แต่เมื่อเป็นหนัง popcorn movies การใส่ตัวช่วยให้คนดูเข้าใจหนังได้ง่ายขึ้นจึงเป็นทางเลือกที่ดี
• ต้องชมด้วยว่าบทซามูเอล แจ๊กสันไม่เป็นส่วนเกินของหนังแต่อย่างใด
Dead or alive, you’re coming with me!
Director: Jose Padilha
1987 screenplay: Edward Neumeier, Michael Miner
Screenplay: Joshua Zetumer
Genre: Sci-fi, Crime, Action, Thriller
7.5/10
Apple101
[CR] RoboCop (2014) …ดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ
รีเมคออกมาดีกว่าที่คิดไว้มากเลยแหะ ดูจบแล้วทำให้อยากไปหา Elite Squad (2007) และ Elite Squad: The Enemy Within (2010) หนังตำรวจสัญชาติบราซิลผลงานแจ้งเกิดของผู้กำกับคนนี้ (José Padilha) มาดูต่อ
มีจุดที่อยากติแค่สองจุดเท่านั้นคือ 1) ฉากแอ็คชั่นทำออกมาได้ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย คือดูแล้วรู้เลยว่าเรต PG-13 ทำพิษ ยิ่งถ้าเอาไปเทียบกับฉากแอ็คชั่นใน RoboCop ต้นฉบับของผกก. Paul Verhoeven ที่ถึงน้ำ(แดง)ถึงเนื้อ(มนุษย์)กว่ากันมากนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง และ 2) ฉากไคลแม็กซ์ช่วงท้ายของหนังที่ค่อนข้างจะ cliché เล่นท่าง่ายเกินไปหน่อย นอกนั้นแล้วก็ถือว่าสอบผ่าน ขอแค่อย่าเอาไปเทียบกับ RoboCop ต้นฉบับก็พอ
ชอบที่ฉบับรีเมคหยิบเอาเนื้อหาและประเด็นของต้นฉบับปี 1987 มาอัพเดตใหม่ได้ทันยุคทันสมัยดีมาก คือถ้า RoboCop ฉบับปี 1987 เป็นการ“จิกกัด”รัฐบาลอเมริกายุค Ronald Reagan ฉบับรีเมคก็ดูจะเป็นการ“วิพากษ์วิจารณ์”รัฐบาลยุค Bush และ Obama (ที่ใช้คำว่า“วิพากษ์วิจารณ์”แทนที่“จิกกัด”ก็เพราะว่าโทนหนังของฉบับรีเมคมันแลดูจริงจังกว่าต้นฉบับมาก)
แต่ที่ชอบยิ่งไปกว่านั้นคือทีมนักแสดงของหนัง Alexander Skarsgard เอ๊ย Joel Kinnaman (ไม่รู้ทำไม พอเห็นหน้าสองคนนี้แล้วชอบจำสลับกันตลอด) เขาก็รับบทเป็น Alex Murphy / RoboCop ได้ดีในแบบของเขานะ เพียงแต่เมื่อมาอยู่ท่ามกลางทีมนักแสดงของหนังที่มีทั้ง Gary Oldman (ที่ดีมากๆ), Abbie Cornish (ที่ดีมากๆๆๆๆๆๆ), Michael Keaton (ที่ยียวนกวนประสาทมาก เหมือนเป็น Steve Jobs เวอร์ชั่นโหดสัส),และ Samuel L. Jackson (ที่แย่งซีนมาก – ดูมาดเฮีย Sam Jackson ในหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงพวกผู้สื่อข่าวช่องเหลือง/แดงในไทย)เลยกลายเป็นว่าพระเอกของหนังเป็นนักแสดงที่เล่นอ่อนที่สุดไปเลยซะงั้น
7.5/10
ป.ล. ยิ่งเกิดความปรานี RoboCop ฉบับรีเมคเข้าไปใหญ่ตอนที่หนังใช้เพลงของวงพังค์ระดับตำนานอย่าง The Clash เป็นเพลงปิดเครดิต
6.3