ดูหนังออนไลน์ใหม่2024 หนังเต็มเรื่อง ดูหนัง 2023 HDฟรี
8xbet212

Homestay (2018) โฮมสเตย์

ให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้

ตัวอย่าง

Homestay (2018) โฮมสเตย์

Homestay (2018) โฮมสเตย์

เรื่องย่อ

ผู้ชายท่าทางลึกลับที่เรียกตัวเองว่า ผู้คุม (นพชัย ชัยนาม) บอกผม ในขณะที่เรายืนประจันหน้ากันบนผนังตึกของโรงพยาบาลที่หมุนพลิกราวกับแรงโน้มถ่วงกลับด้าน! ผู้คุมไม่รอให้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว เขากระชากคอเสื้อผมให้มาฟังคำอธิบายถึงรางวัลที่วิญญาณเร่ร่อนอย่างผมได้รับ นั่นก็คือการได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กม.ปลายที่ชื่อ มิน (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ที่นอนนิ่งอยู่ในตู้เก็บศพของโรงพยาบาลแห่งนี้ จะว่าไปการได้มาอยู่ในร่างใหม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่โฮมสเตย์ คืออยู่ได้แค่ชั่วคราว แถมยังไม่ได้อยู่ฟรีๆ เพราะผมต้องหาคำตอบให้ได้ภายใน 100 วัน ว่า “มินตายเพราะใคร” ถ้าตอบไม่ได้ ผมจะต้องตายและจากร่างโฮมสเตย์นี้ไปตลอดกาล

ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังไทย เรื่อง Homestay (2018) โฮมสเตย์ หนังประเภท Drama ดราม่า เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD ดูหนัง ออนไลน์ หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS

ผู้กำกับ

ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ

บริษัท ค่ายหนัง

จอกว้าง ฟิล์ม

นักแสดง

  • ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ
  • เฌอปราง อารีย์กุล
  • สู่ขวัญ บูลกุล
  • ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์
  • วิโรจน์ ควันธรรม
  • ศรุดา เกียรติวราวุธ
  • ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล
  • เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์
  • นพชัย ชัยนาม

โปสเตอร์หนัง

โฮมสเตย์ (ภาพยนตร์) - วิกิพีเดีย

AnyConv.com Homestay 2018 โฮมสเตย์

HOMESTAY 2

รีวิวหนัง

เก็ทนะ แสดงความคิดหนัง

Homestay (2018) โฮมสเตย์

” โฮมสเตย์ ” ภาพยนตร์ไทยดราม่าแฟนตาซีทริลเลอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายญี่ปุ่นเรื่องดังอย่าง ” Colorful ” หรือในชื่อไทย ” เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม” ผลงานของคุณเอโตะ โมริ โดยได้ทางคุณภาคภูมิ วงศ์ภูมิ นั่งแท่นผู้กำกับและเขียนบทด้วยตัวเอง ซึ่งทางคุณโอ๋นั้นถือว่าเป็นผู้กำกับไทยที่มีผลงานสยองขวัญมากมายไม่ว่าจะเป็น ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ , แฝด , สี่แพร่ง และห้าแพร่ง จึงทำให้เรามั่นใจได้เลยว่ามันต้องมีความสยองขวัญที่แอบซ่อนอยู่อย่างแน่นอน…..

เรื่องย่อ : หนังเล่าถึงวิญญาณที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กหนุ่มชั้น ม.ปลาย และต้องสืบหาสาเหตุการตายของร่างตัวเองภายใน 100 วัน ถ้าทำไม่สำเร็จเขาต้องตายอย่างถาวร แต่ถ้าทำสำเร็จเขาจะกลับมามีขีวิตอีกครั้ง

นำแสดงโดย : ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ , เฌอปราง อารีย์กุล , ศรุดา เกียรติวราวุธ , สู่ขวัญ บูลกุล , โรจ ควันธรรม , ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์ , ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ และเฌอมาลย์ บุญยศักดิ์

“มึงได้รางวัลนะ”

หนังเปิดเรื่องมาพร้อมกับประโยคนี้ และชายที่ตื้นขึ้นมาในห้องดับจิตท่ามกลางศพผู้คนมากมาย แถมยังเกิดเรื่องแปลกประหลาดจนต้องร้องว้าว เพราะมันทำให้ผมนึกถึง Inception หนังของโนแลนและยังได้ทำการอธิบายกฎกติกาต่างๆของรางวัลว่าต้องทำเช่นไรจึงจะได้รางวัลใหญ่… ถือเป็นการเปิดเรื่องได้เจ๋งและน่าติดตามที่สุดของวงการภาพยนตร์ไทยเลยทีเดียว เพราะมันเป็นไอเดียที่แวกมากในบ้านเรา และอีกอย่างหนังของจีดีเอชส่วนมากมักจะเป็นหนังรักพร้อมกับตอนจบจะทิ้งเราไว้กลางทางเสมอ แต่เรื่องนี้ไม่เลย… มันแหกขนบธรรมเนียมอยู่พอตัว…

เริ่มจากบทภาพยนตร์ที่ถือว่าทำออกได้ดีน่าติดตามและไม่เพ้อฝันเท่าที่ควร เนื่องจากกระผมคิดว่าหนังมันจะมีการปล่อยพลังสู้กันเสียอีก…. ในการดำเนินเรื่องต่างๆดูมีชั้นเชิงแถมยังแอบหลอนในหลายจังหวะ ถ้ามีผีโผล่ออกมาหรือมีจั้มสแกจะไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด เพราะบรรยากาศมันปูมาเต็มที่กับมุมกล้องที่พร้อมจะหลอกเราได้ทุกเมื่อ

ด้านนักแสดง : ต้องชมพี่เจมส์ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ ในบทบาทของมิน ที่พี่เขาเหมือนกับแบกหนังไว้ทั้งเรื่อง กับอีกคนที่ชอบคือแม่ของมิน ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีความสุข…. ส่วนพี่เฌอปราง ขอบอกก่อนว่าผมไม่ได้เป็นโอตะหรือไม่ได้แอนตี้นะ คือพี่เขาก็แสดงได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ติดตรงฉากดราม่าที่หนังพยายามให้มันสะเทือนใจคนดูกับการร้องไห้ของเณอ ผมไม่อินตรงนี้เลยสักนิด ถ้าเป็นชีวิตจะตบสั่งสอนอีกต่างหาก ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรเลย แต่กลับสมเพชด้วยซ้ำ…..

หนังจะถามเราตลอดว่าไอ้มินมันฆ่าตัวตายเพราะใคร มันจึงทำให้ผมเดาได้ตั้งแต่เนินๆ ว่าการที่เราจะฆ่าตัวตายมันต้องเป็นเพราะใคร ? แต่ประเด็นหลักๆที่หนังพยายามจะสื่อจริงๆ น่าจะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาครอบครัวและปัญหาสังคมในวัยรุ่นต่างๆ และสิ่งที่สำคัญคือการที่คนเรามักมองโลกกันแคบแสนแคบ มัวไปมองกันแต่มุมที่มันแย่ๆจนทำให้เรามองไม่เห็นความดีของคนๆนั้น ถ้าเราลองเปิดตาให้กว้าง เปิดโลกให้ไกลขึ้น มองให้เห็นถึงอีกมุมที่เรามองข้ามไป ผมเชื่อว่าคุณอาจจะเห็นอะไรดีๆอีกมากมาย…..

สรุป มันเป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุกและน่าสนใจอย่างมาก อยากให้หนังไทยกล้าที่จะทำแบบนี้อีกเรื่อยๆ ใครที่ชอบอะไรที่มันลึกลับซับซ้อนและบรรยากาศชวนหลอน หรือจะเป็นแฟนคลับเฌอปรางก็ไม่ควรพลาด…

คะแนน 8/10

ฉันชอบดูหนัง

Homestay (2018) โฮมสเตย์

เป็นภาพยนตร์ดราม่าแฟนตาซีระทึกขวัญที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายญี่ปุ่นเรื่อง เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม (Colorful) ของคุณเอโตะ โมริ โดยได้ทางคุณภาคภูมิ วงศ์ภูมิ นั่งแท่นผู้กำกับและเขียนบท ซึ่งคุณโอ๋นั้นถือว่าเป็นผู้กำกับที่มีผลงานสยองขวัญมากมายทั้ง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ , แฝด , สี่แพร่ง และห้าแพร่ง จึงทำให้เรามั่นใจได้เลยว่ามันต้องมีความสยองขวัญที่ซ่อนอยู่อย่างแน่นอน…..

เรื่องย่อ : หนังเล่าถึงวิญญาณที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กหนุ่มชั้น ม.ปลาย และต้องสืบหาสาเหตุการตายของร่างตัวเองภายใน 100 วัน ถ้าทำไม่สำเร็จเขาต้องตายอย่างถาวร แต่ถ้าทำสำเร็จเขาจะกลับมามีขีวิตอย่างเต็มตัว

นำแสดงโดย : ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ , เฌอปราง อารีย์กุล , ศรุดา เกียรติวราวุธ , สู่ขวัญ บูลกุล , โรจ ควันธรรม , ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์ , ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ และเฌอมาลย์ บุญยศักดิ์

“มึงได้รางวัลนะ”

หนังเปิดเรื่องมาพร้อมคำนี้ กับชายที่ตื้นขึ้นมาในห้องดับจิตท่ามกลางศพผู้คนมากมาย แถมยังเกิดเรื่องแปลกประหลาดจนต้องร้องว้าวนึกว่า Inception และการอธิบายกฎกติกาต่างๆของรางวัลว่าต้องทำเช่นไรจึงจะได้รางวัลใหญ่… ถือเป็นการเปิดเรื่องได้เจ๋งและน่าติดตามที่สุดของวงการภาพยนตร์ไทยเลยทีเดียว เพราะแบบนี้มันถือว่าแวกมากในบ้านเรา ปกติหนังของจีดีเอชส่วนมากจะเป็นหนังรักพร้อมกับตอนจบจะทิ้งเราไว้กลางทางเสมอ แต่เรื่องนี้ไม่เลย… มันแหกขนบธรรมเนียมอยู่พอตัว…

อย่างแรกเรื่องบทภาพยนตร์ถือว่าทำออกได้ดีน่าติดตามและไม่เพ้อฝันเท่าที่ควร การดำเนินเรื่องต่างๆมันดูมีชั้นเชิงแถมยังแอบหลอนในหลายจังหวะ ถ้ามีผีโผล่ออกมากหรือมีจั้มสแกจะไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด เพราะบรรยากาศมันปูมาเต็มที่กับมุมกล้องที่พร้อมจะหลอกเราได้ทุกเมื่อ

ด้านนักแสดง : ต้องชมพี่เจมส์ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ ในบทบาทของมิน ที่พี่เขาเหมือนกับแบกหนังไว้ทั้งเรื่อง กับอีกคนที่ชอบคือแม่ของมิน ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีความสุข…. ส่วนพี่เฌอปราง ขอบอกก่อนว่าผมไม่ได้เป็นโอตะหรือไม่ได้แอนตี้นะ คือพี่เขาก็แสดงได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ติดตรงฉากดราม่าที่หนังพยายามให้มันสะเทือนใจคนดูกับการร้องไห้ของเณอ ผมไม่อินตรงนี้เลยสักนิด ถ้าเป็นชีวิตจะตบสั่งสอนอีกต่างหาก ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรเลยเพราะคุณทำตัวคุณเอง แต่กลับสมเพชด้วยซ้ำ…..

หนังจะถามเราตลอดว่าไอ้มินมันฆ่าตัวตายเพราะใคร มันจึงทำให้ผมเดาได้ตั้งแต่เนินๆ ว่าการที่เราจะฆ่าตัวตายมันต้องเป็นเพราะใคร ? แต่ประเด็นหลักๆที่หนังพยายามจะสื่อจริงๆ น่าจะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาครอบครัวและปัญหาสังคมในวัยรุ่นต่างๆ และสิ่งที่สำคัญคือการที่คนเรามักมองโลกกันแคบแสนแคบ มัวไปมองกันแต่มุมที่มันแย่ๆจนทำให้เรามองไม่เห็นความดีของคนๆนั้น ถ้าเราลองเปิดตาให้กว้าง เปิดโลกให้ไกลขึ้น มองให้เห็นถึงอีกมุมที่เรามองข้ามไป ผมเชื่อว่าคุณอาจจะเห็นอะไรดีๆอีกมากมาย…..

สรุป มันเป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุกและน่าสนใจอย่างมาก อยากให้หนังไทยกล้าที่จะทำแบบนี้อีกเรื่อยๆ ใครที่ชอบอะไรที่มันลึกลับซับซ้อนและบรรยากาศชวนหลอน หรือจะเป็นแฟนคลับ Cherprang BNK48 ก็ไม่ควรพลาด

ดูแล้วมาบ่น

Homestay (2018, ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ) (4/5)

คำว่า ‘โฮมสเตย์’ ที่แปลว่า ‘ที่พักชั่วคราว’ มันอาจจะดูแฟนตาซี เมื่อเทียบกับบริบทที่เกินจริงแบบในหนัง แต่หากมองในมุมของ ‘ศาสนาพุทธ’ การที่เราได้มีขีวิตอยู่ ไม่ได้หมายถึงว่าเราเป็น ‘เจ้าของ’ ร่างกายนี้ แต่เราเพียงแค่ ‘ยืม’ เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งเราก็ต้องคืนร่างกายนี้สู่ความเน่าเปื่อย และกลายเป็นผงธุลีไปในที่สุด ซึ่งพอเราเห็นภาพรวมของหนังแบบนี้แล้ว เราก็รับได้กับ ‘ไอเดีย’ ที่หนังหยิบจับมาเล่า แต่สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับหนัง GDH ทุกเรื่องเลยก็คือ ‘ทุกสิ่งงดงามเสมอ’ ซึ่งมันขัดแย้งกับความเป็นจริง แต่ก็ถือว่ามันเป็นหน้าที่ของหนังในการส่งต่อ ‘ความรู้สึกดี’ ให้กับคนดูก็แล้วกัน

อะไรก็ตามที่เราไม่ชอบในความเป็น GDH ก็ยังมีอยู่ เช่น ‘ทางออกของทุกปัญหา’ ที่มีแสงสว่างรออยู่ที่ปลายอุโมงค์เสมอ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นปัญหาที่ถูกชูขึ้นแบบหนักแน่น แต่ก็ถูกคลี่คลายแบบหลวมๆ เหตุผลรองรับของการทำความเข้าใจปัญหามันน้อยมาก และมันเป็นแบบนี้กับทุกปัญหาที่เป็น ‘ปม’ ในชีวิตของ ‘มิน’ และปัญหาที่ชัดที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ ‘การเล่าเรื่อง’ ที่มันออกจะประดักประเดิดไปสักหน่อย การเรียบเรียงการคลี่คลายปัญหาก็ไม่ได้เร้าให้สนใจ หรือจะเป็น ‘จังหวะการขยี้อารมณ์’ ที่ ‘สอบตก’ ไปเลย เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ประเด็นหลักมัน Insight มาก แต่เรากลับไม่ได้รู้สึกเท่ากับคนอื่น

แต่ทุกอย่างที่เป็นปัญหามันกลับถูกทดแทนด้วยสิ่งที่สำคัญกว่า นั่นก็คือ ‘บท’ ถึงแม้ว่ามันจะหาทางออกง่าย และการเล่าเรื่องที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ต้องยอมรับเลยว่า ‘การผูกประเด็น’ ทุกสิ่งอย่างมัน ‘ลงตัว’ มาก หนังอาจจะฉาบด้วยความเป็นทริลเลอร์ ตามหาสาเหตุการตายของ ‘มิน’ แต่ระหว่างทาง มันเล่าถึง ความพังของครอบครัว ความรักที่ขมกลืน การเคารพตัวเอง โรคซึมเศร้า และบวกกับไอเดียที่มันโคตรจะ ‘ศาสนา’ ซึ่งทั้งหมดมันถูกร้อยเรียงอย่างน่าสนใจ อาจจะถูกลดทอนความสมบูรณ์ด้วยปัญหาเหล่านั้น แต่พอจับแยกส่วนมันก็ดีในทุกประเด็นเลย

ไม่แน่ใจว่าเราเข้าใจถูกมั้ยกับ ‘ตอนจบ’ เกี่ยวกับเรื่องของการ ‘สิงร่าง’ แต่ถ้ามันเป็นแบบที่เราเข้าใจ เราว่าหนังทำถูกต้องแล้ว มันคือ ‘รางวัล’ ที่ต้องแลกมาด้วยการทดสอบ เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครจะเข้าใจตัวเราได้ดีเท่ากับเราเห็นตัวเอง ซึ่ง ‘กระจก’ บานที่ชัดที่สุด ไม่ใช่ ‘ผู้คุม’ หรือ ‘การตามล่าหาความจริง’ แต่เป็นกาาเลือกจะมองทุกสิ่งทุกอย่างแบบ ‘สองด้าน’ เสมอ ให้เหมือนกระจกที่สะท้อนความเป็นจริงของมนุษย์ เพราะในทุกการกระทำที่เราไม่เข้าใจ มันอาจจะมีเหตุผลรองรับอยู่ และมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิต ‘สีเทา’ ที่ส่วนใหญ่ก็เป็นเฉดสีนี้ทั้งนั้น ซึ่งเราก็เชื่อว่า ‘มิน’ เองน่าจะเข้าใจถึงแง่งามเหล่านี้แล้ว เพราะนี่ล่ะคือ ‘รางวัล’ อย่างแท้จริง

การแสดงของทีมนักแสดงเรียกได้ว่าโดดเด่น โดยเฉพาะ ‘เจมส์ ธีรดนย์’ กับการพิสูจน์ฝีมือให้เห็นอีกครั้งในฐานะนักแสดงนำ เป็นนักแสดงวัยรุ่นอีกคนที่น่าจับตามอง เพราะเขาสามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่อยู่ลึกมาก ให้ออกมาเป็นสิ่งที่เราสามารถสัมผัสได้ด้วยตา หรือจะเป็น ‘สู่ขวัญ’ ก็รักษามาตรฐาน และมีแต่จะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับเราได้ทุกครั้ง เรียกได้ว่าการผันตัวเป็นนักแสดงของเธอ มาถูกทางมากๆ และติดอันดับนักแสดงคุณภาพอีกคนของวงการไปแล้ว

แต่เราแอบติดกับการแสดงของ ‘เฌอปราง’ นิดหน่อย ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘เสน่ห์’ ของเธอโชนแสง เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ในชีวิตของมิน แต่การถ่ายทอดบท ‘พาย’ มันประหลาดมาก ทั้งการเคลื่อนไหวของร่างกาย การเปล่งเสียงพูด หรือจะเป็นจังหวะดราม่า ที่ไม่สามารถทำให้เราเชื่อตัวละครนี้ได้เท่าไหร่ แต่บทที่มีความทะเยอทะยานแบบนี้ มันดันไปสอดคล้องกับ ‘Girls Don’t Cry’ เท่ากับว่าความทะเยอทะยานแบบ ‘พาย’ ก็คงคล้ายกับ ‘เฌอปราง’ ในชีวิตจริง ขีดเส้นใต้ตรงคำว่า ‘ทะเยอทะยาน’ ไม่ได้หมายถึงว่าเหตุการณ์ในหนังเกี่ยวข้องกับเฌอปรางนะ

เอาเป็นว่า ‘Homestay’ เป็นหนังที่มีคุณภาพประดับบารมี GDH ต่อจาก ‘ฉลาดเกมส์โกง’ แต่เราเคยคิดว่า ‘โอ๋ ภาคภูมิ’ น่าจะเด็ดขาดกับหนังเรื่องนี้เท่ากับ ‘เที่ยวบิน 224 (สี่แพร่ง)’ หรือ ‘รถมือสอง (ห้าแพร่ง)’ อาจจะด้วยสไตล์ของหนังที่แตกต่างกัน มันเลยไม่สามารถไปสุดทางในชะตากรรมได้ขนาดนั้น แต่ยังไงแล้วเราก็ต้องขอชื่นชม เพราะเขาก็คืออีกคนที่ช่วยยกระดับหนังไทยให้ไปไกลกว่าแค่ความสำเร็จแบบเปลือกๆ

I am Reviewer

Homestay (2018)

Score : 9.5/10

เป็นหนังไทยที่ตื่นเต้นที่จะได้ดูที่สุดในรอบหลายปี
และหนังเติมเต็มพลังงานบวกในชีวิตที่ดีมากๆ

เนื้อเรื่อง

เรื่องราวของวิญญาณเร่ร่อนดวงหนึ่ง ที่โชคดีได้รับรางวัลจากสวรรค์ให้ได้กลับมาอยู่ในร่างโฮมสเตย์เด็กหนุ่มที่ชื่อมิน เเละต้องสืบหาการตายของมินให้ได้ ภายใน 100 วัน ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ได้เกิดอีกเลย

รีวิว

ก่อนอื่นเลย ต้องขอชมเรื่องการปูตัวละครและบทบาทต่างๆได้ดีมาก หนังพาคุณไต่อารมณ์ตั้งแต่ 1 ไปจนถึง 100 แล้วดึงคุณดิ่งลงมา ก่อนที่จะพาผู้ชมกลับไปที่ 100 อีกครั้ง เป็นการดูหนังที่นานนะ แต่ไม่รู้สึกเบื่อเลย และดูเพลินมากๆด้วย

ผมดูแล้วรู้สึกอิ่มไปกับทุกรสชาติ ที่หนังเสิร์ฟมาเลยแหละทั้งพาร์ทดราม่า สุข เศร้า ซึ้ง โรแมนติก และความกวนตีนของผู้คุม หนังพาไปได้สุดทุกอารมณ์จริงๆ
ทางด้านนักแสดง เจมส์ในบทบาทมิน คือเดอะแบกของหนังจริงๆ เพราะหนังพาคุณเดินทางไปพร้อมกับตัวละครมิน ถือว่าท็อปฟอร์มมากๆ สำหรับเรื่องนี้ครับ ,แคปเฌอ คุณสู่ขวัญ และนักแสดงทุกคน นี่ยกนิ้วให้เลย

และในส่วนที่เราจะไม่ชมไม่ได้ คือด้านภาพ และ CG คือสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ด.เด็กล้านตัว

ข้อชม

– CG นี่คือยกนิ้วโป้งให้เลย ขนลุกแล้วขนลุกอีก
– นักแสดงทำหน้าที่ตัวเองได้ดีมากๆ
– หนังเผยแพร่ให้ทุกอารมณ์ ทุกรสชาติ
– หนังเหนือความคาดหวังมากๆ
ขนาดคาดหวังไว้สูงมากๆแล้วนะ

ข้อติ

– นักแสดงล้นๆบ้าง แต่อยู่ในจุดที่รับได้
– หนังยังขยี้อารมณ์ได้อีกนิด ก่อนถึงจุดพีค
แต่ไม่ ขอหักไป 0.5

สรุป หนังดีตามสไตล์GDH ควรค่าแก่การรับชมและ

คุ้มค่ากับค่าตั๋วมากๆ ถ้าตอนนี้ถามว่า ในบรรดาหนังของ GTH และ GDH ชอบเรื่องไหนมากที่สุด คำตอบของแอดมินคงเป็นHomestay กับ Bad Genius นี่หละครับ แอบน้ำตาซึมหลังดูจบอีกต่างหาก และดูซ้ำอีกหลายรอบแน่นอนครับ
ใครขาดเพื่อนไปดู ชวนแอดมินได้น้าาาาาา

ข้อคิดอีกนิดละกัน

“ในความมืดมิดที่ชีวิตเราต้องเจอ มันอาจไม่เป็นแบบนั้นไปตลอดหรอก สักวันหนึ่งแสงสว่าง และสีสัน จะแต่งแต้มให้ชีวิตกลับมางดงามอีกครั้ง”

หาเพื่อนดูหนัง

Homestay : โฮมสเตย์ (2018)

-สำหรับเรื่องนี้ก็คงเริ่มต้นด้วยคำว่าดีงามตามมาตรฐานของค่าย GDH เรื่องนี้ก็เป็นหนังเเนวแฟนตาซี / ระทึกขวัญ ขอบอกก่อนเลยว่ามันดีไปหมด คอนเซ็ปต์ของหนัง นักเเสดง เห็นเขาว่าเรื่องนี้มาจากวรรณกรรมเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่น (ตรงนี้ถ้าผมได้ข้อมูลมาผิดก็กราบขออภัย) ตัวหนังมีความประมาณ 132 นาที ตอนที่ดูรู้สึกว่าในเเต่ละช่วงมันกระชับมากๆเลยนะครับ

-เรื่องย่อ ตัวเรื่องจะเดินด้วย มิน (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ที่ฟื้นจากความตาย เเต่ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่มิน เเต่เป็นร่างชั่วคราวจากวิญญาณเร่ร่อน จากนั้นมินก็ได้เจอกับ ผู้คุม (นพชัย ชัยนาม) ผู้คุมได้บอกนี่คือรางวัลของการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เเต่ไม่ได้ให้ฟรีๆ มินมีเวลาอยู่100วันกับการหาว่ามินตายเพราะใคร กับครอบครัวใหม่เเละพี่รหัส พาย (เฌอปราง อารีย์กุล) ที่ทำให้มินอยากอยู่ในร่างนี้ตลอดไป เเต่ถ้าหากหาไม่ได้ว่าตายเพราะใครเขาจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดตลอดไป

-ความชอบส่วนตัวให้ 9/10 สำหรับเรื่องเนื้อหาที่หนังจะสื่อ ผมชอบประเด็นที่เขายกมาให้มากๆ ทำให้รู้สึกว่าตอนมีชีวิตควรใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่า ในเรื่องนักเเสดง เจมส์ ธีรดนย์ เล่นได้ดีมากๆ บางช่วงที่เขาออกข่าวนี่ลึกๆก็แอบอิจฉาอยู่555 เฌอปราง เล่นได้ดีเหมือนเคยผ่านงานการเเสดงมาก่อนเลยก็ว่าได้ นักเเสดงสมทบที่ไม่พูดถึงไม่ได้คุณสู่ขวัญที่เล่นได้ดีมากๆ อีกคนที่เห็นได้น้อยเเต่ผมได้ดูผลงานเเกบ่อยๆคือ เบส ณัฐสิทธิ ภาพรวมนักเเสดงดีสุดๆเลย เรื่องนี้ผมรู้สึกการเดินเรื่องมันกระชับดีมาก ในเเต่ละประเด็นที่จะเล่น ทั้งประเด็นครอบครัว ความรัก ความผิดหวัง ดึงอารมณ์เราให้อยู่ในจุดๆนั้นไปตามเนื้อเรื่องได้

-สุดท้ายรีวิวนี้เป็นเเค่ความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Low Season (2020) สุขสันต์วันโสด

One for the Road (2022) วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

Ghost Lab (2021) โกสต์แล็บ..ฉีกกฎทดลองผี

คิดถึงวิทยา (2014)

You & Me & Me (2023) เธอกับฉันกับฉัน

แสดงความคิดเห็น

แชร์

หนังอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ดูหนังออนไลน์ 2023

เว็บดูหนังมาแรงในตอนนี้ สามารถดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง ที่มีคุณภาพที่สุดในตอนนี้ ไม่มีโฆษณามารบกวนใจ อีกทั้งมีหนังมากมายมาให้เลือกชม มากมายกว่า 10,000 เรื่อง ที่นี่มีหนังใหม่2023 จากค่ายดังทุกค่ายมาให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างรวดเร็ว ไม่ว่า Netflix, Disney+, Viu , DC , Marvel ทำให้ท่านได้รับความสนุกเพลิดเพลินเหมือนได้รับชมอย่างสมจริงทั้งภาพที่คมชัดระดับ Full HD และเสียงภาพยนตร์ที่คมชัดมากที่สุด

ดูหนัง Netflix หนังใหม่

อ่านต่อที่นี่