ดูหนังออนไลน์ใหม่2024 หนังเต็มเรื่อง ดูหนัง 2023 HDฟรี
8xbet212

Despicable Me 3 (2017) มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3

1 คะแนน

ตัวอย่าง

Despicable Me 3 (2017) มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3

KUBHD ดูหนังออนไลน์ Despicable Me 3 (2017) มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3

เรื่องย่อ

เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นคอมเมดี้ปี 2017 ผลิตโดย Illumination Entertainment กำกับการแสดงโดยปิแอร์ คอฟฟิน และไคล์ บัลดา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาคที่สามของซีรีส์ภาพยนตร์ยอดนิยม “Despicable Me” และมีตัวละครกรูผู้น่ารักแต่ซุกซน

เรื่องย่อ: เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อกรู (สตีฟ คาเรลล์) เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลังจากถูกไล่ออกจากงานใน Anti-Villain League (AVL) เนื่องจากล้มเหลวในการจับกุมตัวร้ายที่เข้าใจยาก บัลธาซาร์ แบรตต์ (เทรย์ ปาร์กเกอร์) แบรตต์ อดีตดาราเด็กที่ผันตัวเองมาเป็นวายร้าย หมกมุ่นอยู่กับตัวละครที่เขาเล่นในยุค 80 และกำลังวางแผนปล้นที่เกี่ยวข้องกับเพชรสีชมพูขนาดยักษ์

กรูรู้สึกลอยล่องไปโดยไม่มีจุดมุ่งหมายชั่วร้าย และพบว่าเขามีน้องชายฝาแฝดที่หายไปนานชื่อดรู (ให้เสียงโดยสตีฟ คาเรลล์เช่นกัน) ดรูผู้มีเสน่ห์และร่ำรวยชวนกรูไปเยี่ยมเขาที่ฟรีโดเนีย พี่น้องตัดสินใจผนึกกำลังเพื่อปล้นครั้งสุดท้ายเพื่อเอาเพชรที่ถูกขโมยไปคืนมาจากแบรตต์ และกอบกู้ชื่อเสียงของกรูในฐานะตัวร้าย

ในขณะเดียวกัน มินเนี่ยนผู้ภักดีของกรูก็พบว่าตัวเองประสบปัญหาเล็กน้อยหลังจากกบฏต่อเขาเนื่องจากเขาตัดสินใจที่จะละทิ้งวิถีชีวิตที่ชั่วร้าย เหล่ามินเนี่ยนเริ่มต้นการผจญภัยของตัวเอง และสุดท้ายก็จบลงที่คุก

เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ความผูกพันของกรูและดรูก็ถูกทดสอบ และความสัมพันธ์ในครอบครัวก็กลายเป็นประเด็นสำคัญ ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจกับองค์ประกอบตลกขบขันของเรื่อง

ประเด็นสำคัญ:  สายใยครอบครัว: “Despicable Me 3” เจาะลึกธีมครอบครัว โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของสายสัมพันธ์ระหว่างกรู ดรู น้องชายที่เพิ่งค้นพบของเขา และสาวๆ มาร์โก อีดิธ และแอกเนส

การไถ่ถอน: ภารกิจของกรูในการไถ่ถอนตัวเองในสายตาของ AVL และกอบกู้ชื่อเสียงของเขาในฐานะผู้ร้ายเพิ่มชั้นของการไถ่ถอนให้กับโครงเรื่อง

Nostalgia: ตัวละครของ Balthazar Bratt ซึ่งมีตัวร้ายในธีมยุค 80 ของเขา นำเสนอองค์ประกอบของความคิดถึง ซึ่งดึงดูดทั้งเด็กและผู้ใหญ่โดยอ้างอิงถึงยุคนั้น

ความตลกขบขันและความบันเทิง: ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงรักษาอารมณ์ขันอันเป็นเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์ โดยถ่ายทอดผ่านการแสดงตลกของเหล่ามินเนียน ตัวละครสุดแปลก และบทสนทนาที่เฉียบแหลม

มินเนี่ยนและตัวละครเสริม: เหล่ามินเนี่ยนซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านอารมณ์ขันและภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ ยังคงมีบทบาทสำคัญในภาพยนตร์เรื่องนี้ต่อไป นอกจากนี้ ตัวละครอย่างลูซี่ ไวลด์ (คริสเตน วิก) ยังมีส่วนช่วยในองค์ประกอบที่ตลกขบขันและสะเทือนอารมณ์ของเรื่องราวอีกด้วย

บ็อกซ์ออฟฟิศและแผนกต้อนรับ: Despicable Me 3 (2017) มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3 ประสบความสำเร็จทางการค้า โดยทำรายได้ทั่วโลกกว่าพันล้านดอลลาร์ แม้ว่าโดยทั่วไปจะได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกในเรื่องอารมณ์ขัน แอนิเมชั่น และความน่าดึงดูดสำหรับครอบครัว ดูหนัง ออนไลน์ แต่นักวิจารณ์บางคนตั้งข้อสังเกตว่าโครงเรื่องมีความแปลกใหม่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับภาพยนตร์สองภาคแรก

โดยสรุป Despicable Me 3 (2017) ยังคงรักษาเสน่ห์ของแฟรนไชส์นี้เอาไว้ด้วยการผสมผสานระหว่างอารมณ์ขัน ช่วงเวลาที่อบอุ่นหัวใจ และภาพเคลื่อนไหวที่น่าตื่นตาตื่นใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงดึงดูดผู้ชม โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบตัวละครที่น่ารักและธีมสากลของครอบครัวและการไถ่บาป

ผู้กำกับ

  • Kyle Balda
  • Pierre Coffin

บริษัท ค่ายหนัง

  • Universal Pictures
  • อิลลูมิเนชั่น เอ็นเตอร์เทนเมนต์

นักแสดง

  • Steve Carell
  • Kristen Wiig
  • Trey Parker
  • Miranda Cosgrove
  • Dana Gaier
  • Nev Scharrel
  • Pierre Coffin
  • Steve Coogan
  • Jenny Slate
  • Julie Andrews

โปสเตอร์หนัง

มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3 goRMDCOAnoHqtmXBHPW4qO63QOY xzpRCX6ZwY8mwnvIUhC5otjGsiu

รีวิวหนัง

หนังโปรดของข้าพเจ้า

Despicable Me 3 (2017) เข้าฉายแล้ววันนี้

กาลครั้งหนึ่งบรรดา Minions เคยเป็นตัวขโมยซีนที่ตลกมาก และภารกิจวายร้ายกรูก็สนุกมาตลอดในสองภาคก่อนหน้านี้ เราจึงไม่แปลกใจว่าทำไมมันถึงฮอตฮิตติดอันดับหนังทำเงินจนต้องเข็นภาคเดี่ยวของ Minions ออกมา ซึ่งอาจจะทำเงินเยอะแต่กระแสผู้ชมก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนอย่างตอนเป็นตัวโจ๊กใน Despicable Me จะว่าไปมันก็เริ่มมาเห็นชัด ๆ ในภาคนี้เนี่ยแหละว่าคนทำเริ่มหมดมุกจะเล่นกับตัวมินเนี่ยนแล้ว อารมณ์ขันเริ่มจืดจางไปคงเหลือไว้แต่คาแรคเตอร์ที่ยังคงแข็งแกร่งในระดับที่พอจะสามารถทำภาคต่อหากินไปได้อีกสักระยะ

ภาคนี้ ‘กรู’ มีศัตรูคือ ‘แบรตต์’ วายร้ายที่เคยเป็นดาราเด็กชื่อดังของฮอลลีวูดแต่พอตกอับก็กลายมาเป็นวายร้ายแบบในโชว์ที่ตัวเองเคยแสดง กรูทำภารกิจล้มเหลวจึงถูกไล่ออกจากองค์กรปราบวายร้าย ซึ่งเป็นจังหวะบังเอิญที่เขาพบว่าตัวเองมีน้องชายฝาแฝดชื่อว่า ‘ดรู’ ที่ชักชวนให้เขากลับเข้าวงการวายร้ายตามรอยบรรพบุรุษ กรูเลยถือโอกาสนี้ชวนน้องชายออกปล้นเพชรที่แบรตต์ขโมยไปเพื่อจะเอากลับคืนเจ้าของและเขาจะได้กลับเข้าไปทำงานเดิมอีกด้วย

อย่างแรกที่ผิดหวังคือหนังดูจะพอใจแค่การเอาจุดขายเดิม ๆ มาเล่นซ้ำในแบบที่ไม่ได้พัฒนาไปกว่าเดิม มิหนำซ้ำความสร้างสรรค์มุกตลกที่เคยเป็นจุดเด่นสร้างอารมณ์ขันหดหายไปอย่างมาก หนังดูจะพอใจแค่การโชว์ความแบ๊วของแอ็กเนสแบบเดิม ๆ, มินเนี่ยนมาโชว์อะไรไม่ได้เข้ากับเนื้อเรื่องเลย แถมยังเอาไปขายในคลิปตัวอย่างหมดเกลี้ยงแล้วด้วย (ภาคก่อน ๆ ก็ทำคลิปเยอะนะ แต่ไปดูในหนังยังมีปล่อยของอีกเพียบ), ภารกิจของวายร้ายภาคนี้อาจจะพอโอเคถ้าเทียบมาตรฐานการ์ตูนเด็กทั่วไป โดยไม่เอาไปเปรียบเทียบกับ Despicable Me สองภาคก่อนหน้าที่ทำไว้สนุกกว่านี้มาก

นี่พูดในฐานะคนรัก Despicable Me และบรรดามินเนี่ยนมากนะ แต่หนังชุดนี้ของ Illumination สำหรับเราถือว่าน่าผิดหวังมาสองเรื่องติดกันแล้ว ทั้งภาคเดี่ยว Minions และภาคสามของวายร้ายกรู เสียดายคาแรคเตอร์ของหนังชุดนี้ที่แข็งแกร่งมากแต่ดูคนทำจะหมดความสร้างสรรค์แล้วล่ะมั้ง

Directors: Kyle Balda, Pierre Coffin, Eric Guillon

Genre: animation, comedy, adventure, fantasy

6/10

Movies Delight Club

Despicable Me 3 (Kyle Balda, Pierre Coffin, 2017)
คะแนน C+

“หนังมีความน่ารักผนวกความสร้างสรรค์เหมือนเคยเพียงแต่ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ” ถ้าจะหวังเพียงความสนุกเพียงอย่างเดียวภาคนี้คงจะตอบโจทย์ความสนุกได้ไม่ยาก ตัวหนังเองสามารถรับชมได้อย่างเพลิดเพลินไม่มีพิษมีภัยใดๆอยู่แล้ว ความบ้าบอหรือความวุ่นวายของเหล่า ‘มินเนี่ยน’ น่าจะเป็นส่วนที่สร้างสรรค์หรือแปลกใหม่ที่สุดของเรื่องซึ่งมันเล่นใหญ่จนขโมยซีนทุกอย่างไปแบบไม่ต้องสงสัย ทำให้ช่วงเวลาระหว่างความสัมพันธ์ของตัวละครถูกลดทอนลงไปค่อนข้างเยอะ และน่าเสียดายที่ตัวหนังเลือกที่จะเล่าความสัมพันธ์พี่น้องหรือความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวได้จืดมากทั้งๆที่มีประเด็นที่น่าสนใจมาก และแม้ว่าตัวละครจะเป็นตัวร้ายหรือวายร้ายที่กลับใจเป็นคนดีแต่เราไม่รู้สึกอินหรือชอบในมุมนั้น จนทำให้เรานึกถึงหนังการ์ตูนอีกเรื่องคือ ‘Megamind’ หนังการ์ตูนคนละค่ายที่เราชอบมากกว่าแต่ตัวหนังดันไม่ประสบความสำเร็จเท่า ‘Despicable Me’ สำหรับภาคนี้ตัวหนังมีอะไรคล้ายกันจนทำให้เรานึกถึง ทั้งตัวร้ายที่ไม่มีคนดีคอยต่อกรหรือวายร้ายที่กลับใจเป็นคนดี รวมไปถึงเพลงประกอบอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้เหมือนเสียทั้งหมดหนังยังคงมีไอเดียใหม่ๆหรืออะไรแปลกๆให้เราได้เห็นอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของ ‘Despicable Me 3’ ยังคงตอบโจทย์ความสนุกสนาน ความน่ารักน่าชังของตัวละคร ความคิดสร้างสรรค์ในหลายๆฉากของเหล่ามินเนี่ยนน่าจะทำให้ใครหลายๆคนรู้สึกเพลินๆได้ไม่ยาก แม้มุขตลกจะมีโดนบ้างฝืดบ้างแต่ก็พอรับได้ ถึงแม้ว่าตัวเหล่ามินเนี่ยนจะโชว์ของกันมากแค่ไหนก็ตาม ตัวหนังก็ยังคงมีบทภาพยนตร์ที่พอใช้รองรับไม่ให้ออกนอกทะเลไปไกล ด้วยการวางโครงเรื่องเอาไว้ค่อนข้างดีจึงทำให้หนังยังคงอยู่ในลู่ทางที่ควรจะเป็น

ประเด็นที่ชื่นชอบคือการหยิบเอาดาราวัยเด็กที่โตขึ้นมาแล้วถูกคนลืมจนกลายเป็นตัวร้าย สะท้อนถึงตัวดาราวัยเด็กหลายๆคนที่กลายเป็นแบบตัวละครในเรื่องเมื่อเติบโตขึ้น จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆที่จะใส่ข้อมูลบางอย่างให้กับเด็กๆหรือพยายามทำให้เด็กโด่งดังโดยอาศัยความน่ารักและความไร้เดียงสาจนถึงวันที่พวกเขาโตขึ้น หน้าตาเริ่มมีสิว เสียงเริ่มแตกหนุ่ม คุณค่าว่าน่ารักในวัยเด็กก็ถูกโยนทิ้งและกลายสภาพเป็นคนที่ไม่ถูกนิยมอีกต่อไปซึ่งผลกระทบจะตกอยู่ที่ใครถ้าไม่ใช่ตัวเด็กเอง พวกเขาไม่ได้รับโอกาสเหมือนตอนเป็นเด็กอีกแล้ว รวมไปถึงครอบครัวของ กรู ที่มีน้องชายฝาแฝดที่แบกรับความกดดันในการเป็นวายร้ายให้ได้เหมือนพ่อ ทั้งหมดจึงสะท้อนถึงการเลี้ยงดูของผู้ปกครองได้อย่างแยบยล สำหรับเราแอบเสียดายที่หนังไม่ได้เจาะจงเล่นประเด็นนี้มากเท่าที่ควร ดังนั้นแล้ว ตัวหนังจึงเป็นเพียงความสนุกที่แฝงอะไรไว้เล็กๆแต่ไม่ถึงกับน่าจดจำแต่อย่างใดครับ

ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ 🙂

อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก

Despicable Me 3 มีความสุขมากกกกกก ไม่ได้หัวเราะในโรงหนังดังขนาดนี้มานานแล้ว 9/10

อยากจะบอกว่าหนังแม่งน่ารักมากกกกกกกกกกกกกก แบบฟินจิกเบาะตายห่าไปเลย ฟินในความน่ารักของตัวละครแทบจะทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นตัวดีหรือตัวร้าย คือขออวยไส้แตกเลยว่า illumination มันครีเอทแคแรคเตอร์ตัวละครใน Despicable Me ได้ร้ายกาจมาก คือน่ารักมากกกกกก มีเสน่ห์แบบสุดๆ ให้เลือกว่าชอบตัวไหนยังเลือกยากเลย และที่สำคัญอีตัวเหลืองมินเนียนเนี่ย พวกนางเหมาะที่จะมาเป็นลูกกะจ๊อกจริงๆ อย่าไปทำภาคแยกอีกนะ การปรากฏตัวของมินเนียนใน Despicable Me นี่คือปังทุกตอน ไม่มีตอนไหนดร็อปเลย แล้วในความยาว 90 นาทีนี่ขอบอกเลยว่าฮาทุกฉาก ฮาทุกตอน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะครีเอททั้งเส้นเรื่อง ทั้งแคแรคเตอร์ออกมาให้คนดูดูได้อย่างเพลิดเพลินและมีความสุขได้แบบเอาอยู่ขนาดนี้ ขอบอกเลยว่าฮาแบบไม่ได้ฮาธรรมดา แต่ขำแบบเสียงดังปล่อยก้ากกระทืบเท้า แล้วอยากจะครางกรี๊ดดดดดในความน่ารักของตัวการ์ตูนในเรื่องจริงๆ และทีสำคัญ ถ้าใครอินกับเพลงยุค 80 อย่างไมเคิล แจ๊คสัน มาดอนน่า นี่จะยิ่งฟิน

Despicable Me ในตอนนี้มีตัวร้ายชื่อ แบรท อดีตดาราเด็กในยุค 80 ที่ยังหลงไหลในชื่อเสียงตัวเองในความดังของตัวเอง แต่เมื่อโตขึ้นเริ่มไม่ดังก็เลยกลายเป็นคนมีปม ผันตัวมาเป็นวายร้ายในชีวิตจริงมาขโมยโคตรเพชร เดือดร้อนถึง กรู ทีผันตัวเองจากวายร้ายมาเป็นสายลับต้่องมาตามจับ แต่ตามจังไม่สำเร็จเลยถูกไล่ออกจากองค์กรสายลับ พอดีกับน้องชายฝาแฝด ดรู ส่งคนมาตามหาพี่ชายฝาแฝดคือกรู สองพี่น้องเลยได้พบกัน ดรูเองก็พยายามจะยุให้พี่ชายคืนสังเวียนวายร้าย เหล่ามินเนียนเองก็อยากให้กรูกลับสู่วงการตัวร้าย แต่ดูเหมือนกรูเองก็ลังเล เพราะเค้ามีครอบครัวทั้งภรรยาที่แสนดี และลูกๆสามคนที่โคตรน่ารัก เอาเป็นว่าไปดูต่อกันเองละกันว่ากรูจะตัดสินใจยังไง

คือขอบอกก่อนเลยว่า เราแทบไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังภาคต่อเลย โดยเฉพาะมันเดินมาถึงภาคสามแล้ว ความสดใหม่ หรือแคแรคเตอร์นี่คือคนดูน่าจะรู้ทางหมดแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังมันน่ารักไปเกินกว่าที่คาดมากกกกกกก ตัวละครทุกตัวโคตรน่ารัก โคตรมีเสน่ห์ เอาที่ตัวมินเนียนก่อนเลย พวกนางโผล่มาทุกตัวนี่คือคนดูจะอารมณืดี ยิ้ม และขำไปกับมัน บางตอนก็ล้่อเลียนหนังในเครือตัวเองอีกต่างหาก คือมินเนียนยังไงนางก็เกิดมาเพื่อแย่งซีนจริงๆ อีกตัวที่เรารู้สึกว่าน่ารักและโคตรเป็นธรรมชาติสุดๆคืออีลูกสาวคนเล็ก แอกเนส นางเป็นติ่งยูนิคอร์น นางมีจริตความเป็นน้องคนเล็กที่น่ารักมากกกกกกกกก แบบกูไม่ไหวแล้ว ขนาดว่าเราไม่ได้เป็นคนชอบเด็กยังอยากวิ่งไปกอดนางเลย คือเด็กอะไรมันจะน่ารักขนาดนี้ แคแรคเตอร์แบบนี้ น้พเสียงแบบนี้สีหน้าแบบนี้มันไม่ได้ทำง่ายๆเลยนะ ส่วนตัวครู น้องชายฝาแฝดที่โผล่มาในฐานะแคแรคเตอร์น้่องใหม่ล่าสุด ซึ่งพากย์เสียงโดย Steve Carell นี่พูดเลย โคตรน่ารัก โคตรป่วง และโคตรกวนตีนเลย เชื่อว่าต้องมีคนชอบอยู่ดี นี่ยังไม่นับตัวลูซี่ ที่ดูเป็นคุณแม่ที่แสนจะอบอุ่นแล้วก็บู๊ได้อีกต่างหาก พูดเลย ทุกตัวน่ารักมากกกกกกก

เสียงอังกฤษของหนังดีมากกกกกกกกก น่าเอ็นดูสุดๆ เชียร์ให้ดูเสียงอังกฤษนะครับ ไม่ควรดูพากย์ไทย

ประเด็นสำคัญๆของหนังก็คงไม่พ้นเรื่องครอบครัว การดูแลลูก ความเป็นพี่น้อง ซึ่งหนังก็ทำออกมาได้ดีและค่อนข้างบรรลุได้พอสมควร แต่ในแง่ความสนุกนี่พูดเลย Despicable Me 3 น่าจะเป็นแอนิเมชั่นที่สนุกมากกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆเรื่องนึงของปีนี้ที่ได้ดูมาเลย

สรุปเลยนะ เชียร์เลยครับ อวยไส้แตกไปเลย ไปดูเลย มั่นใจว่าต้องชอบ เพราะมันน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน ใครเครียดๆนี่ดูออกมาแล้วต้องยิ้ม ต้องมีความสุข ให้ผมดูอีกก็ดูได้ ดูอีกสิบรอบก็ดูได้ เพราะมันน่ารักมากกกกกกกกเอาไปเลย 9/10 หักตรงที่มันสั้นไปหน่อยเท่านั้นเอง

ปล. เรื่องนี้คนไทยโคตรโชคดีเลย ได้ดูก่อนชาวบ้านในโลกนี้ 2 สัปดาห์ ไม่รู้ทำไม รีบๆไปดูเลยครับ พรุ่งนี้ตีตั๋วเข้าไปดูเลย!!!

เด็กน้อยวิจารณ์หนัง

Despicable Me 3 ( 2017 )

( 7/10 )

” สนุก เพลิดเพลิน แต่ก็ไม่ได้ดีเต็มร้อย ”

Review
( no spoil )

– ก่อนอื่นเลยต้องบอกกันตรงๆว่า ผมเองเป็นแฟนคลับของหนังเรื่องนี้ และก็ชอบตัวละครทุกตัวในเรื่องโดยเฉพาะเจ้า ” มินเนี่ยน ” นี่แหละครับ ที่อดชอบมากเป็นพิเศษไปไม่ได้ โดยเฉพาะความน่ารัก ความทะเล้น ความกวนโอ๊ยที่สุดแสนจะงัดมาทำให้คนดูขำและมีความสุขได้โดยไม่ยาก

– ดังนั้นพอมาถึงภาคนี้ ความสนุกยังคงมีเหมือนเดิม ความน่ารัก ความทะเล้นก็มีเหมือนเดิม แต่สิ่งนึงที่ขาดหายไป คือ เนื้อเรื่องมันเดาได้ง่ายแต่ต้น และยิ่งไปกว่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างดูขาดความสดแปลกใหม่ หรือถ้าพูดได้แบบภาษาชาวบ้านก็คือ ความสนุกยังสู้สองภาคแรกก่อนหน้าไม่ได้นั้นเอง

– แต่อย่างไรเสีย หนังก็พอดูได้เพลินๆ มีมุกตลกมาสอดแทรกอยู่ทุกเวลา และยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่เหล่าเจ้ามินเนี่ยน ปรากฏตัว รับรองได้ว่า ตัวหนังสามารถเรียกเสียงหัวเราะและสร้างรอยยิ้มได้แบบสุดๆจริงๆ โดยที่พอจะให้อภัยต่อบทที่เดาทางได้ง่ายดายนั้นเองครับ

– แต่ข้อดีในภาคนี้ก็มีอยู่นะครับ จะขอยกตัวอย่างดังนี้

1. วายร้ายในภาคนี้น่าจดจำครับ ร้ายได้ใจ แสบได้โล่ห์ และที่สำคัญตัววายร้ายในเรื่องถอดบุคลิกจากคนสมัยยุค 80 ได้ดีจริงๆ

2. เพลงประกอบในเรื่องนี้คงจะทำให้คนวัย 30+ ฟินได้ไม่ยาก เพราะแต่ละเพลงที่คัดสรรมาเข้ากั๊น เข้ากัน กับหนังได้ดีเลยแหละ แถมบางฉากหนังตั้งใจล้อเลียนถึงคนวัยรุ่นในยุคนั้นได้แบบชวนถวิลหาอดีตจริงๆ

3. ถ้าไม่นับเจ้ามินเนี่ยนแล้ว ตัวละครทุกตัวล้วนยังคงความน่ารักและมีเสน่ห์ คนดูจะได้เห็นในมุมอีกด้านของ ” กรู ” อีกด้านของ ” ลูซี่ ” และลูกเลี้ยงทั้งสามที่ยังคงความน่ารักได้อยู่เสมอครับ

สุดท้ายยอมรับเลยว่า ในด้านภาพทำออกมาได้ดีจริงๆ จนบางฉากแอบคิดว่า เสมือนภาพจริงๆเลยจนไม่ได้คิดว่าเป็นหนังแอนิเมชั่น ยอมรับว่าทีมงานเก่งมากขึ้นกว่าเดิมและด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้วงการแอนิเมชั่นดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นสำหรับผลงานเรื่องอื่นๆที่กำลังจะมีขึ้นมาอีก

– ส่วนข้อเสียก็ตามที่ผมได้บอกเลยครับว่า ตัวบทเดาทางได้ง่าย ขาดความแปลกใหม่ และพาร์ทดราม่าก็ดูดร็อปลงไปเยอะ เลยทำให้หนังยังไม่ดีถึงขั้นเต็มร้อยนัก และหนังทำได้แค่เพียงพอดูสนุกแบบเพลินๆ เหมาะกับการดูแบบผ่อนคลายและเรียกรอยยิ้มได้สำหรับนักดูหนังที่ต้องการดูเพื่อความบันเทิงโดยไม่ต้องคิดอะไรมากมายนั้นเอง

– ข้อเพิ่มเติมอีกสักนิดนะครับ

– ถ้าลูกเพจชอบภาค1และ2 ของหนังเรื่องนี้ อาจจะมีบางฉากที่ทำให้ชวนนึกถึงความประทับได้โดยไม่ยาก

– หนังทำให้เห็นถึงความหมายของการเป็นพ่อแม่ แต่เสียดายที่หนังไม่ขยี้ตรงจุดดราม่านี้สักเท่าไหร่

– หนังทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องที่ห่างเหิน ความตั้งใจที่จะสานฝันของคนในครอบครัว ตรงจุดนี้หนังเล่าได้ดีแบบน่าชมเชยในระดับนึงเลยทีเดียวครับ

สรุปเลยแล้วกัน หนังเหมาะสมกับการผ่อนคลาย การพาเด็กๆและคนในครอบครัวไปดู ถึงหนังจะไม่ได้ดีสมบูรณ์แบบ แต่ก็สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ดีและคุ้มค่าต่อการรับชมนั้นเองครับ

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Kung Fu Panda 4 (2024) กังฟูแพนด้า 4

Baymax (2022)

The Tiger s Apprentice (2024)

The Boss Baby Back in the Crib (2022) ตำนานกลับมาแล้ว

Migration (2023) ครอบครัวเป็ดผจญภัย

แสดงความคิดเห็น

แชร์

หนังอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Infested (2023)
หนังฝรั่ง ซับไทย
หนัง

6.5

ดูหนังออนไลน์ 2023

เว็บดูหนังมาแรงในตอนนี้ สามารถดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง ที่มีคุณภาพที่สุดในตอนนี้ ไม่มีโฆษณามารบกวนใจ อีกทั้งมีหนังมากมายมาให้เลือกชม มากมายกว่า 10,000 เรื่อง ที่นี่มีหนังใหม่2023 จากค่ายดังทุกค่ายมาให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างรวดเร็ว ไม่ว่า Netflix, Disney+, Viu , DC , Marvel ทำให้ท่านได้รับความสนุกเพลิดเพลินเหมือนได้รับชมอย่างสมจริงทั้งภาพที่คมชัดระดับ Full HD และเสียงภาพยนตร์ที่คมชัดมากที่สุด

ดูหนัง Netflix หนังใหม่

อ่านต่อที่นี่