ดูหนัง ออนไลน์ Alien Covenant (2017) เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ
Alien Covenant (2017) เอเลี่ยน โคเวแนนท์ ในปี 2104 เกือบสิบเอ็ดปีหลังจากการเดินทางหายนะไปยังดวงจันทร์อันไกลโพ้น LV-223 ใน Prometheus (2012) เรือล่าอาณานิคมในห้วงอวกาศ USCSS Covenant อยู่บนดาวเคราะห์ห่างไกล Origae-6 ที่มีมากกว่า ชาวอาณานิคม 2,000 คนอยู่ในโหมดไฮเบอร์เนตเพื่อสร้างโลกใหม่ แต่การส่งสัญญาณหลอกลวงจะล่อลวงลูกเรือไปยังดาวเคราะห์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโลก ด้วยเหตุนี้ลูกเรือที่ไม่สงสัยในพันธสัญญาจะต้องรับมือกับศัตรูทางชีวภาพที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของมนุษย์ ตอนนี้สิ่งที่เริ่มต้นจากภารกิจสำรวจอย่างสันติในไม่ช้าจะกลายเป็นการปฏิบัติการช่วยเหลือที่สิ้นหวังในพื้นที่ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น มีการหลบหนีจากดาวเคราะห์ลึกลับที่ทรยศหรือไม่?
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง Alien Covenant (2017) เอเลี่ยน โคเวแนนท์ ดูหนัง ออนไลน์ หนังประเภท Thriller ระทึกขวัญ เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
ริดลีย์ สก็อตต์
บริษัท ค่ายหนัง
- ทเวนตีท์เซนจูรีฟอกซ์
- สก็อตต์ฟรีโปรดักชันส์
- ทีเอสจีเอนเตอร์เทนเมนต์
- แบรนดีไวน์โปรดักชันส์
นักแสดง
- ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์
- แคทเธอรีน วอเตอร์สตัน
- บิลลี ครูดรัพ
- แดนนี แม็คไบรด์
- Carmen Ejogo
- Demián Bichir
- กำกับภาพ ดาเรียส โวลสกี
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
Wasant Tong Suthanyaphruet
Alien: Covenant (2017)
“สนุก ลุ้น ระทึก มากขึ้น.. แต่ตามสูตรภาคต่อสไตล์ฮอลลีวู้ดทุกประการ คือบทภาพยนตร์อ่อนด้อยลง แต่ทดแทนด้วยองค์ประกอบที่ดีในทุกส่วน”
[คะแนน B -]
ความที่เนื้อหาในภาคต้น Prometheus (2012) มีความแข็งแรงในโครงสร้างและประเด็นมากกว่าชัดเจน แต่แลกกับความผิดหวังของคนดูทั่วไป ที่หลายเสียงว่าความบันเทิงน้อยไปหน่อย เพราะตลอดเรื่องแทบไม่มี Thriller หรือ Horror มากเท่าไหร่นัก Alien กว่าจะปรากฏกายก็ท้ายเรื่องโน่น แถมไม่มีบทบาทอะไรไปซะงั้น เนื่องตั้งใจให้เป็นปฐมบทแฟรนไชล์ ซึ่งเราก็ได้รุ้ที่มาของสิ่งมีชีวิตวายร้าย และใครคือผุ้สร้างมวลมนุษย์ขึ้นมาบนโลก ตลอดจนหุ่นแอนดรอยด์ David ที่มีทั้งความน่าสงสารและหยิ่งยะโสที่นำมาซึ่งจุดเปลี่ยนแก่ทุกคนในที่สุด.. ทั้งนี้ Prometheus ตั้งคำถามหลายสิ่งแก่ผุ้ชม ไม่ว่าจะการมีอยุ่จริงของพระเจ้า, ความลุ่มหลง(ผิด)ในวิทยาศาสตร์, ความเชื่อว่ามนุษย์คือสิ่งมีชีวิตอันแสนประเสริฐ บลาบลา ก่อนที่ท้ายสุดตัวละครทุกฝ่ายก็ได้รับหายนะเป็นคำตอบแก่ตัวเอง สื่อถึงความไม่แน่นอนของโลกและจักรวาล ที่ไม่มีใครเป็นผุ้สร้างหรือผุ้ทำลายแท้จริง พิสุจน์ได้จากเมื่อดูหนังไปเรื่อยๆก็ไม่รุ้จะคิดเห็นอย่างไร ในเมื่อไม่มีฝั่งไหนดีพอจะเป็นตัวแทนพระเจ้าได้เลย เพราะขนาดผุ้สร้างมนุษย์ที่เสมือนพระเจ้าก็ไม่ได้ดีอย่างที่คาดหวัง ส่วนมนุษย์ยิ่งไม่ต้องเสียเวลาใคร่ครวญ ตรงข้ามกลับเป็น Alien ที่คล้ายผุ้มีหน้าที่ทำลายทุกสรรพสิ่ง ยังพยามกวาดล้างความเลวร้าย และมักใหญ่ใฝ่สูงของสิ่งมีชีวิตรุปแบบอื่นๆได้เข้าท่าซะกว่า
ในภาคล่าสุด Covenant ด้วยรุปแบบนำเสนอและเนื้อหา แสดงเจตนาไม่มาอ้อมค้อมว่า ต้องการสนองความบันเทิงยิ่งขึ้นกว่าภาคต้น การดำเนินเรื่องจึงกระชับรวดเร็ว บทสนทนาชวนหัวมากกว่าตึงเครียด ตลอดจนจังหวะการกำกับของปู่ Ridley Scott ที่โฉ่งฉ่างแต่แม่นยำตามประสบการณ์อันมากล้น ไหนยังจะงานโปรดั๊กชั่นที่เนี๊ยบทุกองค์ประกอบ Covenant จึงเป็นสไตล์หนังภาคสองของทุกแฟรนไชล์ฮอลลีวู้ด คือจัดหนักความบันเทิงได้ทุกนาที ไม่ว่าพาร์ทอะไรก็เพลินได้ตลอดจริงๆ ชนิดไม่มีนิ่งเนิบเป็นหนังเล่าเรื่องแบบภาคที่แล้ว.. ทว่าก็แลกด้วยเนื้อหาและประเด็นที่แคบลงไปมาก สาระสำคัญส่วนใหญ่บีบอยู่ในซีนของสองหุ่นแอนดรอยด์ David กับ Walter ที่มีพื้นฐานและปมภายในขัดแย้งกัน ฝ่ายแรกเคยถุกหยามเหยียดว่าเป็นแค่สิ่งประดิษฐ์ ทั้งที่ใช้ความฉลาดและแข็งแกร่งช่วยชีวิตมนุษย์หลายครั้ง เขาจึงปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ควรกระทำต่อผุ้สร้างตน ส่วนรายที่สองคือแอนดรอยด์ที่ซื่อสัตย์และไม่มีความซับซ้อน พร้อมรับใช้และช่วยเหลือมนุษย์โดยไม่ตั้งแง่ใดๆ แคแร็กเตอร์ทั้งสองเผินๆก็ธรรมดาไม่ต่างกับงานอื่นๆ Covenant ยังดีที่มีบทสนทนาคมๆและพฤติกรรมบางอย่างที่ชวนขบคิดให้พึงพอใจ เช่น David สอนวิธีเป่าขลุ่ยให้แก่ Walter ซึ่งให้นัยยะที่ไปไกลแบบไม่ต้องท่ายากได้ดีเลยทีเดียว
ดังนั้นมันก็อยู่ที่คนดูจะชื่นชอบภาคไหนกว่ากัน Ridley Scott ประกาศสร้างไตรภาคมันก็ไม่แปลกที่จะออกมาทรงนี้ สตูดิโอฮอลลีวู้ดมักมีแนวคิดในการทำงานที่เข้าใจง่าย เพื่อวางทิศทางการเล่าเรื่องในแต่ละภาคของแฟรนไชล์ ให้สามารถตอบโจทย์แตกต่างกันเล็กน้อยและสำคัญสุดคือทำรายได้ก็แค่นั้น Prometheus ใช้เอ่ยถึงผุ้สร้างมนุษย์ไปแล้ว Covenant ก็สานต่อผุ้สร้างเอเลี่ยนตามลำดับ เพียงแต่มันน่าเสียดายที่แฟรนไชล์วางตัวเป็นงานสนองบันเทิงเต็มขั้น สาวกที่คาดว่าตัวหนังจะพัฒนาและต่อยอดสาระ ธีมที่เกี่ยวกับผุ้สร้าง(มนุษย์)ในภาคที่แล้ว ในเมื่อตอนจบทิ้งท้ายให้ฮือฮาขนาดนั้น มันจึงน่าผิดหวังรุนแรงไปตามๆกัน อย่างไรก็ดีหากสลัดหลุดพ้นไปได้ Covenant ภาพรวมก็ไม่ถือว่าใกล้เคียงกับคำว่าเลวร้าย ผุ้กำกับ ทีมงาน และนักแสดงต่างทำหน้าที่ได้ดี ในผลงานที่ตีตราตัวเองเป็น Horror / Sci-Fi / Thriller ไม่ได้พยามจะเป็นอะไรมากไปกว่านั้น แบบที่แฟนๆหรือสาวกตั้งเป้าคาดหวังกันไปเอง จบนะ.. !!
หนังเรื่องนี้สนุกว่ะ movie review th
รีวิว Alien: Covenant (2017) เอเลี่ยน โคเวแนนท์
หนังเกี่ยวกับการสำรวจดาวดวงใหม่ที่ไม่เคยจบสิ้น ยาน Covenant ออกสำรวจค้นหาดาวดวงใหม่ และ พวกเขาก็ค้นพบสถานที่แห่งหนึ่ง แต่กลับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอาศัยอยู่ทั้งสิ้น มีเพียงหุ่นยนต์ที่เคยมาจากยาน Prometheus เท่านั้น สถานที่ที่พวกเขาคิดว่ามันคือดินแดนแห่งทรวงสวรรค์ แท้จริงมันไม่ได้เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดคิด
ต่อเนื่องจาก Prometheus (2012) โพรมีธีอุส มีพูดถึงและฉายถึงยาน Prometheus บ้างเล็กน้อย เปิดเรื่องได้ค่อนข้างน่าเบื่อไปหน่อย การดำเนินเรื่องช้าไป มีช่วงที่น่าเบื่อบ้าง แต่ตอนที่มีคลื่นแทรกชวนให้สงสัยดีว่ามันคืออะไร และ พอได้ลงไปถึงดาวดวงนั้นก็เริ่มดูน่าสนใจขึ้นมาบ้าง ฉากสถานที่สวยดี เอเลี่ยนโหดและไวดี โดยเอเลี่ยนจะแพร่พันธุ์ด้วยสปอร์ มีช่วงให้ลุ้นบ้างเล็กน้อย แต่เอเลี่ยนออกมาน้อยไปหน่อย
6/10
We Love Movie Club
#Review Alien: Covenant – ‘สู่รากเหง้าของความสยองในจักรวาลแห่งเอเลี่ยน’
> ระดับความน่าสนใจ : A- < <
[บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์]
หลังพาเราเดินทางพร้อมคำถามสุดยิ่งใหญ่ว่า ‘ใครเป็นผู้สร้างมนุษย์?’ และ ‘เอเลี่ยน แท้จริงแล้วมาจากไหน?’ ใน Prometheus ผู้กำกับ Ridley Scott ก็กลับมาสู่โลกอันน่าสะพรึงที่ตนเองสร้างขึ้นอีกครั้งใน “Alien: Covenant” ที่เล่าเรื่องราว 10 ปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์ใน Prometheus เมื่อ ดร. Elizabeth Shaw และหุ่นแอนดรอยด์ David ตัดสินใจเดินทางข้ามดวงดาวเพื่อออกตามหาดาวของ ‘ผู้สร้าง’ ก่อนที่จะหายสาบสูญไปในจักรวาลและใน Covenant นี้มันมีเนื้อหาที่จะเชื่อมโยงไปสู่หนัง Alien (1979)
ซึ่งสิ่งที่ Covenant ทำได้ดีคือการเป็นภาคต่อที่มีการเฉลยปริศนาหลายข้อที่ค้างคาใน Prometheus โดยที่ยังทำหน้าที่กับการขยายจักรวาลของหนังแฟรนไชส์นี้ไปสู่ทิศทางใหม่ๆ ควบคู่กับการดึงเอาอารมณ์ความสยองขวัญแบบดั้งเดิมของตนกลับมาให้แฟนๆได้ใจหายใจไม่ทั่วท้องกันอีกครั้ง
“Alien: Covenant” เล่าเรื่องราวของตัวละครกลุ่มใหม่บนยานอวกาศโคเวแนนท์ ลูกเรือและมนุษย์อีก 2,000 คนบนยานลำนี้กำลังหลับลึกอยู่ในภาวะจำศีล โดยมีภารกิจคือการเดินทางไปยังดาวออริเก-6 อันห่างไกล ณ อีกฟากหนึ่งของกาแล็กซี ซึ่งเหล่าผู้ตั้งถิ่นฐานหวังที่จะสร้างฐานที่มั่นแห่งใหม่ให้แก่มนุษยชาติ แต่ด้วยอุบัติเหตุบางอย่างทำให้เหล่าลูกเรือต้องถูกปลุกขึ้นมาก่อนเวลา พร้อมการค้นพบสัญญาณลึกลับที่ถูกส่งออกมาจากดาวเคราะห์อันห่างไกลที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะการการตั้งถิ่นฐานคล้ายโลก
Oram และ Daniels เป็นผู้นำทีมลงไปสำรวจดาวดวงนี้และค้นหาต้นตอของสัญญาณปริศนา ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่สวยงามดั่งสรวงสวรรค์ ความสยองก็จู่โจมเข้ามาหาลูกทีมโคเวแนนท์อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ดุร้าย ทรงพลัง และยากจะต่อกร รวมถึงการมาของคำตอบที่ดำมืดเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
หาก ‘Prometheus’ เป็นการเปิดเผยให้เราได้รู้ว่าโลกของหนังชุดนี้มีประเด็นที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่กับการมาพร้อมคำถามถึงการกำเนิดมนุษย์ ‘ผู้สร้าง’ และ ‘ผู้ถูกสร้าง’ การมาของ “Alien: Covenant” แม้จะไม่ได้มีประเด็นปรัชญาอะไรใหม่ๆที่น่าตื่นเต้นชวนตะลึงแบบนั้น แต่มันก็เป็นจิ๊กซอว์ที่เข้ามาเติมคำตอบมากมายที่หนังภาคก่อนหน้านี้สร้างไว้ที่ดีและมันก็เป็นดั่งผลงานที่พาเรากลับไปสู่รากเหง้าความสยองชวนลุ้นระทึกแบบที่ปรากฏในหนัง Alien (1979) และ Aliens (1986)
ตัวละครหุ่นแอนดรอยด์เป็นตัวละครสำคัญในหนังแฟรนไชส์ชุดนี้มาตลอดทุกภาค แต่ภาคนี้มีความแตกต่างตรงที่มันมาพร้อมบทบาทที่สั่นสะเทือนหนังทั้งเรื่องได้รุนแรงที่สุด ทั้งยังเข้ามาช่วยขยายประเด็น ‘ผู้สร้าง-ผู้ถูกสร้าง’ ให้แตกยอดออกไปได้อีก (ห่วงโซ่เบื้องต้นที่เรารับรู้มาในหนังภาคก่อนหน้านี้ก็คือ : เอ็นจิเนียร์ >> มนุษย์ >> แอนดรอยด์) เรามักคิดเสมอว่าในหนังชุดนี้ ‘เอเลี่ยน’ เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด แต่ Covenant ก็ตอกเราให้หน้าหงายไปเลยกับการบอกว่ามันยังมีสิ่งที่อันตรายและน่าสะพรึงยิ่งกว่านั้นมาก
หนังมีรายละเอียดมากมายที่ชวนให้นำมาคิดต่อหลังดูจบและได้สังเกตกัน นับตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องที่สะท้อนภาพของความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ผู้สร้าง-ผู้ถูกสร้าง’ ที่เป็นไปในทางที่อีกฝ่ายถูกกำหนดให้ทำได้เพียงรับใช้อีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว, เพลง Take Me Home, Country Roads (John Denver) ที่มีนัยยะที่น่าเศร้าแฝงอยู่ในที่มาของเสียงเพลงนี้ เมื่อเราได้รับรู้ชะตากรรมของตัวละครหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับมัน (ยิ่งเมื่อมองไปถึงท่อนเพลงที่ว่า Country roads, take me home, To the place I belong)
ฉากตัวละคร David สอน Walter เป่าขลุ่ย ที่เป็นดั่งภาพสะท้อนของฉากที่ David เล่นเปียโนให้คุณ Weyland ฟัง แตกต่างกันตรงที่ฉากเป่าขลุ่ยเป็นในแนวการถ่ายทอดความรู้ แต่ฉากเปียโนให้ความรู้สึกว่าแอนดรอยด์ถูกกดขี่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีทางสมบูรณ์ได้เทียบเคียงมนุษย์ (สังเกตจากการเคลื่อนกล้อง มันอาจจะรวมไปถึงเป็นฉากการโชว์เทคนิกพิเศษในการถ่ายทำที่ใช้นักแสดงคนเดียวกับบทบาท 2 ตัวละครด้วยก็ได้), ฉากห้องวิจัยของ David ถ้าสังเกตดีๆจะพบภาพวาดไข่เอเลี่ยนที่ใช้เป็นโปสเตอร์สำหรับประชาสัมพันธ์วัน Alien Day ปี 2017 นี้ด้วย
นอกจากนี้ก็คือคลิปหนังสั้นในชื่อ ‘The Crossing’ ที่เล่าเรื่องราวของ ดร. Elizabeth Shaw และ David ที่สตูดิโอ Fox ปล่อยออนไลน์ออกมาให้ชมก่อนหนังออกฉายทั่วโลก ความยาว 3 นาทีนั้นมีเพียงบางฟุตเตจของมันเท่านั้นที่ปรากฏในตัวหนังฉบับเต็ม ซึ่งส่วนตัวชอบที่หนังเลือกใช้มาเป็นบางส่วน เพราะมันทำให้จังหวะหนังกระชับขึ้น
ฝั่งนักนักแสดง แม้ Katherine Waterston จะแสดงได้เหมาะกับหญิงแกร่งจำเป็นในการต่อกรกับเอเลี่ยน แต่ส่วนตัวก็ยังคงมองว่ายังน่าจดจำน้อยกว่า Noomi Rapace ใน ‘Prometheus’ (อาจเพราะเจ๊ Rapace มีฉากผ่าตัดที่สุดจะตราตรึงด้วย) แต่รายที่เด่นที่สุดก็คือ Michael Fassbender ในบทหุ่นยนต์ที่ไร้อารมณ์ แต่แผ่รังสีอำมหิตชวนน่าขนลุกปกคลุมหนังไปทั้งเรื่อง และที่โดดเด่นไม่แพ้กันก็คือ James Franco กับบทบาทที่ “ร้อนแรง” และสำคัญที่สุดของเรื่อง!!
โดยสรุป “Alien: Covenant” หนังจากความโหดที่จัดมาสมเรท R แล้ว (ฉากเอเลี่ยนในห้องพยาบาลเป็นอะไรที่น่าตื่นตระหนกมาก) หนังยังมีงานด้านโปรดักชั่นต่างๆที่น่าชื่นชม หนังประสบความสำเร็จในการทำให้เรารู้สึก ‘หดหู่’ กับชะตากรรมตัวละครฝ่ายมนุษย์และสร้างความน่าตื่นเต้นได้ดีในฉากเอเลี่ยนแบบที่สมการรอคอย แม้การเล่าเรื่องในช่วงแรกจะเอื่อยๆไปบ้าง แต่สิ่งที่น่าปรบมือที่สุดก็คือบทสรุปของหนังภาคนี้ที่เหมือนลุง Ridley Scott ได้บอกใบ้กับเราว่าเรื่องราวในหนัง ‘Alien’ ทั้ง 4 ภาคเก่านั้น มันอาจเป็นเพียงแค่เสี้ยวเหตุการณ์หนึ่งของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ที่น่าสะพรึงนี่เท่านั้น เพราะความรู้สึกสุดท้ายหลังหนังจบลงก็คือหนังยังสามารถแตกหน่อเรื่องราวออกไปได้อีกมากกับการเล่าเรื่องที่เป็นไปได้ทั้งสเกลเล็กหรือใหญ่ ซึ่งแฟนๆยังคงต้องตั้งตารอคอยต่อไป!
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Alien vs Predator (2004) เอเลียน ปะทะ พรีเดเตอร์
Alien vs Predator 2 Requiem (2007) เอเลียน ปะทะ พรีเดเตอร์ 2
6.3