ดูหนังออนไลน์ใหม่2024 หนังเต็มเรื่อง ดูหนัง 2023 HDฟรี
8xbet212

The Medium (2021) ร่างทรง

1 คะแนน

ตัวอย่าง

The Medium (2021) ร่างทรง

The Medium (2021) ร่างทรง

เรื่องย่อ

เป็นหนังผีที่เล่นกับความเชื่อทางไสยศาสตร์ท้องถิ่นทางภาคอีสานของไทย โดยหนังจะโฟกัสที่ครอบครัวหนึ่งที่เชื่อในเรื่องเทพเจ้าที่เคารพบูชา และทำหน้าที่เป็นร่าง ทรง แต่ปรากฏว่าพวกเขากับต้องเผชิญหน้ากับดวงวิญญาณและภูติผีที่แปลกประหลาด ที่อาจจะต้องเปลี่ยนแนวคิดของพวกเขาไปตลอดกาล

เรื่องราวอันน่าสยดสยองของมรดกของหมอผีในภาคอีสานของประเทศไทย สิ่งที่สามารถครอบครองสมาชิกในครอบครัวอาจไม่ใช่เทพธิดาที่พวกเขาสร้างขึ้นมา

ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังไทย เรื่อง The Medium (2021) ร่างทรง หนังประเภท Horror สยองขวัญ เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS

ผู้กำกับ

บรรจง ปิสัญธนะกูล

บริษัท ค่ายหนัง

  • จีดีเอช
  • โชว์บอกซ์ คอร์ปอเรชัน
  • นอร์ธเทิร์น ครอส
  • จอกว้าง ฟิล์ม

นักแสดง

  • นริลญา กุลมงคลเพชร
  • สวนีย์ อุทุมมา
  • ศิราณี ญาณกิตติกานต์
  • ยะสะกะ ไชยสร
  • อรุณี วัฒฐานะ
  • ธนัชพร บุญแสง
  • บุญส่ง นาคภู่

โปสเตอร์หนัง

The Medium (2021) ร่างทรง

The Medium (2021) ร่างทรง

The Medium (2021) ร่างทรง

รีวิวหนัง

Eak Athiwit

ร่างทรง : the Medium 2021

หนังใหม่ของ GDH ร่วมกับค่ายหนังจากเกาหลีที่จะเข้าฉาย ตค. นี้ หนึ่งในทีมงานก็มี เต๋อ ฉันทวิชช์ ร่วมด้วย

บอกเลย หลอน ทำดี หนังมีความผสมผสานหลายอย่าง ทั้งเป็นกึ่งสารคดี กึ่งเรียลลิตี้ และผสมความเป็น พารานอมอลฯ ที่ออกมาลงตัว ทำให้เราอยากติดตามตลอดเรื่อง และทำเอาคนดูอย่างเรากลัวและหลอนหลายฉากเลยอ่ะ ระบบเสียงไม่ต้องมีอะไรมากแค่แยกแยะแชนแนลดีๆ ปิดไฟมืดๆดู ไม่ต้องตุ้งแช่ กูก็กลัวละ555

สรุป ดี หลอน ไปดูกันได้เลย

ภาพ : 6.5/10 #HD

เสียง : 6/10 #5.1

Sampan Yingyut

…กลับมาแล้วววววววว!!! ขออนุญาต​ ตะโกนดังๆ​ ด้วยความดีใจ​ เพราะหลังจากโรงหนังปิดมายาวนาน​ ชีวิตมันช่างจืดชืดเหลือเกิน​ ต่อให้มีหนังและซีรี่ในสตรีมมิงมากมายหลายช่องทางแต่ก็ไม่มีอะไรมาแทนโรงหนังได้เลยจริงๆ​ พอเปิดโรงหนังก็มีหนังเยอะเลยที่จะดู​ แต่ผมนี่อดใจขอประเดิมโรงหนังเปิดด้วยหนังไทยอย่าง​ ร่างทรง

…ร่างทรง​ หรือ​ The​ Medium เป็นหนังจากค่ายหนังคุณภาพสูงอย่าง​ GDH​ ร่วมกับ นอร์ธเทิร์น ครอส จากเกาหลี​ เขียนทโดย​ นา ฮง-จิน​ ผู้เขียนบทหนังที่ดังมากซึ่งเป็นแนวเดียวกับร่างทรง​ อย่าง​ The​ Wailing ร่วมเขียนบทกับพระเอกเต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี กำกับโดย​ บรรจง ปิสัญธนะกูล​ จาก​ ชัตเตอร์​ กดติดวิญญาณ​ โดยได้นักแสดงนำอย่าง​ ญดา นริลญา กุลมงคลเพชร​ มาแสดงนำ

…เล่าเรื่องผ่านครอบครัวของป้านิ่มที่ทำหน้าที่เป็นร่างทรงของย่าบาหยัน​ ที่วันนึงไปงานศพของพี่เขย​ ซึ่งเป็นสามีของป้าน้อยพี่สาวของป้านิ่ม​ ซึ่งในคืนนั้น​ ลูกสาวป้าน้อยคือ​ มิ้ง ได้มีอาการแปลกๆ​ ป้าน้อยที่เป็นร่างทรงของย่าบาหยัน​ เห็นความผิดปกติของมิ้ง​ จึงได้เฝ้าดูและมิ้งเริ่มมีความผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ต่างๆในเรื่อง

… ขออธิบายถึงวิธีการเล่าเรื่องของหนังก่อนนะครับว่า​ หนังเรื่องนี้ถูกเล่าออกมาในเชิงสารคดี​ ซึ่งจะบอกว่าเป็นลักษณะหนัง​ found footage ผสมกับหนังแนว​ Mockumentary เน้นการเล่าเรื่องผ่านวิถีชีวิต​ เพราะฉนั้น​หนังมันจึงให้ความรู้สึกสมจริง​ ประกอบกับการถ่ายทอดบรรยากาศวิถีชีวิตที่ตัดสลับมาใส่​ตลอดเรื่อง ผมคิดว่าตรงนี้มันเป็นจุดที่ทำให้ผมรู้สึกว่าหนังมันมีความเป็นคติชนสูงมากๆ แถมต้นเรื่องมีการอธิบายพื้นฐานความเชื่อเกี่ยวกับผีให้เราเข้าใจในเบื้องต้น​ เพื่อให้เราเข้าใจแนวคิดของคติความเชื่อเรื่องผีซึ่งจะเป็นความเข้าใจพื้นฐานก่อนหนังจะเริ่มเล่าเรื่อง​ ดังนั้นถ้าเราจับประเด็นของหนังแล้วคิดตามหนัง​ มันจึงเป็นหนังที่ทำให้รู้สึกเข้าใจและอินได้ไม่ยาก​

…มาดูจุดเด่นของหนังก่อน​ หนังเรื่องนี้มีการเขียนบทที่มีพื้นฐานมาจากวิถีพื้นบ้าน​ โดยหนังใส่องค์ประกอบต่างๆ​ ลงมาในหนังให้เราได้สังเกตุและเก็บรายละเอียดเยอะมากๆ​ ที่เราเห็นได้ทั่วไป​ ทั้งชื่อผีต่างๆ​ สิ่งของหรือแนวคิดเกี่ยวกับผีเช่นว่าน​พะตะบะ ข้อห้าม​ จนถึงพิธีกรรมและองค์ประกอบในแต่ละฉาก​ เรียกว่าถ้าเอาสิ่งเหล่านี้มาทำวิจัยต่อนี่ทำวิทยานิพนธ์ได้เลย​ ซึ่งจุดนี้คือสิ่งที่ผมชอบที่สุดเรียกว่าต้องเพ่งดูกันเลยทีเดียว​ นอกจากนี้หนังยังใส่ฉากให้ดูอินเตอร์โดยใส่ฉากแนวคิด​ ความเชื่อ​ พิธีกรรม​ รวมถึงเสียดสีแนวคิดบางอย่างของศาสนา​คริสต์เข้ามาด้วย แต่สิ่งนึงที่สังเกตุคือ​ หนังใส่แนวคิดของพุทธน้อยมากๆ​ ต่างจากขนบหนังผีไทยโดยทั่วไป​ มันจึงดูแปลกใหม่

…สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของหนังคือฝีมือการแสดงของ​ ญดา นริลญา กุลมงคลเพชร​ ที่รับบทมิงค์​ คือต้องบอกว่ามันสุดจริงๆ​ แม้มันจะมีบางฉากที่อาจจะดุโอเวอร์แอคติง​ แต่ว่าถ้าได้ดูโดยรวม​ หนังเรื่องนี้มันดูหลอนมากๆ​ เพราะการแสดงของเธอจริงๆ​ โดยเฉพาะฉาก​ ที่เป็นการติดกล้อง​ Night​ Vision ในบ้าน​ มันคือหลอดสุด​ ยิ่งฉาก​ที่ผู้จัดการให้ดูกล้อง​ในที่ทำงานของมิ้ง คือแม่งเอ้ยยยย​ คารวะเธอเลย​ว่ากล้าเล่นมาก​ นักแสดงในหนังไม่ใช่เบอร์ใหญ่แต่เล่นดีทุกคน​ โดยเฉพาะป้าน้อย​

… จุดต่อมาที่ผมชอบ​ แต่คนอื่นอาจจะไ​ม่ชอบ​ คือการสร้างปม​ แล้วทำให้คนดูสงสัย​ แต่หนังเฉลย​ แบบไม่เฉลย​ ครับ!!! เขียนแบบนี้คืออยังไง​ ไม่ใช่เพลงของ​ Getsunova นะครับ​ แต่หนังทำแบบนั้นจริงๆ​ ตัวหนังเหมือนจะมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อแต่ก็ไม่ได้ชัดเจน​ แต่มันคือจุดสำคัญของเรื่องที่คุณต้องคิดตาม​แต่ละตัวละคร​ ดังนั้นหนังเรื่องจึงไม่ใช่หนังที่ตั้งประเด็นกับควาทเชื่อโดยตรง​ แต่เป็นการถ่ายทอดมุมมองมากกว่า เมื่อหนังสร้างปมหนังจะเฉลยโดยหนังมีการใส่ร่องรอยเอาไว้แล้วให้คนดูคิดเองว่าเฉลยปมนั้นมันคืออะไร​ ซึ่งผมอยากอธิบายมากแต่มันจะสปอย ผมขอละไว้ให้ไปชมในโรงนะครับ​ และที่สำคัญคือไม่ต้องฟันธงว่าอะไรถูกหรือผิดในหนัง​ เพราะถ้ามองในแง่คติชน มันไม่มีถูกผิด​ มันอยู่กับมุมมองแต่ละคน

… ในส่วนของบรรยากาศและโลเคชั่น​ คือบอกตรงๆ​ ว่ามันสวยมากๆ​ ถ้าคุณไปเที่ยวในสถานที่ที่หนังไปถ่ายทำ​ แต่หนังสามารถถ่ายทอดออกมาให้ดุทะมึน​ และวังเวง​ มากๆ​ การจัดโลเคชั่นแต่ละฉากคัดมาอย่างดี​ โดยเฉพาะฉากทางสามแพร่ง​ กับต้นไม้ใหญ่​ สิ่วที่น่าสังเกตุในการเล่าเรื่องหนังใช่ความหลอนจากบรรยากาศและการแสดง​ มุมกล้องต่างๆ​ และหนังเรื่องนี้ใช้​ Jump Scared น้อยมากๆ​ แต่ใช้วิธีกดดันคนดูด้วยบรรยากาศ​ และมุมกล้องแบบ​ Found Footage ยิ่งฉาก​พิธีกรรม​ หนังมีกลิ่นของ​ The​ Wailing มากๆ​ แต่มันให้อารมณ์แบบพิธีแบบไทยๆ​ มันเลยมีความน่ากลัวแบบไม่ต้องใช้ผีเลย

… จุดด้อย​ สิ่งที่ผมไม่ชอบที่สุดคือการเล่าเรื่องในครึ่งชั่วโมงสุดท้าย​ ที่หนังพยายามใส่ความสยองเข้ามาแบบกระหน่ำมากๆ​ และเขาพยายามให้มันดูอินเตอร์​ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันกลายเป็นหนังซอมบี้ซะงั้น​ และมันไม่เข้ากับเรื่องที่ปูมาเลย ทั้งที่หนังปูตัวเรื่องมาในมุมของความสยองในแบบหนังผีที่เน้นบรรยากาศ​ซึ่งมันแทบจะดีทั้งเรื่องอยู่แล้ว​ แต่หนังมาตกม้าตายตอนไคลแมกซ์ของเรื่อง​ ซึ่งไม่ควรเล่าออกมาแบบนั้น​ นี่คือมุมมองของผมนะครับ แต่คนอื่นอาจจะชอบก็ได้นะครับ​ แต่ไม่ถูกจริตผมจริงๆ

…แต่!!! สิ่งที่ทำให้ ผมมีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ถูกจริตคนไทยแน่ๆ​ คือฉากจบของเรื่อง​ครับ​ ถามว่าผมชอบไหม​ บอกเลยผมชอบมาก​ เพราะมันคือการจบที่เป็นลักษณะ​ Cliff Hanger Ending คือแขวนคนดูเอาไว้ในตอนจบ​ มันทำให้เราได้คิดต่อได้ไปคุยกันต่อว่ามันจะยังไงกันแน่​ นั้นคือสิ่งที่ผมชอบ แต่สิ่งสำหรับคนอื่นละ​ เอาที่ผมได้ยินจากคนดูในรอบเดียวกับผมหลังหนังจบและเดินออกมาจากโรงคือ​คำสบถและคำอุทาน​ เช่น​ เอ๊า!!! อะไรว่ะ!!! จบแล้วเหรอ!!! งงอะมึง!!! ถูกต้องครับ​ คนดู​งงแน่นอน​ เพราะหนังแทบไม่เฉลยอะไรเลย​จริงๆ​ คุณต้องไปคิดคำตอบเอาเอง ก็อย่างที่บอกครับ​ หนังมันเฉลยแบบไม่เฉลย​ 555​ ไปตีความกันเอาเอง​ครับทุกท่าน

… โดยสรุปนะครับ​ เป็นหนังไทยแนว​ Found​ Footage​ ผสมกับ Mockumentary เน้นความสมจริง​ กดดันคนดูด้วยบรรยากาศ​ การสร้างปม​ แล้วให้คนดูได้คิดได้หาคำตอบกับสิ่งที่หนังสร้างปมไว้ และหนังยังใส่รายละเอียดคติความเชื่อพื้นบ้านลงไปอย่างลงตัว​ สมกับการรอคอยที่ยาวนาน​ หนังเรื่องนี้คุณต้องดูในโรงนะครับ​

เรื่องนี้ผมให้ 8.5/10 ครับ

ปล.​ บทหนังมันค่อนข้างลึกล้ำมากๆ​ ดูแล้วเก็บรายละเอียดเยอะๆ​ นะครับ

WATCH FROM​ HOME​

ร่างทรง (The Medium)​

ภาพยนตร์ไทย ปี 2021

มี​พากย์​ไทย/มีคำบรรยายไทย

เวลา 2 ชั่วโมง 11 นาที

รับชมได้ที่​ #Netflix​ #NetflixTH​

แนวลึกลับ/ความเชื่อ/สยองขวัญ/ระทึกขวัญ​/เหนือธรรมชาติ/เป็นเรื่องราวของการถ่ายทำสารคดีติดตามชีวิตครอบครัวหนึ่งในภาคอีสานของไทย ที่ได้สืบเชื้อสายร่างทรง “เทพบาหยัน” มาหลายชั่วอายุคน ซึ่งเชื่อกันว่าจะเลือกแต่ร่างของผู้หญิง เพื่อสืบทอดทายาท โดยมี นิ่ม (สวนีย์ อุทุมมา) เป็นผู้สืบทอดสายเลือดร่างทรงคนปัจจุบัน ก่อนที่จะพบว่าเริ่มมีอาการแปลกประหลาดหลายอย่างเกิดขึ้นกับ มิ้ง (นริลญา กุลมงคลเพชร) หลานสาวคนเดียวของตระกูลที่คาดกันว่า น่าจะถูกรับเลือกให้เป็นทายาทร่างทรงคนต่อไป แต่มิ้งกลับมีอาการน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ จนสมาชิกในครอบครัวเริ่มสงสัยกันว่า สิ่งที่เข้ามาอยู่ในร่างของมิ้งอาจจะไม่ใช่เทพบาหยันอย่างที่ทุกคนคิด

(ความคิดเห็นส่วนตัว..)

หนังไม่ได้เหมาะกับทุกคน! หนังมันชวนตั้งคำถาม​ หนังมันชวนให้คิด​ ชวนให้วิเคราะห์​กับเหตุการณ์​ต่างๆ​ แต่สรุปให้ก่อนเลยว่า​ ฉากจบไม่ใช่จบไม่ลง! ไม่ใช่ซอมบี้! เป็นเรื่องราวของผีสาง​ และความเชื่อล้วนๆ​

สำหรับเรา หนังหลอนจริง! ยิ่งซีนที่ดูจากฟุตเทจกล่องวงจรปิด คือหลอนมาก เราสะดุ้งทั้งตัวเลย นักแสดงเล่นดีทุกตำแหน่งจริงๆ เล่นทุ่มสุดตัวมากโดยเฉพาะผู้รับบทเป็นอีมิ้ง เล่นจนเชื่อ บรรยากาศเยี่ยม สถานที่ถ่ายทำเลือกมาได้โคตรดี โคตรชมเชย คือหากดูแค่ความหลอนก็ได้ ดูเอาแง่มุมของความเชื่อก็มันก็น่าติดตาม ดูแล้ววิเคราะห์ไปยันพฤติกรรมของตัวละครของป้านิ่มก็น่าสนใจไม่น้อยในเรื่องของความเชื่อส่วนตัว อีกทั้งตัวละครมิ้ง ที่เอาจริงๆ ชีวิตโคตรหดหู่ น่าจะเกี่ยวกับพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศด้วยล่ะ ต้องทนทุกข์ทรมานจากสังคมที่ตัวเองเจออยู่ก็น่าคิดต่อได้อีกยาวๆ

หนังครึ่งแรกดีมาก ดีมากจริงๆ แต่พอครึ่งหลัง หนังมันกลับไม่เข้าถึงกับจริตของคนไทยเท่าที่ควร เราขอเล่าแบบนี้ละกัน ตัวเราเองก็เพิ่งมีโอกาสได้ดูร่างทรงผ่าน Netflix ไปเมื่อวันศุกร์ที่ 4 ก.พ.65 ที่ผ่านมานี่เอง ก่อนหน้านี้ก็สงสัยมานานแล้วว่าทำไมมีทั้งคนไม่ชอบและชอบแบ่งเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน พอได้ดูด้วยตัวเองก็เลยเข้าใจแล้วว่าอะไรยังไง เราจะเล่าอย่างนี้นะ คือเราดูหนังผีของ GTH,GDH และ ของ นาจินฮง มาหลายเรื่องแล้ว เราแทบน่าจะดูครบทุกเรื่องเสียด้วยซ้ำ เราเลยกล้าฟันธงได้เลยว่า ครึ่งแรกคืองานของนักเขียนบทไทยจริงๆ แต่ครึ่งหลังมันคืองานในรูปแบบของ นาจินฮง จริงๆ เช่นกัน ครึ่งหลังมันแทบจะเป็นลายเซ็นของ นาจินฮง เลยนะ หากใครเคยดูหนังของแกมาบ้างแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่คนไทยส่วนมาก จะไม่ชอบตอนจบแบบในหนัง เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาแบ่งสัดส่วนการเขียนบทกันอย่างไร แต่จากที่เราดูมันรู้สึกได้ชัดเจนมากว่าอันไหนไทย อันไหน นาจินฮง อันนี้เราแค่จะเล่าถึงความรู้สึกที่รับรู้ได้ทันทีเลยหลังจากดูหนังจบ ว่าหนังมันมีลายเซ็นของ ไทยครึ่งหนึ่ง และ เกาหลีใต้ครึ่งหนึ่ง โคตรชัดเจน

ที่หลายๆคนบ่นถึงพฤติกรรมต่างๆของตัวละครในตอนจบนั้น แน่นอนคนดูที่เป็นคนไทยที่ดูหนังผี GTH,GDH มาตลอดย่อมไม่เข้าใจแน่นอน เพราะไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน เราจะขอบอกก่อนเลยว่าตอนจบของร่างทรงนั้น มันคือ ลายเซ็นและแนวทางของ นาฮงจิน ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ที่โคตรชัดเจนมาก แล้วถ้าหากคนไทยบางส่วนที่เขาไม่เคยดูหนังเกาหลีใต้ของ นาจินฮง มาก่อนเขาจะเข้าใจไหม? เราว่ายากที่จะเข้าใจ และ ไม่ชอบอย่างแน่นอน นี่คือหนังร่วมสร้างไทย-เกาหลีใต้ หากหาข้อมูลและศึกษาข้อมูลต่างๆมาก่อน น่าจะดูแล้วรู้สึกชอบได้ไม่ยาก แต่เอาจริงๆนะ ใครเขาจะมานั่งหาข้อมูลอะไรมากมายก่อนดูล่ะ กับคนดูชาวเกาหลีใต้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรน่าจะชอบ แต่สำหรับคนไทยล่ะ มีปัญหาแน่นอน ก็อย่างที่เห็นตามกลุ่มต่างๆ บ่น ด่า ติเตียน เยอะกว่าความชอบเป็นเอกฉันท์มาก เพราะบทของหนังในตอนท้ายนั่นแหละ สำหรับเรา เราเข้าใจนะที่หนังสื่อสารออกมา แต่กับผู้คนโดยทั่วไปที่เขายอมเสียตังค์เพื่อเข้าดูหนังผีสักเรื่อง หวังแค่อยากสัมผัสความกลัวและความหลอนล่ะ เราว่าไม่ตอบโจทย์เลย

อีกหนึ่งสิ่งที่คนพูดไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือ บทของตากล้อง คือบทของตากล้องในเรื่อง มันทำหน้าที่ได้ดีชิบหาย ดีเกินจริงไปด้วย ดีจนน่ายื่นมือเข้าไปในเรื่องแล้วตบบ้องหูสักป๊าบ แล้วตะโกนถามมันว่า ทำไมมึงยังไม่หนีอีก ทำไมมึงยังถือกล้องแทบจะไม่หลุดโฟกัสได้ขนาดนี้ อิห่านน อันนี้มันชัดเจนมากว่าบทตากล่องป่วยจริงๆ ไม่สมเหตุสมผลด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าจะคิดจากมุมไหนก็ตาม หากเป็นเรื่องจริงต้องทิ้งกล้อง หรือวางกล้อง แล้วจัดการอะไรสักอย่างแล้ว มึงหวงกล้อง ห่วงการถ่ายทำสารคดีจนเกินจริง เกินไปมากแล้ว อิห่าน บทของตากล้องอันนี้คู่ควรแก่การด่ามากๆ ไม่รู้ใครเขียนบทส่วนนี้ งงว่าไม่รู้สึกหรือว่ามันน่ารำคาญและหวงกล้องเกินไปอย่างมากมาย มันชัดเจนจนเสียอรรถรสเป็นอย่างมาก

แต่โดยรวมแล้วสำหรับเรา เราชอบนะ เป็นหนังอีกเรื่องที่อยากดูซ้ำๆ เพื่อเก็บรายละเอียดบทพูดต่างๆ ของป้านิ่ม อีกสักรอบ บทป้านิ่มคือดีมาก บทพูดต่างๆซ่อนความหมายบางอย่างให้น่าขบคิด แฝงไปด้วยแง่คิดของคนที่เป็นร่างทรงที่ยืนอยู่ระหว่างความเชื่อและความจริง ที่กำลังสั่นคลอนจากเหตุการณ์ของ มิ้ง

นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเองล้วนๆ​ เพราะความชอบหรือไม่ชอบนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล​ รสนิยม​ในการรับชมย่อมแตกต่างกัน​ บางท่านอาจจะชอบหรือไม่ชอบ​ ก็ลองตัดสินใจด้วยตัวท่านเองนะครับ

“ขอให้มีความสุขในการรับชมนะครับ”

Sam Movieman ผู้ชายบ้าดูหนัง

💥 The Blair Wailing Project 💥

The Medium ร่างทรง (2021)

📢 ผู้กำกับ/ร่วมเขียนบท บรรจง ปิสัญธนะกูล (ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ, พี่มากพระโขนง, แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว)

👨‍👩‍👧 ดารา นริลญา กุลมงคลเพชร, สวนีย์ อุทุมมา, ศิราณี ญาณกิตติกานต์

⏱ ความยาว 2:10

🏆 รางวัล –

ขนาดพยายามเปิดใจ อยากพิสูจน์ด้วยตัวเองด้วยซ้ำว่าเห็นต่างจากคนที่รุมถล่มช่วงหลังๆ ของหนัง แต่ท้ายสุดก็จำยอม เพราะเห็นด้วยกับเสียงติติงเหล่านั้นจริงๆ

หนังจากฝีมือผู้กำกับและร่วมเขียนบทของผู้ที่ต้องถือว่าเป็นมือหนึ่งของคนทำหนังไทย โดยส่วนตัวยกให้ “แฟนเดย์” เป็นหนังไทยที่ปลื้มที่สุดเท่าที่เคยดูมา (โดยมีฉลาดเกมโกง กับฮาวทูทิ้ง ตามมาติดๆ) แล้วยังได้นา ฮง-จิน ผู้กำกับ (และร่วมเขียนบท) ชาวเกาหลีเจ้าของผลงาน The Wailing (2016) ที่สร้างความฮือฮาในฐานะหนังสยองที่มีความเป็นเอกลักษณ์ มีความสมจริง แถมยังจบแบบปล่อยให้คนดูงงไปอีกหลายตลบ มาร่วมสร้าง ก็ต้องถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่คนทำหนังไทยเป็นที่ยอมรับระดับอินเตอร์และเรื่องนี้อาจสร้างปรากฏการณ์ให้ไทยได้เฉิดฉายบนเวทีโลกอีกครั้ง แต่…หลังดูจบ ชักไม่แน่ใจว่าการยื่นมาเข้ามาของผู้กำกับชาวเกาหลี จะมาช่วยหรือมาครอบงำกันแน่

ไม่ขอพูดถึงเนื้อหา เพราะหนังดังขนาดนี้ น่าจะดูกันแล้ว หรือไม่ก็อ่านรีวิวมาบ้างแล้ว เข้าสู่ความเห็นกันเลย

💥 3 ชอบ 1 เฉย 4 ไม่ชอบ 💥

🤩 การแสดง ใครคิดว่านักแสดงไทยเล่นได้แค่ตบตีกรีดร้อง เรื่องนี้และหนังไทยหลายๆ เรื่องในช่วงหลายปีหลังได้พิสูจน์แล้วว่าถ้าฝ่ายแคสติ้งตาแหลมจริงและผู้กำกับมีฝีมือพอที่จะดึงความสามารถออกมา เราก็พบว่ามีดาราไทยไม่น้อยที่แสดงหนังได้เก่งเป็นธรรมชาติมากๆ เรื่องนี้อย่างน้อย 2 ดารานำคือ นริลญา กุลมงคลเพชร (มิ้ง) กับสวนีย์ อุทุมมา (ป้านิ่ม) แสดงได้สมจริงราวกับเป็นตัวละครนั้นมาตั้งแต่เกิด นริลญาได้บทที่สีสันจัดจ้าน แถมยังพิสูจน์ถึงการทุ่มทุนอย่างชนิดที่ทำเอาหนุ่มๆ ตาค้าง (และกรอกลับหลายรอบ) ส่วนสวนีย์จะเป็นแนวลุ่มลึก สมกับเป็นคนที่ขลุกอยู่กับเรื่องผีสางมาแสนนานจนแทบไม่มีอาการ จนกระทั่งถูกท้าทายแล้วความเปราะบางในอารมณ์ถึงเผยออกมา ยอดเยี่ยมไร้ที่ติด ตัวแสดงประกอบอื่นก็ล้วนทำหน้าที่ได้ดีตามบทมอบให้

🤩 ถ่ายภาพ ทำเอาหมู่บ้านชนบททางอีสานสวยงามจนอยากไปเที่ยว ทั้งมุมกล้อง และการใช้โทนสี ทั้งนี้หัวข้อนี้ไม่รวมถึงการใช้กล้อง “มือถือ” ที่เน้นสมจริงสไตล์สารคดี ซึ่งจะพูดถึงในส่วนที่ไม่ชอบ

🤩 บท/กำกับ ช่วง 2/3 แรกของเรื่อง ถือว่าสะกดอารมณ์ได้ชงัด บางเสียงบอกว่าหนังเดินช้า แต่ส่วนตัวเห็นว่าดีแล้ว หนังค่อยๆ หยอดและพาไปรู้จักตัวละคร ปูสถานการณ์ต่างๆ ในจังหวะที่เหมาะสม เพียงแค่หนังไม่ได้เน้นโฉ่งฉ่าง ซึ่งนับว่าเป็นแนวที่สะท้อนรสนิยมในระดับสูง หลายเหตุการณ์คิดไม่ถึงว่าจะมาแบบนี้ ซึ่งทำลายสิ่งที่คิดไว้ ต้องกลับมาตั้งหลักใหม่ว่าเอาไงล่ะทีนี้ ทำให้ต้องช่วยตัวละครลุ้นหนักเข้าไปอีก ถือว่าบทและการกำกับหล่อเลี้ยงอารมณ์ได้อย่างไม่มีตก

❌ สปอย สปอย สปอย ❌
❌ สปอย สปอย สปอย ❌
❌ สปอย สปอย สปอย ❌

😑 ตัวละคร “แป้ง” ที่ช่วงทำพิธี ดันพยายามจะเปิดประตูเพื่อให้แผนเสีย หนังแนวนี้มักต้องมีเหตุงี่เง่าเช่นนี้เสมอ แต่หนังก็พยายามทำจนน่าเชื่อว่าได้พยายามป้องกันแล้วแต่ด้วยเหตุผลที่เหนือเหตุผล มันก็เกิดจนได้

😪 “ซอมบี้” สิ่งที่ใครๆ ก็ด่า บางเสียงอธิบายว่าก็หนังบอกแล้วว่าวิญญาณของสารพัดสิ่ง ทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิตต่างก็มารุมในตัวมิ้ง การมีอาการคล้ายซอมบี้มันก็คือวิญญาณของสุนัขไง ถ้าเหตุผลคือเช่นนี้ ก็พอฟังได้บางส่วน แต่ผู้กำกับพึงรู้ว่าในตลาดหนัง โดยเฉพาะจากเกาหลี มีหนังซอมบี้ตั้งมากมาย มันเสี่ยงไปไหมที่จะทำให้อาการของผีออกมาแบบนี้ ในขณะที่ตั้งแต่เริ่มต้นก็เกาะติดความเป็นไทยได้อย่างดีมาตลอด นอกจากนี้คนอื่นๆ ก็ออกอาการซอมบี้เพียงอย่างเดียว ไม่เป็นมดเป็นแมวบ้าง จึงเชื่อว่าผู้กำกับตั้งใจให้ออกมาเป็นซอมบี้อยู่ก่อน แล้วเขียนบทเพื่อหาเหตุผลให้มันทีหลัง

😪 “สารคดี” นี่ก็อีกเรื่องที่คนโจมตีมาก แม้จะมีฝ่ายเชียร์อีกเช่นกันว่ามันไม่เห็นแปลกที่จะทำแบบนี้ และผลดีมากกว่าผลเสีย ส่วนตัวกลับเห็นว่าผลเสียมากกว่าผลดี หากไม่ทำเป็นแนวสารคดี ไม่น่าจะทำให้หนังสนุกน้อยลง แต่พอเป็นสารคดี มันเปิดช่องโหว่มากมาย ซึ่งรบกวนสมาธิแทนที่จะเกาะอยู่กับบทแต่ก็มัวจับผิด เช่นตากล้องมีกี่คนกันแน่ ทำไมโดนฆ่าคนแล้วคนเล่าก็ยังมีกล้องอื่นๆ ให้เราได้ดูต่อ ทำไมตากล้องเห็นเพื่อนโดนทำร้ายต่อหน้ายังยื่นเฉยถ่ายต่อได้ ขนาดตัวเองจะโดนผีไล่กัด ยังรักษามุมกล้องให้คนดูติดตามต่อได้ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการตามถ่ายไปทุกที่ได้ขนาดนั้น ในชีวิตจริงไม่น่าจะได้ เช่นเข้าไปถ่ายถึงที่ทำงานของมิ้ง โดยเฉพาะถ่ายภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วเห็นเหตุการณ์ตอนกลางคืนที่ล่อแหลมเกินกว่าจะให้คนนอกนำไปเผยแพร่ต่อได้ หรือมิ้งวิ่งเข้าห้องน้ำ (หญิง) โดย (จงใจ) ไม่ปิดประตูเพื่อให้กล้องถ่ายได้ อีกอย่างคือเมื่ออธิบายว่าพอเห็นอาการของมิ้ง ทางบ้านยินยอมให้ติดกล้องเพิ่ม คือว่าอยู่ชนบทห่างไกล จู่ๆ อยากเพิ่มกล้องก็ทำได้ทันทีเลย? และท้ายสุด ใครจะไปเจอกล้องครบทุกตัวจนเอาคลิปมาตัดต่อเป็นหนังได้อย่างสมบูรณ์ขนาดนี้?

😪 ทารกในบ้าน ส่วนเกินที่บั่นทอนมากกว่าต่อเติม นอกเหนือจากเป็นสาเหตุอันพาไปสู่พฤติกรรมที่ไม่ค่อยเข้าท่าของแป้งแล้ว (ซึ่งความจริงหาเหตุอย่างอื่นแทนก็ได้) มันเหลือเชื่อที่บ้านนี้ซึ่งได้เห็นความน่ากลัวของมิ้งในยามผีเข้าจนไม่เหลืออะไรให้ต้องลังเลกันอีกแล้ว ยังคิดจะเก็บทารกไว้ในบ้าน รู้ว่าทารกกับผีมันสร้างแรงกดดันให้คนดูได้ แต่มันก็เป็นอุบายตื้นๆ ที่ไม่สมศักดิ์ศรีผู้กำกับและมือเขียนบทระดับนี้

😪 “แรงบันดาลใจ” หนังมีความคล้ายเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้าอย่างเกินคำว่าแรงบันดาลใจ เช่น The Exorcist (1973) The Blair Witch Project (1999) บางคนพูดถึง Paranormal Activity (2007) ส่วนตัวไม่เคยดูจึงบอกไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ แทบจะเจริญรอยตาม The Wailing (2016) จนถ้าบอกว่าเป็นภาคต่อก็ไม่น่าจะผิด นอกเหนือจากการใช้ความเชื่อแบบไทยเข้ามาปรับ องค์ประกอบอื่นๆ แทบจะเหมือนนา ฮง-จิน มากำกับผู้กำกับไทยอีกที ซึ่งคงไม่แปลกเพราะบทดั้งเดิมก็เป็นของแกนี่แหละ

หากจะถามว่าควรดูไหม ก็ยังเชียร์ให้ดู เพราะหนังได้สะท้อนว่าฝีมือคนไทยไปได้ไกลขนาดไหน อย่างน้อยก็ในด้านการถ่ายทำ การแสดง และการกำกับ (ในบางส่วน) โดยรวมบวกลบคูณหารแล้วยังถือว่าดีมากกว่าเสีย น่าเสียดายที่เหมือนจะปล่อยให้อิทธิพลเกาหลีแทรกเข้ามามากไปหน่อย

The Spinoff – เดอะ สปินออฟ

รีวิวหนังลำดับที่ 133 (รีโพสต์) 🎬 The Medium “ร่างทรง”

2021 ‧ Horror/Supernatural ‧ 2h 11m

🍿 5/10

• เรื่องราวความเชื่อทางไสยศาสตร์ พื้นบ้านของชาวอีสาน ว่าด้วยเรื่องของการทรงเจ้าเข้าผีที่เป็นการสืบทอดจากบรรพบุรุษมาหลายชั่วอายุคน “ป้านิ่ม” (สวนีย์ อุทุมมา) ที่เป็นร่างทรงของ ย่าบาหยัน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้สืบทอดสิ่งนี้ในรุ่นปัจจุบัน จะต้องมารับมือกับสิ่งลี้ลับสุดขลังที่เกิดขึ้นกับ “มิ้ง” (นริลญา กุลมงคลเพชร) หลานสาวที่ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติใดๆ

การเดินเรื่องในช่วงแรกนั้นหนังให้อารมณ์หลอนแบบใช้ได้เลย มีการอ้างอิงทฤษฎีต่างๆที่เป็นความเชื่อมาปรุงรสได้อย่างน่าสนใจ หนังจะขยี้ความหลอนความระทึกแบบรัวๆ หนังจะมีรูปแบบสารคดีที่เป็นสารคดีที่เกิดขึ้นในเรื่อง 95% จะเป็นภาพจากกล้องของทีมสารคดี ที่ในบางช่วงก็ได้ความเรียลลิตี้ บางครั้งก็เวียนหัว

ในด้านเนื้อหาและการนำเสนอต้องบอกว่าไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เพราะเราดันตีความไว้อีกแบบ และคาดหวังไว้สูงพอสมควร โดยหนังจะเริ่มจากความเชื่อพื้นบ้านอย่างที่กล่าวมาขั้นต้น ทำไห้เราอินกับบรรยากาศหนังได้ง่ายมาก กลางเรื่องยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นที่น่าติดตามจนกราฟอารมณ์ขึ้นไปช่วงนึงต้องตกลงมาแบบรัวๆ เพราะช่วงท้ายของหนังมีความรู้สึกออกอ่าวออกทะเลไปไกลมาก จากพิธีกรรมที่หลอนๆเปลี่ยนโทนไปเป็นผีเข้าที่เล่นใหญ่จนโอเวอร์เกินจริง การกระทำของตัวละครที่ชวนหงุดหงิดมาก อยากวีนก็วีนไม่สอดคล้องกับสถานการณ์เลย, รูปแบบผีเข้าหรือการเหิดขึ้นของสิ่งลี้ลับที่ไม่เมคเซนต์ ,บรรยากาศในช่วงพีคก็ไม่ต่อเนื่อง ตัดไปตัดมาจนทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด ,การกระทำของทีมสารคดีที่ไม่สมจริงในช่วงโดนโจมตี คือคนอะไรจะสามารถถือกล้องไว้ตลอดเวลา ทั้งที่อยู่ในสถานะที่ล้มลุกคลุกคลาน ทุกอย่างดูกระด้างกระเดื่องแปลกๆ ดูแล้วอุทานคำว่า “ห๊ะ!” บ่อยมาก

• สิ่งดีงามสุดๆคงเป็นการนำเสนองานภาพที่สวย และชวนหลอนจริง โลเคชั่นต่างๆดึงเราให้อินกับบรรยากาศได้ดีมาก แต่ด้านเนื้อหาฉีกออกไปไกลเรื่อยๆ หลายอย่างดูพยายามทำให้น่ากลัวจนไม่สมจริง แต่ในฐานะหนังไทยทำออกมาในรูปแบบนี้ถือว่าเจ๋งและแปลกใหม่มาก การขยี้ความหลอนได้ดีใช้ได้ แต่ช่วงท้ายคือออกทะเลไปไกลเกินประเด็นไปหน่อย สรุปคือถ้าไม่คาดหวังกับอะไรจะไม่ผิดหวังกับสิ่งนั้นครับ รับชมได้แล้วตอนนี้ ที่ Netflix 🍿

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Immaculate (2024) บริสุทธิ์ผุดปีศาจ

Exhuma (2024) ขุดมันขึ้นมาจากหลุม

Geji The Spirit Hunter (2024) เกจิ คนฆ่าผี

Beneath Still Waters (2005) ปลุกอำมหิต ผีใต้น้ำ

Indigo (2023) เธอเห็นอะไร

แสดงความคิดเห็น

แชร์

หนังอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Infested (2023)
หนังฝรั่ง ซับไทย
หนัง

6.5

ดูหนังออนไลน์ 2023

เว็บดูหนังมาแรงในตอนนี้ สามารถดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง ที่มีคุณภาพที่สุดในตอนนี้ ไม่มีโฆษณามารบกวนใจ อีกทั้งมีหนังมากมายมาให้เลือกชม มากมายกว่า 10,000 เรื่อง ที่นี่มีหนังใหม่2023 จากค่ายดังทุกค่ายมาให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างรวดเร็ว ไม่ว่า Netflix, Disney+, Viu , DC , Marvel ทำให้ท่านได้รับความสนุกเพลิดเพลินเหมือนได้รับชมอย่างสมจริงทั้งภาพที่คมชัดระดับ Full HD และเสียงภาพยนตร์ที่คมชัดมากที่สุด

ดูหนัง Netflix หนังใหม่

อ่านต่อที่นี่