เดอะฮอบบิท 2 เต็มเรื่อง พากย์ไทย
เรื่องย่อ
เดอะฮอบบิท 2 เต็มเรื่อง พากย์ไทย การผจญภัยของตัวละครนำ บิลโบ แบ็กกิ้นส์ (มาร์ติน ฟรีแมน) ที่ต่อเนื่องมาจากครั้งที่เขาเดินทางร่วมกับ พ่อมดแกนดาล์ฟ (เอียน แม็คเคลเลน) และคนแคระที่ 13 คน ที่นำโดย ธอริน (ริชาร์ด อาร์มิเทจ) เพื่อภารกิจครั้งยิ่งใหญ่ของการทวงคืนหุบเขาเดียวดายและอาณาจักรเอเรบอร์ของคนแคระที่สูญหายไป
หลังจากรอดพ้นมาได้ เมื่อตอนเริ่มต้นอย่างสุดคาดคิด เหล่าคณะยังคงมุ่งหน้าไปทางตะวันออก ระหว่างทางได้พบกับโบออนผู้เปลี่ยนผิวได้และฝูงแมงมุมยักษ์ในป่าเมิร์กวูดที่อันตราย หลังหลบหนีจากการถูกเอลฟ์ป่าที่อันตรายจับตัวไป พวกคนแคระเดินทางไปยัง Lake Town จนพบกับหุบเขาเดียวดายที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความอันตรายที่โหดร้ายมากที่สุดอย่าง มังกรสมอว์ก (เบเนดิคต์ คัมเบอร์แบ็ตช์) ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกว่าสิ่งอื่นใด มันไม่ได้มาทดสอบความกล้าหาญที่อยู่ในตัวพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมิตรภาพของพวกเขาและไหวพริบแห่งการผจญภัยอีกด้วย
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง The Hobbit 2 The Desolation of Smaug (2013) เดอะ ฮอบบิท 2 ดินแดนเปลี่ยวร้างของสม็อค หนังประเภท Adventure ผจญภัย เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนัง ออนไลน์ ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
ปีเตอร์ แจ็กสัน
บริษัท ค่ายหนัง
- วอร์เนอร์บราเธอร์สพิกเชอส์
- นิวไลน์ซินีมา
- เมโทร-โกลด์วิน-เมเยอร์
- วิงนัตฟิล์มส์
นักแสดง ดอะฮอบบิท 2
- เอียน แมคเคลเลน
มาร์ติน ฟรีแมน
ริชาร์ด อาร์มิเทจ
เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์
อีแวนเจไลน์ ลิลลี
ลี เพซ
ลุค อีแวนส์
เคน สตอตต์
เจมส์ เนสบิตต์
ออร์แลนโด บลูม
โปสเตอร์หนัง the hobbit 2 พากย์ไทย
รีวิวหนัง
เมีย แรมซีย์ ปืนใหญ่
The Hobbit 2 ดูแล้วสนุกมากๆ สนุกเที่ยบเท่ากับ The Lord of The Rings เลย
ภาพยนตร์ภาพยนตร์ต่างประเทศThe Hobbit
The Hobbit : An Unexpected Journey ดูแล้วก็เรื่อยๆนะ ไม่ค่อยสนุกมากสักเท่าไหร่ แต่สำหรับ The Hobbit : The Desolation of Smaug สนุกมากๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ความสนุกเที่ยบเท่ากับ The Lord of The Rings เลย โดยเฉพาะผู้ชายในเรื่องแต่ละคนเลิศๆทั้งนั้นเลยคะ ดูไปฟินไป โดยเฉพาะ เลโกลัส ในภาคนี้ดูแบบเต็มอิ่มมากๆเลยคะ จัดเต็มเด่นยิ่งกว่าใครจะเลิศเลอเพอร์เฟคไปไหนคะ สงสัยว่าเป็นตัวละครที่ผู้กำกับชอบหรือเปล่า รู้สึกจะเกินหน้าเกินตาคนอื่นๆไปหน่อยนะ เม่าหอยทาก
มีผู้หญิงเด่นอยู่คนเดียวแต่นางก็เลิศมากๆ ดูแล้วทำให้นึกถึง ลิฟ ไทเลอร์ ใน The Lord หนาตาก็คล้ายๆกัน ความรักในเรื่องก็คล้ายๆใน The Lord อีกด้วย
อยากดูภาค 3 ไวๆจัง ไม่รู้จะสนุกเท่าภาค 2 หรือเปล่า ขอให้สนุกแบบ The Hobbit : The Desolation of Smaug นะ
Apple101
[CR] The Hobbit: The Desolation of Smaug (2013) …นี่! ต้องแบบนี้มันถึงจะค่อยสมกับเป็นหนัง The Hobbit หน่อย!
นี่! ต้องแบบนี้มันถึงจะค่อยสมกับเป็นหนัง The Hobbit หน่อย!
ไม่มีแล้ว ความยืดยาดจากการแวะจุดเซฟ + เก็บไซด์เควสต์เป็นระยะๆแบบภาคแรก ภาคนี้ปาร์ตี้คนแคระ(และฮอบบิท)แมร่งจัดหนักมุ่งทำเควสต์ล่าบอสใหญ่อย่างเดียวเลย(ถึงตัวพรีสต์ เอ๊ย ตัวพ่อมดประจำปาร์ตี้จะแอบหนีไปทำไซด์เควสต์คนเดียวอีกแล้วก็เถอะ)
การดำเนินเรื่องของหนังภาคนี้หลายๆช่วงนี่ให้อารมณ์แบบเกมแฟนตาซีตลุยด่านไม่ก็การนั่งรถไฟเหาะในสวนสนุกมากๆ ฉากฝูงแมงมุมยักษ์ในป่า Mirkwood เอย ฉากถังเหล้าเอย ฉากเผอิญหน้ามังกร Smaug ใน Erebor เอย โอ๊ย…ฟินมาก บันเทิงสุดๆ spectacle แบบนี้แหละที่คนดูต้องการจากการดูหนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์แบบนี้ ขอกราบผกก. Peter Jackson งามๆ
แต่ถ้าถามว่าหนังภาคนี้มันยังมีช่วงยืดยาดอยู่บ้างมั้ย ก็ต้องยอมรับแหละว่ามันก็ยังมีบ้าง เพราะยังไงๆไตรภาค The Hobbit มันก็คือการเอาหนังสือนิยายแฟนตาซีเล่มหนาใช้ได้เล่มเดียวมาดัดแปลงเป็นหนังสามภาค ไม่เหมือน The Lord of the Rings ที่เป็นการเอาหนังสือนิยายแฟนตาซีหนาๆสามเล่มมาดัดแปลงเป็นหนังสามภาค ฉะนั้นบางฉากจึงเห็นได้ชัดว่าผู้กำกับ + คนเขียนบทจงใจยืดความยาวของหนังออกไปแบบเห็นๆ(การใส่ซับพล็อตรักข้ามสายพันธ์ระหว่างแม่เอลฟ์สาว Tauriel กับคนแคระที่หน้าตาดีที่สุดในคณะอย่าง Kili นั่นก็พอๆกัน ถึงตัวเองจะไม่ได้อะไรกับจุดนี้มากนัก)
อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบมากๆเกี่ยวกับหนังภาคนี้คือธีมของมัน มันหม่นๆดาร์คๆไม่เหมือนกับภาคแรก คือในขณะที่ An Unexpected Journey จะเป็นหนังภาคที่ให้อารมณ์สนุกสนานเฮฮาแบบนิทานเด็ก(ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คงทำให้ An Unexpected Journey เป็นหนังภาคที่ซื่อตรงต่อนิยายต้นฉบับของ J. R. R. Tolkien มากกว่า The Desolation of Smaug) มีการผจญภัย มีมิตรภาพ มีธีมที่ว่าด้วยพระเอกของเรื่องที่ต้องพิสูจน์ความกล้าของตัวเองกับพวกพ้อง ธีมของ The Desolation of Smaug กลับเน้นหนักไปที่การตีแผ่“ความโลภ”ที่ลึกๆแล้วก็คือแรงขับดันของตัวละครหลายๆตัวในหนัง ซึ่งก็เป็นธีมที่ขับเน้นให้เห็นว่าแท้จริงแล้วเควสต์พิชิตมังกร/ทวงคืนบัลลังก์ของเหล่าคนแคระนั้นไม่ได้มีแต่ด้านที่สวยงาม heroic เสมอไป เหมือนอย่างคำพูดของ Gandalf ที่ว่า “We’ve been blind by our blindness.”
โมเมนต์เล็กๆของหนังภาคนี้ที่ตัวเองชอบมากจึงเป็นโมเมนต์อย่างตอนที่ Bilbo ฆ่าลูกแมงมุม(ยักษ์)ในป่า Mirkwood เพื่อเอาแหวนเอกธำมรงค์ของตัวเองคืนมาหรือประโยคสุดท้ายของ Bilbo ในตอนจบของหนัง เพราะมันเป็นโมเมนต์เล็กๆที่สะท้อนธีมหลักของหนังภาคนี้ได้ดีมาก
8.5/10
ป.ล. ภาคนี้ Legolas กับเสด็จเตี่ย Thranduil แมร่ง racist สัสๆ
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
The Hobbit: An Unexpected Journey (2012) เดอะ ฮอบบิท: การผจญภัยสุดคาดคิด
The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001) เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์: อภินิหารแหวนครองพิภพ
The Lord of the Rings The Rings of Power (2022) แหวนแห่งอำนาจ
7.8