ดูหนัง WILDEST DAY (1998) วัยระเริง อาจารย์วัยกลางคนที่ยึดถืออุดมคติและอุทิศตนเพื่อให้ความรู้แก่นักเรียนของเธอ
ดูหนัง WILDEST DAY (1998) วัยระเริง เธอจำเป็นต้องตีนักเรียนที่แย่และหยาบคายที่สุด ในที่สุดเธอก็ประสบความสำเร็จในการรวมรายละเอียดของแต่ละวิชากับเนื้อเพลงและเป็นเพลงที่นักเรียนชอบอาจารย์วัยกลางคนที่ยึดถืออุดมคติและอุทิศตนเพื่อให้ความรู้แก่นักเรียนของเธอ เธอจำเป็นต้องตีนักเรียนที่แย่และหยาบคายที่สุด ในที่สุดเธอก็ประสบความสำเร็จในการรวมรายละเอียดของแต่ละวิชากับเนื้อเพลงและเป็นเพลงที่นักเรียนชอบครูโรงเรียนอุดมคติในวัยกลางคนที่ทุ่มเทอย่างมากในการให้ความรู้แก่นักเรียนของเธอ
เธอต้องรับนักเรียนที่แย่ที่สุดและเกรียนที่สุด ในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จโดยนำรายละเอียดของวิชาในโรงเรียนมารวมเป็นเนื้อเพลงที่พวกเขาชื่นชอบ”Movie From That Day” หนังเรื่องนี้ฉายเมื่อวันนั้น เป็นการพาทุกคนย้อนกลับไปให้ชวนคิดถึงผลงานหนังเรื่องดังที่เคยออกฉายที่โรงภาพยนตร์เมืองไทย เป็นคราวของหนังไทยแอคชั่นวัยรุ่นในตำนานอีกเรื่อง ที่เคยเป็นผลงานแจ้งเกิดและสร้างชื่อเสียงให้กับอดีตทีนไอดอลของเมืองไทยกับ อีกหนึ่งชิ้นงานระดับมาเตอร์พีชจากค่ายไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น ที่ยังคงประทับใจมาถึงทุกวันนี้ มาพร้อมกับสโกลแกนคำขายที่ว่า
‘จำให้ขึ้นใจ “ระเริง” เมื่อไหร่ “ระวัง” ให้ดี’ เป็นเรื่องราวของอาจารย์วัยกลางคนที่ยึดถืออุดมคติและอุทิศตนเพื่อให้ความรู้แก่นักเรียนของเธอ เธอเข้ามาเป็นครูประจำชั้นเรียนของเด็กวัยรุ่นที่แย่และหยาบคายที่สุด เธอพยายามปรับการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนสนใจในการเรียน ท่ามกลางปัญหาของวัยรุ่นที่เธอต้องพบเจอทั้งความรุนแรงและยาเสพติดหนังเป็นผลงานการกำกับของ “มด-นพพร วาทิน” ที่ตอนนั้นถือว่าเป็นผู้กำกับหนังแอคชั่นวัยรุ่นเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากผลงานชิ้นก่อนหน้านี้อย่าง
‘เด็กเสเพล’ มาถึงเรื่องนี้ ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น ก็ได้ให้ไฟเขียวสานต่อความปังของหนังแนวนี้ จึงกลั่นออกมาเป็นหนังดีๆ ที่ได้ทั้งเงินรายได้และกล่องรางวัลมาเป็นเก็บเอาไว้เพียบ หนังไทย ถือว่าเป็นผลงานที่แจ้งเกิดให้กับนักแสดงรุ่นใหม่(ในเวลานั้น)อยู่หลายๆ คน นำทีมมาด้วย “หลุยส์ สก็อต” ที่ตอนนั้นยังเป็นนักร้องหนุ่มผมยาวเจ้าเสน่ห์อยู่ พร้อมทั้ง “เต๊ะ-ศตวรรษ เศรษฐกร”, “คาเรน คล่องตรวจโรค”, “ซิดดิ๊ก เสกสรรค์”, “โอม-อานุภาพ จริโมภาส”, “อาท-วรศักดิ์ ลาภสมบูรณ์” และ “ป้าจิ๊ อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ” และไม่เพียงเท่านั้น
เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ยังฮิตติดชาร์ตในยุคนั้นอีกด้วยศรีนวลเป็นครูประจำห้อง 650 แต่หลานชายของเธอ เป็นนักดนตรีที่ไม่ชอบไปโรงเรียน เธอจึงให้หลานชายฝึกทักษะดนตรีที่บ้าน แม้เธอได้ปรับปรุงบางวิชาให้เป็นเพลงก็ตาม วิธีนี้ช่วยนักเรียนของเธอพัฒนาความจำ และพวกนักเรียนก็ทำข้อสอบได้ดีมาก เพลงได้รับความนิยมและเจ้าของค่ายเพลงก็ได้เสนอที่จะผลิตผลงานเพลงออกมา แต่ศรีนวลเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์ และในวันไหว้ครู วงดุรยางค์ร่วมกับนักเรียนจากห้อง 650 ได้เล่นเพลงเหล่านั้น ซึ่งมันทำให้ศรีนวลและคนอื่นๆเในโรงเรียนภาคภูมิใจเป็นยิ่งนัก
แต่ก็มีวัยระเริงรุ่นใหม่ที่แรงและให้ความตื่นเต้นมากกว่าเดิมซึ่งกำกับภาพยนตร์โดย นพพร วาทิน
ที่ทำเป็นภาค2ที่มีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อจะได้เข้ากับปัญหาวัยรุ่นสมัยนั้นซึ่งมีอยู่มาก เช่น ติดยาเสพติด กินเหล้า ทะเลาะวิวาท ทำตัวไม่เหมาะสมต่างๆ และมีปัญหาทางด้านสังคมและครอบครัวที่เข้ากันไม่ได้ หนังเรื่องนี้จะทำให้ผู้ชมที่เป็นวัยรุ่นได้ดูแล้วสำนึก แล้วเป็นตัวอย่างครูที่ดีที่ทำให้นักเรียนเป็นคนดีและกลับใจใหม่ ดูหนัง WILDEST DAY (1998) วัยระเริง เป็นหนังดีรับวันครู นักแสดงนำโดย อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ หลุยส์ สก๊อต คาเรน คล่องตรวจโรค ที่นำแสดงหนังเรื่องนี้ที่ทำใหม่อีกครั้งและเข้าฉายในปีพ.ศ. 2541
Srinuan is the teacher in room 650, but her nephew is a musician who doesn’t like going to school So she let her nephew practice his music skills at home. Even though she has improved some subjects into music. This helped her students improve their memory. And the students did very well on the exam. The song became popular and the record label owner offered to produce the song. But Srinuan demanded royalties.
and on Teacher’s Day The orchestra along with students from room 650 played those songs. This made Srinual and the others at the school extremely proud. But there is a new generation of revelers who are stronger and more exciting than before, directed by Nopporn Watin, which is made into a more violent 2nd part. In order to get along with the problems of teenagers at that time, which were many, such as drug addiction, drinking alcohol, quarreling, behaving inappropriately and have social and family problems that are incompatible This movie
will make young audiences watch and realize. It is an example of a good teacher who makes his students good and converted. It’s a good movie for Teacher’s Day, lead actor Ajcharaphan Paiboonsuwan, Louis Scott Karen, Klongdudrok, who stars in this movie that has been reworked and released in 2011. 1998
ศรีนวลเป็นครูประจำห้อง 650 แต่หลานชายของเธอ เป็นนักดนตรีที่ไม่ชอบไปโรงเรียน เธอจึงให้หลานชายฝึกทักษะดนตรีที่บ้าน แม้เธอได้ปรับปรุงบางวิชาให้เป็นเพลงก็ตาม วิธีนี้ช่วยนักเรียนของเธอพัฒนาความจำ และพวกนักเรียนก็ทำข้อสอบได้ดีมาก เพลงได้รับความนิยมและเจ้าของค่ายเพลงก็ได้เสนอที่จะผลิตผลงานเพลงออกมา แต่ศรีนวลเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์ และในวันไหว้ครู วงดุรยางค์ร่วมกับนักเรียนจากห้อง 650 ได้เล่นเพลงเหล่านั้น ซึ่งมันทำให้ศรีนวลและคนอื่นๆเในโรงเรียนภาคภูมิใจเป็นยิ่งนัก แต่ก็มีรุ่นใหม่ที่แรงและให้ความตื่นเต้นมากกว่าเดิมซึ่งกำกับภาพยนตร์โดย นพพร วาทิน ที่ทำเป็นภาค2ที่มีความรุนแรงมากขึ้น
เพื่อจะได้เข้ากับปัญหาวัยรุ่นสมัยนั้นซึ่งมีอยู่มาก เช่น ติดยาเสพติด กินเหล้า ทะเลาะวิวาท ทำตัวไม่เหมาะสมต่างๆ และมีปัญหาทางด้านสังคมและครอบครัวที่เข้ากันไม่ได้ หนังเรื่องนี้จะทำให้ผู้ชมที่เป็นวัยรุ่นได้ดูแล้วสำนึก แล้วเป็นตัวอย่างครูที่ดีที่ทำให้นักเรียนเป็นคนดีและกลับใจใหม่ เป็นหนังดีรับวันครู นักแสดงนำโดย อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ หลุยส์ สก๊อต คาเรน คล่องตรวจโรค ที่นำแสดงหนังเรื่องนี้ที่ทำใหม่อีกครั้งและเข้าฉายในปีพ.ศ. 2541อาจารย์วัยกลางคนที่ยึดถืออุดมคติและอุทิศตนเพื่อให้ความรู้แก่นักเรียนของเธอ เธอเข้ามาเป็นครูประจำชั้นเรียนของเด็กวัยรุ่นที่แย่และหยาบคายที่สุด เธอพยายามปรับการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนสนใจในการเรียน
ท่ามกลางปัญหาของวัยรุ่นที่เธอต้องพบเจอทั้งความรุนแรง และยาเสพติด“ มันได้ความคิดมาจากตอนที่ผมทำหนังเรื่อง ดวง ผมไปอยู่ที่ญี่ปุ่นตอนทำโพสต์ ในเวลาว่างบางที ตื่นมาตอนเช้าก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็คิดว่าระบบการศึกษาบ้านเรามันถูกรึเปล่านะ ทำไมเราจะต้องไปดักดานจนกระทั่งเรียนจบ ม. 6 และเราก็ตกเลข ตกภาษาอังกฤษ ตกแทบจะต้องสอบได้ 50 เปอร์เซ็นต์อย่างนี้ ถ้าเราสอบตกล่ะ อนาคตเราเป็นอย่างไร และเรามาจากตรงนั้นถึงตรงนี้เราใช้อะไรบ้าง เราใช้พีชคณิตหรือเปล่า ไม่เคยใช้อะไรเลย บวกลบคูณหารเราก็ไม่ต้องใช้อะไรมากมาย ทำไมเราต้องไปเสียเวลาอะไรตั้งหลายปี ทำไมพออ่านออกเขียนได้แล้วไม่แยกประเภทของคนที่ว่ารักอยากจะไปทำอะไร แล้วก็ไปเรียนตามพื้นฐานธรรมดาครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งให้เรียนวิชาชีพผสมกันไป ในใจคิดอย่างนั้น จนกระทั่งมาทำ
บทสัมภาษณ์นี้เป็นถ้อยคำของ เปี๊ยก โปสเตอร์ ดูหนัง WILDEST DAY (1998) วัยระเริง เมื่อครั้งกล่าวถึงที่มาของการสร้างภาพยนตร์เรื่อง ไว้ในงาน Masterclass หรือ ชั้นครู ที่หอภาพยนตร์จัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2555 น่าแปลกใจที่คำถามเหล่านี้แทบจะเป็นสิ่งเดียวกันกับที่นักเรียนชาย 2 คนผู้มีฝันอยากจะเป็นแร็ปเปอร์ตั้งคำถามเอาไว้ ในภาพยนตร์สารคดีไทย
ปี 2563 เรื่อง School Town King ที่ว่าด้วยนักเรียนผู้ล้มเหลวในระบบการศึกษา แม้ภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องจะต่างกันถึง 35 ปี แต่ราวกับสิ่งที่ถูกตั้งคำถามไม่เคยเคลื่อนที่ไปไหน และคำตอบนั้นไม่อาจเกิดขึ้นจริง ออกฉายเมื่อต้นปี พ.ศ. 2527 ในขณะที่ ดวง ซึ่งเป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของเปี๊ยก ออกฉายเมื่อปลายปี 2514 นั่นหมายความว่า เปี๊ยก ใช้เวลาถึง 12 ปีกว่าจะได้นำคำถามที่มีต่อระบบการศึกษาไทยที่ครุ่นคิดและเก็บงำไว้นี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์
โดยมีผลงานเรื่องอื่น ๆ คั่นระหว่างทางอีก 15 เรื่องย้อนกลับไปในปี 2513 อันเป็นปีที่ เปี๊ยก โปสเตอร์
หรือ สมบูรณ์สุข นิยมศิริ ได้ผันตัวจากการเป็นช่างเขียนใบปิดหนังมือวางอันดับหนึ่งของวงการมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น “นิวเวฟ” หรือ “คลื่นลูกใหม่” รุ่นแรก จากการพยายามสร้างสรรค์เนื้อหาหรือแนวทางใหม่ ๆ ให้แก่วงการหนังไทย ที่ในขณะนั้นล้วนแต่วนเวียนซ้ำซากอยู่ในขนบเดิม ๆ มายาวนาน
แม้ขณะที่สร้าง เปี๊ยกจะมีอายุแตะหลัก 50 ปีแล้ว แต่ความคิดนอกกรอบของเขากลับไม่ได้เสื่อมถอยไปตามกาลเวลา ไม่เพียงแต่จะกำหนดให้ตัวละครหลักอยู่ในช่วงวัยที่อายุน้อยที่สุดนับตั้งแต่ที่เขาทำหนัง นั่นคือวัยมัธยม แนวคิดในการทำ ของเขายังก้าวทะลุไปไกลยิ่งกว่าแค่กรอบของหนังวัยรุ่น ด้วยการนำเสนอมุมมองและแนวคิดใหม่ ๆ ให้แก่ระบบการศึกษาไทย เปิดฉากด้วยการประชุมครูของโรงเรียนสตรีแห่งหนึ่ง เริ่มตั้งแต่เรื่องเครื่องแต่งกาย และการอภิปรายว่า
ควรยกเลิกระบบการแบ่งห้องตามผลการเรียนของนักเรียนหรือไม่ (ซึ่งยังเป็นสิ่งที่ยังได้รับการพูดถึงมาจนทุกวันนี้) ก่อนจะเข้าไปสู่หัวข้อสำคัญ 2 เรื่อง คือ การหาวิธีจัดการกับกลุ่มนักเรียนหญิงมัธยมปลายห้อง 650 ที่สร้างแต่ปัญหา และการตัดสินใจว่า ครูศรีนวล ครูเก่าแก่ชราภาพที่ทำงานมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกก่อตั้งโรงเรียน ยังมีประสิทธิภาพพอที่จะทำหน้าที่ครูอยู่หรือไม่ บทสนทนาในที่ประชุมนั้นเต็มไปด้วยความเห็นด้านลบต่อคนทั้งสองวัย ก่อนที่หนังจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมดไปกับการโต้แย้งอคติในใจของบรรดาคุณครูในห้องประชุม
เมื่อที่ประชุมได้หาทางออกร่วมกันให้แก่ทั้ง 2 ปัญหา ด้วยการให้ครูศรีนวลมาเป็นผู้ดูแลเด็กเกเรห้อง 650 หนังจึงค่อย ๆ สาธยายให้เห็นความเป็น “นักเรียนเลว” ในสายตาครูของเด็ก ๆ กลุ่มนี้ ดูหนัง WILDEST DAY (1998) วัยระเริง เริ่มต้นด้วยครูวิชาภาษาไทยที่ตั้งมั่นมาตั้งแต่หน้าประตูว่าจะ “ปราบ” เด็กพวกนี้ให้อยู่หมัด แต่กลับถูกกลั่นแกล้งสารพัด จนไม่อาจอยู่สอนได้จนจบคาบ สิ่งที่น่าสนใจคือคำพูดของครูที่มีต่อเด็ก ๆ ทั้งการต่อว่า “หมี” นางเอกของเรื่องผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มที่มีใจรักดนตรีสากลว่า “สะเออะฟังเพลงภาษาอังกฤษ
แต่ภาษาอังกฤษยังไม่กระดิกหู” และดุด่านักเรียนหญิงคนหนึ่งซึ่งหลับระหว่างที่เธอสอนว่า “เอาแต่เล่นกีฬาเป็นบ้าเป็นหลัง แล้วก็มาหลับในห้องเรียน” “นึกเหรอว่าวิชาพละวิชาเดียวจะทำให้เธอจบปลายปีนี้ได้” และที่สำคัญก็คือ “ขี้เกียจเรียนกันอย่างนี้ล่ะสิ ต่อไปคงไปเป็นขยะสังคมกันเป็นแถว ๆ”คำพูดเหล่านี้สะท้อนให้เห็นวิธีคิดของเปี๊ยกที่ซ่อนนัยยะการวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมระบบการศึกษาถึงไม่แยกประเภทตามความรักและความสนใจที่แตกต่างกันของเด็ก แต่กลับจับให้พวกเขามาเรียนรวมกันในวิชาที่ต่างคนต่างไม่ถนัด
จนถูกมองว่าไร้ค่าในสายตาของครูที่เคร่งครัดกับผลการเรียน แนวคิดนี้ถูกตอกย้ำให้ชัดเจนขึ้น ในฉากการทัศนศึกษาท้ายเรื่อง เมื่อเด็กหญิงนักกีฬาได้ไปช่วยชีวิตเพื่อนนักเรียนที่ตกน้ำ จนครูภาษาไทยซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเด็ก ๆ ต้องมาขอบใจเธอเป็นการใหญ่ เด็กผู้เคยถูกครูคนเดียวกันนี้มองว่าเป็นขยะสังคม จึงได้ถามคุณครูกลับด้วยความซื่อว่า “อาจารย์คิดว่าหนูมีประโยชน์กับสังคมไหมคะ”ในด้านของครูศรีนวล ครูที่ครูคนอื่น ๆ มองว่าแก่เกินกว่าที่จะตามวิธีการสอนแบบใหม่ ๆ ได้ทัน
หนังเริ่มต้นด้วยการจับเธอเข้าคู่กับดนตรีไทย ให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่เธอรัก ราวกับจะตอกย้ำให้คนดูเชื่อว่าคุณครูเป็นคนหัวโบราณตามอย่างเขาว่าจริง ๆ และยิ่งดูขัดแย้งกับบรรดานักเรียนหญิงจอมแสบห้องที่เธอประจำชั้น ที่ล้วนสนใจดนตรีร็อก ในอีกทางหนึ่ง ครูศรีนวล ก็มีสถานะเป็นแม่ของนายทุนเจ้าของธุรกิจค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ที่กำลังมีปัญหากับ “เอ” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ซึ่งเอาแต่โดดเรียนไปซ้อมดนตรีร็อกกับเพื่อน ๆ และโยนภาระให้ครูผู้เป็นย่าต้องออกไปตามหาหลานชายที่หนีออกจากบ้านไปหลายวัน
จุดศูนย์กลางของ จึงอยู่ที่บทบาทของครูศรีนวล ผู้ต้องแก้ปัญหาทั้ง 2 ทาง ซึ่งเธอก็สามารถเอาชนะคำสบประมาททั้งหมด ด้วยการหาทางออกที่ลงตัวให้แก่วัยรุ่นที่ต่างถูกผู้ใหญ่มองว่าไม่มีอนาคตทั้งสองกลุ่ม เริ่มต้นจากการให้หลานชายและเพื่อนร่วมวงออกจากห้องเช่าคับแคบ มาอยู่ร่วมในรั้วบ้านเดียวกันกับเธอ หนังประเภท Biography ชีวิตจริง และสนับสนุนให้พวกเขาได้ซ้อมดนตรี
ที่ใจรักอย่างเต็มที่ ก่อนที่คุณครูจะผุดไอเดียจากการฟังหลานชายซ้อมดนตรี ด้วยการแต่งเนื้อร้องจากเนื้อหาวิชาสังคมศึกษาที่เธอสอน มาให้พวกเขาใส่ทำนองเป็นดนตรีร็อกตามที่บรรดาลูกศิษย์หญิงชื่นชอบ เริ่มต้นด้วยเพลงยุโรป ที่ว่าด้วยความรู้รอบตัวเกี่ยวกับทวีปยุโรป เพื่อดึงดูดให้พวกเธอหันมาสนใจตำราเรียนแและสามารถทำข้อสอบได้ดีจนสร้างความประหลาดใจให้แก่ครูคนอื่น ๆ
ความแตกต่างของครูศรีนวลกับครูคนอื่น ๆ ในเรื่องก็คือ ในขณะที่คุณครูทั่วไปต่างพยายามจัดระเบียบให้เด็กทุกคนเข้ามาอยู่ในกรอบที่มีไว้เพื่อควบคุมความประพฤติและวัดคุณค่าพวกเขาด้วยตัวเลขที่มีจากผลการเรียน ครูศรีนวลกลับเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทุกคนมีความแตกต่างกัน ในฉากเล็ก ๆ อันน่าประทับใจฉากหนึ่ง
ที่ครูศรีนวลเปิดบ้านให้ลูกศิษย์ทุกคนเข้ามาสนุกสนานกันอย่างสุดเหวี่ยงกับวงดนตรีของหลานชาย เมื่องานปาร์ตี้จบลง เด็ก ๆ ได้ล้อมวงเล่าความฝันให้คุณครูฟังว่าเมื่อเรียนจบ ม.6 แล้วพวกเธอจะไปทำอะไร ครูศรีนวลได้กล่าวให้ลูกศิษย์เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นอะไรก็มีความสำคัญตั้งแต่คนกวาดถนนไปจนถึงรัฐมนตรี และเปรียบเทียบความแตกต่างของคนกับนิ้วมือทั้ง 5 ที่มีขนาดไม่เท่ากัน แต่ก็มีความเหมาะสมและคุณค่าในตัวของมัน
บทบาทครูศรีนวลนี้ได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและเจนโลก โดย สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต ดาราอาวุโสที่คร่ำหวอดในวงการมายาวนาน ส่วนบทตัวละครวัยรุ่น เปี๊ยก โปสเตอร์ ได้เลือกใช้นักแสดงหน้าใหม่ทั้งหมด ฝ่ายวัยรุ่นหญิงคือ วรรษมน วัฒโรดม และผองเพื่อนที่เขาใช้วิธีการรับสมัครจากทั่วประเทศกว่า 200 คน โดยให้เด็ก ๆ ทั้งหมดมาพูดคุยกัน และถ่ายวิดีโอบันทึกไว้ว่าแต่ละคนมีมนุษยสัมพันธ์กันอย่างไร ก่อนจะค่อย ๆ ดูหนัง WILDEST DAY (1998) วัยระเริง ตัดออกอย่างพิถีพิถันจนเหลือเพียง 12 คน
ในขณะที่กลุ่มวัยรุ่นชายได้ อำพล ลำพูน ซึ่งต้องมาฝึกหัดตีกลองที่บ้านเปี๊ยก นาน 2 เดือน มาแสดงร่วมกับผองเพื่อนวง “ไมโคร” ซึ่งขณะนั้นยังรวมตัวกันเล่นอยู่ตามร้าน นอกจากนี้ เขายังให้บรรดานักแสดงวัยรุ่นทั้งหมดได้พากย์เสียงจริงในบทบาทของตัวเอง เพื่อความเป็นธรรมชาติของตัวละคร แตกต่างจากหนังไทยส่วนมากที่ใช้เสียงนักพากย์ (การถ่ายทำหนังไทยในยุคนั้นส่วนใหญ่ไม่บันทึกเสียงขณะถ่ายทำ แต่ใช้วิธีการพากย์ทับในภายหลัง)จุดเด่นสำคัญอีกอย่างหนึ่งของคือเพลงประกอบภาพยนตร์
เปี๊ยกได้ชื่อว่าเป็นคนทำหนังที่ฟังเพลงหลากหลาย และมักจะกำหนดแนวเพลงให้สอดคล้องไปกับภาพยนตร์ที่เขากำกับอยู่เสมอ ซึ่งในเขาได้เลือกแนวฮาร์ดร็อก ที่ยิ่งขับให้หนังมีความเป็นขบถแตกต่างไปจากหนังวัยรุ่นเรื่องอื่น ๆ และนำเสนอให้เห็นว่า เพลงสามารถเป็นสื่อการสอนที่มีประสิทธิภาพได้ หากเป็นแนวเพลงที่เข้ากับความสนใจของวัยรุ่น โดยได้เต๋อ เรวัตร พุทธินันท์ ที่กำลังร่วมปลุกปั้นค่ายเพลงแกรมมี่ มาเป็นผู้ดูแลด้านเพลงประกอบ ก่อนที่ในเวลาต่อมาไม่นาน
วงไมโครในเรื่องจะได้ออกอัลบั้มในฐานะวงดนตรีร็อกวงแรก ๆ ของแกรมมี่ และกลายมาเป็นตำนานตราบจนปัจจุบัน
จึงถือเป็นผลงานที่สะท้อนให้เห็นความคิดอันก้าวหน้าของเปี๊ยก ทั้งในแง่การสร้างภาพยนตร์ รสนิยมทางดนตรี รวมไปถึงทัศนคติในการมองสังคม การวิพากษ์ระบอบการศึกษาไทยด้วยการเชื้อเชิญให้ผู้ใหญ่หันมามองวัยรุ่นด้วยสายตาที่เข้าอกเข้าใจ และกล้าที่จะให้พวกเขาได้แสดงออกตามกระแสสังคมที่เปลี่ยนไป ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เคยล้าสมัย โดยเฉพาะในยุคที่นักเรียนกำลังลุกฮือขึ้นมาจากการตั้งคำถามเดียวกับที่เปี๊ยกเคยครุ่นคิดเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ เรื่อง WILDEST DAY (1998) วัยระเริง เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย ดูหนัง ออนไลน์ เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
6.3