KUBHD ดูหนังออนไลน์ The Lion King (2019) เดอะ ไลอ้อน คิง
เรื่องย่อ
The Lion King (2019) เดอะ ไลอ้อน คิง เรื่องราวการผจญภัยสู่ทุ่งหญ้าสะวันนาในแอฟริกาที่ซึ่งราชาได้ถือกำเนิด “ซิมบ้า” มี “ราชามูฟาซา” บิดาของเขาเป็นต้นแบบ และรับรู้ถึงพรมลิขิตบนเส้นทางแห่งราชวงศ์ แต่ไม่ใช่ทุกคนในอาณาจักรที่เฉลิมฉลองการถือกำเนิดของลูกสิงห์โตตัวใหม่ “สการ์” น้องชายของมูฟาซา และว่าที่ผู้สืบบังลังก์คนก่อน มีแผนของเขาเอง การต่อสู้เพื่อชิงผาทรนงเต็มไปด้วยการหักหลัง โศกนาฏกรรม และดราม่า ส่งผลใหญ่หลวงไปสู่การเนรเทศของซิมบ้า ด้วยความช่วยเหลือจากคู่เพื่อนใหม่ขี้สงสัยที่เพิ่งพบกัน ซิมบ้าต้องค้นหาการเติบโตเป็นผู้ใหญ่และทวงคือสิ่งที่เป็นของเขาโดยชอบธรรม
ผู้กำกับ
จอน แฟฟโรว์
บริษัท ค่ายหนัง
- วอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์
- แฟร์วิวเอ็นเตอร์เทนเมนต์
นักแสดง
- ดอนัลด์ โกลเวอร์
- เซท โรเกน
- ชูวิเท็ล เอจีโอฟอร์
- แอลฟรี วูดาร์ด
- บิลลี ไอก์เนอร์
- จอห์น กานี
- จอห์น โอลิเวอร์
- บียอนเซ่ โนวส์-คาร์เตอร์
- เจมส์ เอิร์ล โจนส์
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
หนังครอบจักรวาล
ดูหนัง ออนไลน์ The Lion King (2019) – ฮาคูน่ามาทาท่า ทำไมไม่ค่อยประทับจัย~
Director : Jon Favreau (Iron Man 1-2, The Jungle Book)
Genre : Adventure, Drama, Musical
Spoil : Lv.1/5 (**กำลังจะ spoil)
ขอออกตัวไว้ก่อนเลย(อีกแล้ว) ผมคือแฟนตัวยงของ The Lion King เลย ถือว่าเติบโตมาพร้อมๆกับเพลง Circle of Life เลยทีเดียว ทำให้จริตมันค่อนข้างที่จะชอบ เพลงทุกเพลงที่ขึ้นทำนองมา ผมขนลุกทุกเพลงเลย!! แม้ว่ามันจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยก็ตามที
บท : พวกคุณเคยดู The Lion King ปี 1994 กันมั้ย? อื้ออออ…นั่นแหละ มันเป็นแบบนั้นแทบจะ 100% ยกความดีเรื่องบทให้ช่วง Musical เพราะมันทำให้ฉากร้องเพลงมันสมจริงสมจังมากยิ่งขึ้น (มันคือข้อดีป้ะวะ) **เสียดาย Be Prepared ไม่มีไฟเขียวๆ ส่วน I just can’t wait to be king ก็ไม่ค่อยอลังการหรือเมากาวเท่าในอนิเมชั่น** … ละที่สำคัญมันส่งอารมณ์ไม่ได้เท่าเวอร์ชั่นอนิเมชั่น แต่ฉากที่ผมคาดหวังว่าจะต้องร้องไห้ คือ ฉากมุฟาซ่าตาย มันก็ยังพอทำให้ผมน้ำตาไหลออกมาได้~
การพากษ์ : ไดอะล็อคยังพอมีความแตกต่างจากต้นฉบับอยู่พอสมควร และนักพากษ์แต่ละคนที่มาพากษ์มันโคตรจะเข้าปาก แต่ที่ MVP สุดก็คงหนีไม่พ้น Seth Rogan (Neighbor,Pineapple Express) ในบทพุมบ้า และ Billy Eichner (American Horror Story) ในบททีโมน ที่การพากษ์โคตรจะดีและเป็นตัวกินซีนสุดๆในทุกๆคำที่หลุดออกมา และที่สำคัญ James Earl Jones ผู้ที่พากษ์เสียง มุฟาซ่า ต้นฉบับ เวอร์ชั่รนี้อกก็กลับมาพากษ์อีก โคตรปริ่ม! (นักพากษ์โดยรวมดีเกือบหมด แต่ขอยกแค่ที่ชอบมากๆนะครับ)
งานเสียง : เพลงเพราะมาก แต่รู้สึกว่าเพลงของต้นฉบับมันทำไว้ดีกว่า เพลงคู่รู้สึกเสียดาย Donald Glover มากก อยากได้ยินเสียงแกชัดๆ ได้ยินเสียง Beyonce แบบชัดทะลุออกมาเลย นอกนั้นคือโคตรสมจริง ไม่รู้ว่าเค้าได้ไปอัดเสียงจากบรรยากาศจริงมาเลยมั้ย แต่บอกเลยว่าดีมากๆ ทั้งการ มิกซ์และตัดต่อเสียง … และที่สำคัญมีเพลงใหม่ให้ฟังด้วยเว้ยยย แบบที่ไม่มีในอนิเมชั่น!
งานภาพ : โคตรอลังการ เนียนไปยันไรขน เนียนไปยันฟัน เนียนไปยันแววตา มันโคตรจะเรียล มันกริ๊บมากๆ ชอบมาก สวยมาก นี่คือส่วนที่ดีที่สุดของหนังเลย!! และการจัดมุมกล้องบางฉากมันทำให้มีมุมกล้องที่แปลกและแตกต่างจากอนิเมชั่นต้นฉบับบอยู่บ้าง
‼️‼️สรุป‼️‼️ใครเป็นแฟน The Lion King ไปดูเลยฮะ แต่อย่าถามหาความแปลกใหม่ ถือซะว่าไปดูน้องๆ หนังและคาแรกเตอร์มันน่ารักมาก เพลงก็เพราะ ภาพก็สวยสัส ถือว่าดู IMAX คุ้มอยู่ ถ้ามองแค่เรื่องภาพ+เสียง ห้ามคิดจะมองในภาพรวมนะ ไม่งั้นจะรู้สึกไม่คุ้ม555555
💚ความชอบส่วนตัว 3.5/5
🎬ความเป็นหนัง 3.5/5
🌟หนังดาวรุ่ง 7/10
Kanin The Movie
THE LION KING (2019) หากได้เข้าใจวัฏจักรชีวิต
ไม่รู้ถือว่าเป็นเรื่องผิดบาปมั้ยถ้าจะบอกว่าเราไม่เคยดู The Lion King ฉบับ 1994 มาก่อนเลย คือเคยเห็นฉากสำคัญๆของหนังนะ (และชอบเพลง Can you feel the love tonight ของ เอลตัน จอห์น มากๆ) แต่ไม่เคยดูเต็มๆเลยสักที ซึ่งจริงๆก็กะจะดูก่อนไปชม “ฉบับสมจริง” นี่แหละ จนกระทั่งได้อ่านหลายๆบทความจากต่างประเทศที่บอกว่า “ถ้าคุณไม่เคยดูฉบับ 1994 มาก่อน คุณจะเอนจอยกับฉบับ 2019 มากกว่า” เราไม่ได้ถึงกับเชื่อนะ แต่คิดว่าก็น่าสนใจดี เพราะหลังบทความนี้ลงเสร็จเราก็จะไปดูแอนิเมชั่นฉบับ 1994 และกลับมาเขียนถึงมันอีกครั้งด้วยเพื่อเปรียบเทียบกัน – ดังนั้นการดู The Lion King ของเราเลยเป็นเหมือนประสบการณ์ใหม่เกือบ 100% และจะไม่สามารถเขียนถึงในเชิงเปรียบเทียบกับฉบับก่อนได้เลย อย่างน้อยๆก็ในส่วนของดีเทล เพราะที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือฟอร์มของการเล่าเป็นการ์ตูน กับการเล่าแบบภาพยนตร์สมจริงที่กลายเป็นกำแพงที่น่าสนใจ (และแม้จะไม่เคยดูฉบับก่อนมาก็พอจะเห็นภาพได้ไม่ยาก)
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดใน The Lion King คงเป็นเรื่องของงานภาพ ถัดลงมาคืองานพากย์ เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่างานปั้นแอนิเมชั่นครั้งนี้อยู่ในระดับที่สมจริงสมจังมากๆ ตั้งแต่ตัวสัตว์ยันธรรมชาติต่างๆนานา หากใครคิดว่า The Jungle Book (2016) คือสุดๆแล้วต้องมาดูเรื่องนี้ ความพิเศษคือมันเป็นหนังที่ไม่ได้มีคนเล่น แต่มันจริงมากๆจนรู้สึกได้ว่า The Lion King อันนี้คือฉบับ Live Action เพราะมันได้บรรยากาศเห็นสัตว์เป็นสารคดีเลย แน่นอนว่าความสมจริงดังกล่าวสร้างความตื่นตาพอสมควร แต่ก็ต้องมาตั้งคำถามกันอีกทีว่าฟอร์มสมจริงที่ดิสนีย์พยายามทำให้กับ ไลอ้อน คิง มันเข้ากับความเป็น “มิวสิคัล” หรือเปล่า – ผมมีโอกาสได้ดูคลิปเปรียบเทียบสองฉบับอยู่ซีนหนึ่งเป็นเพลง Hakuna Matata ผลลัพธ์ก็คือ ทั้งตกใจ และเข้าใจ เพราะอย่างแรก การที่มันสมจริงสมจังดั่งสารคดีของ The Lion King 2019 ค่อนข้างจะตัดความเป็นไปได้ในหลายๆอย่างที่แอนิเมชั่นเก่าสร้างไว้ หนึ่งในนั้นคือชีวิตชีวาและท่าทางที่ดูเกินจริง การกระโดดโลดโผนไปมาของสัตว์ในฉบับนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้แล้วในฉบับนี้ เราจึงได้เห็นเหล่าสัตว์ทำได้แค่เดินๆไปมาตามกิจวัตรของมัน อย่างมากก็อาจจะเป็นเรื่องการจัดวางในเชิงศิลป์ที่พอจะเห็นเป็นมิวสิคัลขึ้นมาอีกหน่อย – แน่นอนว่ามันอาจไม่ใช่ข้อเสียสำหรับใครหลายคน แต่การกระทำสมจริงดั่งกล่าวก็ทำให้เราเห็นข้อจำกัดอย่างชัดเจน (ภายใต้ความพยายามที่จะทำลายข้อจำกัดบางอย่างของฉบับเดิมเช่นกัน) ส่วนตัวเรารู้สึกว่าฉากมิวสิคัลมันค่อนข้างแห้งแล้ง เพราะต้องใช้เสียงพากย์ซัพพอร์ตอย่างเดียวเลย อันเนื่องมาจากการแสดงผลทางหน้าตาของสัตว์ที่ดูเหมือนจะไม่สามารถออก “ไปตามกับเพลง” ได้ขนาดนั้น เพลงอาจจะเฮฮามากแต่เราอาจจะได้เห็นแค่สัตว์วิ่งไปวิ่งมาเฉยๆ ไม่แปลกใจที่ใครหลายคนจะรู้สึกว่ามันคือสารคดีที่ถูก insert เพลงซ้อนเข้าไป เพราะเราก็แอบรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน
ที่บอกว่าเสียงพากย์เป็นส่วนที่ดีก็คงไม่ต้องแปลกใจอะไร ทุกคนทำหน้าที่ในการพากย์ได้โอเคอยู่แล้ว (แต่เราไม่สามารถพูดในเชิงเปรียบเทียบได้อะนะ) คนที่เราคิดว่า ขโมยซีนมากๆคือ เซ็ท โรเกน กับ บิลลี อิชเนอร์ ในบท พุมบ้า และ ทีโมน เราว่านอกจากจะเข้าขากันมากๆ ลีลาการพากย์ยังทำให้เรื่องมีสีสันขึ้นมากจริงๆ (โดยเฉพาะ เซ็ธ โรเกน นี่ดีมากๆ คือพากย์เป็นตัวเองเลย เสียงชัดแจ๋วว่าเป็นแก และแกก็ต่อไดอะล็อกเหมือนกับหนังเรื่องอื่นๆของแกนั่นแหละ เพียงแต่ไม่มีความห่าม ถ่อย ทะลึ่ง อยู่ในนั้น 555)
อีกอย่างที่เราคิดว่าน่าสนใจแต่คงยังไม่ตัดสินใจคือ narrative ของหนัง ด้วยความที่เราไม่ได้ดูการ์ตูนมาเลยตัดสินใจได้ไม่ชัดเจน แต่เราจะรู้สึกว่าการเล่าแบบการ์ตูนในฉบับ 1994 กับเล่าแบบการ์ตูนในฉบับ 2019 มันไม่สามารถเหมือนกันได้แน่ๆ โดยเฉพาะการกระทำความสมจริงดังกล่าว – เราปฏิเสธไม่ได้ว่าความสมจริงของ The Lion King ทำให้เราเห็นมันเป็นหนังคนมากกว่าจะเป็นการ์ตูนเด็กๆ และแน่นอนว่าฟอร์มดังกล่าวมันไม่สามารถเล่าคอนเทนต์ออกมาเหมือนเดิมได้ เราจึงเข้าใจใครหลายๆคนที่ค่อนข้างไม่โอเคกับฉบับ 2019 ที่มันเหมือนจะ copy + paste (ตามคำกล่าวเขานะ เรายังไม่ได้ดู) เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ การเล่าเรื่องก็คงจะไปในทิศทางเดียวกันด้วย ซึ่งการเล่าแบบการ์ตูน กับการเล่าแบบหนังมันไม่เหมือนกัน ความหนักแน่นของคอนฟลิกต์ การคลี่คลายปม มันไม่สามารถทำเหมือนกันได้ เราไม่รู้ว่าตอนดูฉบับ 1994 จะเป็นยังไงนะ แต่เรารู้สึกว่าฉบับ 2019 ทุกอย่างดูเร็วและไม่น่าเชื่อไปหมด ซึ่งอาจเป็นเพราะการคงวิธีการเล่าแบบเดิม(หรือเปล่า)ที่ทำให้เป็นแบบนั้น ความการ์ตูนๆของมันอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับฉบับสมจริงนี้หรือไม่? อันนี้ผมไม่แน่ใจ แต่ลองปักธงไว้เผื่อใครไปดูแล้วจะลองมาแชร์กันได้ เพราะส่วนตัวรู้สึกว่าเวลาเล่าแบบการ์ตูนเด็กๆกับเล่าแบบหนังมันไม่ค่อยเหมือนกัน เราโอเคที่การ์ตูนจะรวบรัดบางอย่างที่เกิดขึ้นในทันที แต่เราคงจะทะแม่งๆถ้าหนังจะทำแบบนั้นเช่นกัน ซึ่งการดู The Lion King ของเรา ความสมจริงดังกล่าวมันทำให้เรามองเป็นหนังมากกว่าการ์ตูน แม้ว่าทั้งหมดจะปั้นด้วยคอมพิวเตอร์ขึ้นมาก็ตาม แต่ความสมจริงนี่แหละที่ทำให้เรารู้สึกไปแล้ว
โดยรวมมันเป็นหนังที่พอจะไปได้เรื่อยๆสำหรับเรานะ แต่ไม่แน่ใจเลยว่าถ้าเพื่อนๆดูเวอร์ชั่น 1994 มาแล้วจะรู้สึกยังไง จะให้อารมณ์ Nostalgia หรือให้อารมณ์ซ้ำซากกันแน่ แต่โดยรวม The Lion King 2019 ก็ยังเป็นงานคุณภาพที่ต้องนับถือในงานภาพที่ตระกาลตายิ่งใหญ่ งานพากย์ที่น่าประทับใจ และแน่นอน ทุกเพลงล้วนดีงามหมด ข้อคิดของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่(ที่ไมไ่ด้เกี่ยวกับวัยหากแต่เป็นมุมมองชีวิต)แม้จะไม่ใช่อะไรที่ใหม่แล้วแต่ก็เข้าใจว่ามันคลาสสิก (และเล่าออกมาได้ชัดเจนดี) แต่ส่วนตัวชอบเรื่อง Circle of Life มากๆ การพูดถึงวงจรชีวิตของสัตว์ป่า ที่ถูกแทรกแซงและทำลายโดยสัตว์บางกลุ่ม ดูยังไงก็สามารถเอาไปเปรียบเทียบกับนั่นนี่ได้ไม่รู้จบ จริงๆมันดูเป็นหนังการเมืองที่เข้มข้นนะ เล่าได้มากกว่าที่เป็นอยู่ได้เยอะเลย แต่ก็เข้าใจในความจะตาม Orignal ของมัน ก็เลยออกมาได้แค่นี้แหละ
THE LION KING (dir. Jon Favreau) – 7/10
Movies Delight Club
The Lion King (Jon Favreau, 2019)
คะแนน C (6.5/10)
“หนังควรจะเป็นการ์ตูนมากกว่าเป็นไลฟ์แอคชั่น” เสน่ห์ของ The Lion King คือความเป็นการ์ตูนสัตว์โลกที่มี ‘สิงโต’ เป็นตัวเอก แต่พอดิสนีย์ทำเป็นไลฟ์แอคชั่นเรากลับไม่รู้สึกว่าหนังมีส่วนไหนน่าดูน่าสนใจ นอกจากภาพสวย เพลงเพราะ และความสมจริงของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ภายในเรื่อง ที่ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังนั่งดูภาพยนตร์สารคดีสัตว์โลกผจญภัย แต่สรรพสัตว์เหล่านี้สามารถพูดคุยกับได้ ร้องเพลงได้ แน่นอนว่า สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ของหนังทำได้อย่างยอดเยี่ยม รายละเอียดองค์ประกอบต่าง ๆ ของหนังยอดเยี่ยมแบบไม่มีอะไรสงสัย เพียงแต่เนื้อเรื่องและสาระของหนังไม่เหมาะสำหรับการทำเป็นไลฟ์แอคชั่น เนื้อหาสาระของ The Lion King ควรจะอยู่ในฉบับการ์ตูนเด็กน้อย ตลอดการรับชมเราจึงไม่รู้สึกหรือรับรู้ว่ามีอะไรพิเศษ ตื่นเต้น หรือประทับใจได้เลย หนังไม่ได้ทำงานสร้างผลกระทบให้เราขณะที่รับชม ทำให้เรารู้สึกเฉย ๆ ตลอดการรับชม
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะหาสาระส่วนที่ชอบสำหรับเราขณะรับชม The Lion King ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นการ์ตูนหรือเวอร์ชั่นนี้ที่เล่าเรื่องเหมือนกันชนิดจับวาง ก็ต้องบอกว่าแก่นของ ‘วัฏจักรชีวิต’ ที่หนังหยิบมาเล่ายังคงชัดเจน แจ่มชัด และน่ายกย่องยินดี สมดุลของสิ่งมีชีวิตและการไม่เบียดเบียนกันและกันมากเกินไปยังคงสะท้อนผ่านเรื่องราวทั้งหมดและสอนใจมนุษย์ที่กำลังรับชมได้ไม่น้อย ช่วงขณะที่รับชม เราฉุกคิดถึงสิ่งที่มนุษย์ได้กระทำลงไปจากการล่าสัตว์ต่าง ๆ หรือทำลายธรรมชาติจนเสียสมดุล ซึ่งตัวร้ายในเรื่องและแก๊งไฮยีน่าทำให้เรามองเห็นภาพมนุษย์ที่ไม่รู้จักพอและไม่รู้จักอิ่ม ความโลภในอำนาจและความหิวที่ไม่รู้จักพอ ไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การล่าอย่างไร้ขอบเขตยังนำพามาซึ่งความอดอยากและสภาพเสื่อมโทรม ฉะนั้น การดำรงอยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัยตามสมดุลธรรมชาติจึงสร้างสิ่งสวยงามให้กับทุก ๆ ชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างแท้จริง…
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ 🙂
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Mufasa The Lion King (2024) มูฟาซา เดอะ ไลอ้อน คิง
The Lion King 3 (2004) เดอะ ไลอ้อน คิง 3
6.3