The Hurt Locker (2008) หน่วยระห่ำ ปลดล็อกระเบิดโลก
เรื่องย่อ
เมื่อทุกย่างก้าวคือ “ความเป็น” และทุกวินาทีคือ “ความตาย” ท่ามกลางไอแดดอันร้อนผ่าวและฝุ่นอันคละคลุ้ง ระเบิดหลายลูกนอนนิ่งรอคอยเวลาทำงานของมันอย่างไม่ส่งเสียง อำนาจทำลายล้างของระเบิดแต่ละลูกกินพื้นที่ไกลและรุนแรงเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ หน้าที่ของ จ่าสิบเอกวิลเลี่ยม โจนส์ (เจอเรมี่ เรนเนอร์) คือการยับยั้งระเบิดเจ้าปัญหาเหล่านั้นก่อนที่มันจะสร้างความเสียหายให้กับใคร ในสงครามอ่าวอันยืดเยื้อและยาวนาน งานของโจนส์เป็นงานที่ต้องแข่งกับเวลา ต้องต่อสู่กับความตึงเครียด และเอาชนะต่อโชคชะตาที่เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายทุกวินาที อย่างที่เขาว่ากัน งานกู้ระเบิด แค่ความกล้าอย่างเดียวไม่ได้…คุณจะต้องบ้าด้วย! แคธรีน บิเกโลว์ ผู้กำกับหญิงแกร่งแห่งฮอลลีวูด เจ้าของงานมาโชหนัก ๆ อย่าง Point Break, Strange Days และ K-19 กลับมาพร้อมกับหนังอันถือได้ว่าเป็นจุดสูงสุดอาชีพของเธอเอง The Hurt Locker เต็มไปด้วยช่วงเวลาลุ้นระทึก เช่นเดียวกับที่หนังได้บันทึกภาพความเป็นไปของสงครามอันไร้สาระของชาวอเมริกันอย่างสมจริง ตรงไปตรงมา
ผู้กำกับ
- Kathryn Bigelow
บริษัท ค่ายหนัง
- Summit Entertainment
นักแสดง
- Jeremy Renner
- Anthony Mackie
- Brian Geraghty
- Christian Camargo
- Evangeline Lilly
- Ralph Fiennes
- David Morse
- Guy Pearce
โปสเตอร์หนัง The Hurt Locker (2008) หน่วยระห่ำ ปลดล็อกระเบิดโลก
รีวิวหนัง
ขอบสหนัง
ขอบสหนังรีวิว
The Hurt Locker
นี่คือหนังที่ผมดูมาสักพักใหญ่ใน Netflix และตั้งใจว่าจะหาโอกาสเขียนลงสักที มีเหตุผลที่ผมรู้สึกชอบ เพราะตัวหนังถ่ายทอดได้สมจริง โดยที่ได้มาร์ค โบล อดีตนักข่าวที่ผ่านสมรภูมิเกาะติดสงครามของกองทัพสหรัฐในสงครามอิรักมาเขียนบท ผสมผสานกับการถ่ายทอดอันยอดเยี่ยมโดย แคทริน บิเกโลว์ สุภาพสตรีหนึ่งเดียวที่ได้รางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมมาแล้ว
.
ข้อดี
ภาวะตึงเครียดไฟสงครามไม่มีใครอยากเอาชีวิตตัวเองเสี่ยง เว้นแต่คำสั่งที่ทหารต้องปฏิบัติตามแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเสียชีวิตโดยระเบิดมากมายของทหารสหรัฐในสงครามอิรัก ทำให้มีทหารที่ถูกส่งตัวมาประจำการเพื่อปฏิบัติภารกิจ และหน่วยกู้ระเบิดก็ต้องมีหัวหน้าคนใหม่ด้วยเช่นกัน จ่าสิบเอกวิลเลี่ยม เจมส์ ผู้มีนิสัยที่ชอบทำงานคนเดียว เชื่อมั่นในตัวเองสูง ทำให้แม้ภารกิจจะประสบความสำเร็จ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่ลูกน้องเขาเองกลับไม่พอใจจนมีปัญหาไม่ลงรอยหลายๆหน ด้วยไฟสงครามที่รุนแรงมากขึ้น ต้องทำงานทุกวัน มันจึงอัดแน่นไปด้วยความตึงเครียดทั้งหน้าที่การงานและเพื่อนร่วมงาน
สิ่งที่หนังสื่อสารออกมาคือมนุษย์เราเวลาอยู่ในช่วงเวลาที่กดดันมักขาดสติชอบทำอะไรตามใจชอบเหมือนที่เจมส์ บทที่เจเรมี่ เรนเนอร์ แสดงออกมาก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เขาบ้าระห่ำมากๆ นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ The Hurt Locker เป็นมากกว่าหนังสังครามทั่วไป คือเฟรมภาพมุมกล้องของ แคทริน บิเกโลว์ ที่มันกึ่งๆไปตามติดชีวิตคนจริงๆ ทำให้เราได้ภาพที่ดิบสมจริง แถมยังเล่าให้เข้าใจหัวอกของเหล่าทหารที่ต้องมาเสียสละชีวิตฝ่าฝันกับภัยสงครามกลางเมืองอาหรับที่พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้อีกนานแค่ไหน
.
นักแสดง
เจเรมี่ เรนเนอร์ ก่อนจะไปร่วมงานกับ MCU ในบทเป็นฮอกอาย นี่คืองานที่เขาแสดงนำเป็นเรื่องแรก เขาสอบผ่านในบทหัวหน้ากู้ระเบิด ที่ต้องเจอภาวะบีบคั้นจากเรื่องงานที่สวมหัวโขนเป็นหัวหน้าทีมเพื่อปลดล็อคให้สำเร็จในทุกภารกิจ ที่ชอบเจเรมี่ คือฉากที่เขาเล่นกับเด็กชื่อเบ็คแฮมในหนังแม่งดีเรียบง่าย
แอนโทนี่ แม็กกี้ ฟอลคอน จาก MCU ว่าที่ Captain America คนใหม่คือเป็นจ่าที่ต้องมาอยู่ใต้อาณัติของ เจเรมี่ แต่กลับไม่ถูกชะตามีหลายๆครั้งที่ลงไม้ลงมือกัน ถกเถียงกับวิธีการทำงานปลดล็อคระเบิด เป็นตัวละครที่ระเบิดอารมณ์ปล่อยฝีมือการแสดงได้น่าจดจำพอๆกับเรนเนอร์เลยละ
.
สรุป
เป็นหนังดราม่าท่ามกลางสงครามอิรักที่ลุ้นระทึกทุกนาที มาพร้อมกับเนื้อหาที่คาดเดาไม่ถูก เข้าใจหัวอกทหารที่ไปเสี่ยงตายกู้ระเบิดในภาวะสงคราม หนังดูสนุก ตื่นเต้น สมจริงมากๆ
หนังหาดูแบบถูกลิขสิทธิ์ผ่านทาง Itunes
ทั้งนี้หนังคว้ารางวัลออสการ์ในปี 2009 ไปถึง 6 สาขา ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทหนังดั้งเดิมยอดเยี่ยม, กำกับภาพยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม , ลำดับเสียงยอดเยี่ยม, ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม
transporter1492
9/10
ภาพยนตร์ดราม่าสงครามสุดอลังการที่ต้องดู!
สำหรับเพื่อนๆ ของฉันแล้ว นี่เป็นเพียงภาพยนตร์แอคชั่นที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น ไม่มีอะไรอื่นอีก ฉันดูไปเมื่อวานแล้ว และสำหรับฉันแล้ว มันเป็นมากกว่าแค่ภาพยนตร์แอคชั่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นซีรีส์ที่กินใจอย่างมาก ซึ่งทำให้รู้สึกถึงสงครามในอิรักได้อย่างแท้จริง และทำให้คุณเห็นถึงความเสียสละที่เกิดขึ้นที่นั่น
มีบางสิ่งที่ทุกคนต้องสังเกตขณะชมภาพยนตร์เรื่องนี้ มีการแสดงที่ยอดเยี่ยมตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดย Jeremy Renner และ Anthony Mackie และฉันจะไม่แปลกใจเลยหากเห็นการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาการแสดงอย่างน้อยหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ยังมีผลงานการตัดต่อที่ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งแม้แต่ฉันซึ่งเป็นคนรักภาพยนตร์มือสมัครเล่นก็ยังมองเห็นได้ การถ่ายภาพยนตร์และผลงานด้านเทคนิคอื่นๆ ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ในส่วนของด้านเทคนิคของภาพยนตร์เรื่องนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก คาดว่าจะมีการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาเทคนิคด้วยเช่นกัน การเขียนนั้นเรียบง่ายแต่ก็เป็นแบบนั้น และขอแสดงความยินดีกับ Mark Boal และ Kathryn Bigelow สำหรับการสร้างละครสงครามที่ทรงพลังซึ่งยังคงอยู่ในความทรงจำของคุณแม้จะดูภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแล้วก็ตาม
ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสมาชิกของ Academy จะไม่ลืมความสำเร็จอันน่าทึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันขอแนะนำให้ทุกคนดู “เครื่องมือ” นี้ที่ทำให้เราเข้าใจว่าคำว่าสงครามนั้นหมายถึงอะไรจริงๆ
ขอแสดงความนับถือจากสโลวีเนีย
toqtaqiya2
9/10
ภาพยนตร์ที่น่าติดตามและน่าตื่นตา
นี่คือภาพยนตร์ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในทศวรรษที่ผ่านมา ภาพยนตร์สงครามที่ประสบความสำเร็จในการแสดงให้เห็นว่าการเป็นทหารในปัจจุบันเป็นอย่างไร กำกับโดยแคธริน บิเกอโลว์ ผู้กำกับที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เน้นที่ทหารอเมริกันในสงครามอิรัก แต่ไม่ได้เน้นที่การจู่โจมหรือการยิงต่อสู้ แต่เน้นที่ชีวิตของหน่วยเก็บกู้ระเบิด เจเรมี เรนเนอร์รับบทจ่าสิบเอกวิลเลียม เจมส์ เขาแสดงได้ยอดเยี่ยมมาก แอนโธนี แม็คกี้และไบรอัน เจอราตีก็รับบทคู่หูเช่นกัน พวกเขาแสดงได้เหมือนทหารจริงๆ The Hurt Locker ประกอบด้วยการขู่วางระเบิดหลายต่อหลายครั้งที่ทีมต้องเอาชนะให้ได้ ซึ่งล้วนน่าตื่นเต้นและตึงเครียด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นจริงๆ คือข้อความต่อต้านสงคราม ตามธรรมเนียมของ Apocalypse Now (1979) และ Come And See (1985) The Hurt Locker แสดงให้เห็นว่าผู้คนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในสงคราม แม้ว่าพวกเขาจะไม่สมควรได้รับก็ตาม
แสดงให้เห็นว่าเหยื่อก็เหมือนกับคนอื่นๆ เพียงแต่ว่าพวกเขาอยู่ในเขตสงคราม ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ความพยายามทำสงครามของอเมริกาโดยตรง ไม่มีการพูดคุยกันว่าสงครามอิรักเป็นเรื่องศีลธรรมหรือผิดศีลธรรม การกำกับของบิ๊กเกอโลว์นั้นน่าประทับใจจริงๆ เธอรู้ดีว่าต้องทำงานร่วมกับนักแสดงอย่างไร การแสดงนั้นยอดเยี่ยมอย่างเห็นได้ชัด และนี่คือจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายภาพโดยแบร์รี แอ็กครอยด์อีกด้วย สงครามไม่เคยดูสมจริงหรือมีความน่าสนใจในภาพยนตร์มาก่อนจนกระทั่งเรื่อง The Hurt Locker ภาพที่ถ่ายได้นั้นชวนให้คิดและน่าจดจำ ไม่แปลกใจเลยที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 2010 ภาพยนตร์บางเรื่องที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมกลับไม่สมควรได้รับรางวัล แต่ The Hurt Locker สมควรได้รับรางวัลนี้อย่างแน่นอน เป็นหนึ่งในภาพยนตร์สงครามที่ดีที่สุดเท่าที่มีมา และฉันขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง
7.8