The Battle of Jangsari (2019) การต่อสู้ของ แจง ซารี่
เรื่องย่อ
ในช่วงสงครามเกาหลีกองพันกองโจรอิสระที่ 1 The Battle of Jangsari ได้รับมอบหมายให้จัดภารกิจเบี่ยงเบนความสนใจที่ชายหาดจังซารีในเกาหลีใต้ เพื่อหลอกล่อกองกำลังเกาหลีเหนือให้คิดว่ากองกำลังฝ่ายต่อต้านจะเปิดฉากการรุกรานที่เด็ดขาดที่นั่น การทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขาสามารถปูทางไปสู่ความสำเร็จในการยกพลขึ้นบกที่อินชอนได้ในขณะเดียวกัน นักข่าวชาวอเมริกันและนักข่าวสงคราม (เมแกน ฟ็อกซ์) ทำข่าวสงครามเกาหลีและพยายามขอความช่วยเหลือจากชุมชนนานาชาติ ขณะที่ทหารดิ้นรนเพื่อบรรลุภารกิจเนื่องจากขาดการฝึกที่เหมาะสม อาวุธ อาหารและเสบียงที่เพียงพอ
ผู้กำกับ
- Tae-hun Kim
- Kwak Kyung-taek
บริษัท ค่ายหนัง
- Taewon Entertainment
นักแสดง
- Megan Fox
- George Eads
- Lee Jae-wook
- Kim Min-kyu
- Kim Sung-cheol
- Choi Min-ho
โปสเตอร์หนัง
รีวิว
สงครามในคาบสมุทรเกาหลี The Battle of Jangsari เป็นสงครามอันเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสงครามเย็น และเป็นปฏิบัติการตัวแทนเพื่อยับยั้งการรุกรานของลัทธิคอมมิวนิสต์ ในตอนแรกทั้งสองฝ่าย คือเกาหลีเหนืออันมีจีนและรัสเซียหนุนหลัง กับเกาหลีใต้อันมีสหรัฐอเมริกาและอ้างสหประชาชาติ (โดยปราศจากความเห็นชอบของรัสเซีย) หนุนหลัง ได้ตกลงใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นเขตแดนชั่วคราว จนกระทั่ง 25 มิถุนายน 1950 กองทัพเกาหลีเหนือได้บุกข้ามพรมแดนและใช้เวลาพียงไม่กี่วัน รุกคืบกินดินแดนเกาหลีใต้เป็นจำนวนมากรวมทั้งกรุงโซล เมืองหลวงด้วย นายพลดักลาส แม็คอาเธอร์ซึ่งกำลังดูแลญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกตามตัวมาโต้กลับกองทัพประชาชนเกาหลีเหนือ เขาได้คิดแผนยกพลขึ้นบกที่อินชอน ภายใต้ชื่อรหัส “Operation Chromite” ซึ่งมีกองกำลังผสมหลายประเทศเข้าร่วมรวมทั้งทหารไทย จะเริ่มขึ้นในวันที่ 15 กันยายน 1950 ถูกหยิบยกมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 2016 แต่แผนจะลุล่วงได้ต้องมีการหลอกล่อฝ่ายเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี ยุทธการจางซารีจึงเกิดขึ้น
นายพลดักลาส แม็คอาเธอร์ วางแผนใน “Operation Chromite” ให้มีการโจมตีหลอกที่วอนซาน, จูมันจิน, กุนซาน และจางซารี ซึ่งที่ชายหาดจางซารี เรือมุนซานได้นำนักศึกษาวิชาทหารจำนวน 722 คน อายุเฉลี่ยเพียง 17 ปีที่ผ่านการฝึกทางทหารแค่ 2 สัปดาห์ ในความควบคุมของครูฝึก ผู้กอง อี มุง-จุน (Kim Myung-min) มุ่งหน้าสู่จางซารี ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการอินชอน 2 วัน อันเป็นเหตุการณ์ใน The Battle of Jangsari (2019) เรื่องนี้ The Battle of Jangsari เนื่องจากกองกำลังเป็นแค่นักศึกษาวิชาทหารที่มีครูฝึกคุมมาเพียงไม่กี่คน ขาดประสบการณ์การฝึก อาวุธ และเสบียงอาหาร แต่ได้รับคำสั่งให้ยึดหาดไว้ให้นานที่สุด ปฏิบัติการจางซารี
จึงเสมือนปฏิบัติการฆ่าตัวตาย ที่รอแต่เพียงให้กองทัพประชาชนเกาหลีเหนือบุกมาถล่มเท่านั้น ทำให้เราเห็นถึงเงื่อนไขของเยาวชนแต่ละคนที่ถูกเกณฑ์มารบ บางคนเคยอยู่ในเขตเกาหลีเหนือแต่อพยพออกมาก่อนจะขีดเส้นสมมติแบ่งแยกเหนือใต้ อย่าง ซง-พิล (Choi Min-ho) บางคนอยากมาเพราะที่บ้านยากจนไม่มีอะไรจะกิน อย่าง กุ๊ก มาน-ดึ๊ก (Jang Ji-Gun) บางคนอย่าง มูน จง-เนียว (Lee Ho-Jung) เป็นผู้หญิงที่ปลอมตัวมาแทนพี่ชายที่ครอบครัวอยากรักษาเอาไว้ให้สืบตระกูล แต่ทุกคนต่างมีความมุ่งมั่นที่จะรักษาดินแดนเอาไว้จาก “พวกคอมมิวนิสต์” ที่บุกจนฝ่ายใต้จะพ่ายแพ้จนตกทะเลอยู่แล้ว และสงครามครั้งนี้ก็ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้และพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันขึ้นมา
หนังได้เพิ่มตัวละคร แม็กกี้ (Megan Fox) นักข่าวสงครามเพศหญิง ที่นำตัวตนจริงของนักข่าวสงคราม 2 คนมาผสมผสานกัน คือ Marguerite Higgins ผู้สื่อข่าวสงครามของ the New York Herald Tribune และ Margaret Bourke-White ช่างภาพสงครามสตรีคนแรก The Battle of Jangsari ในความพยายามที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของเหล่านักศึกษาวิชาทหารเหล่านี้ให้โลกรับรู้ แทนที่จะถูกกลบด้วยยุทธการอินชอนที่แม็คอาเธอร์สามารถผลักดันกองทัพประชาชนเกาหลีเหนือกลับไปยังดินแดนของตนได้เป็นผลสำเร็จ
ความน่าเชื่อของยุทธการจางซารีที่กองกำลังอันด้อยประสบการณ์และน้อยนิดนี้สามารถยืนระยะอยู่ได้อย่างยาวนาน ก็คือ นอกจากการยกพลขึ้นบกเพื่อยึดหาดแล้ว กองกำลังยุวชนทหารเหล่านี้ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับกองทัพเกาหลีเหนือเท่าไรนัก แต่เมื่อกองทัพเกาหลีเหนือบุกมา กองกำลังนี้ก็ไม่สามารถรับมือไหว อันนำไปสู่โศกนาฏกรรมของเหล่ายุวชนที่ต้องพลีชีพให้กับสงครามโดยไร้การเหลียวแล
เป็นหนังเล็ก ๆ ที่ทำออกมาได้ดีในแง่การสร้างพัฒนาการและความสัมพันธ์ของตัวละคร เสียแต่ตัวละครกลุ่มมีคาแร็คเตอร์ซ้ำ ๆ กับหนังสงครามที่เราเห็นกันจนชินตา และสอดแทรกว่าแต่ละฝ่ายสุดท้ายต่างก็เป็นญาติพี่น้องกันผ่านตัวยุวชนทหารของเกาหลีใต้ ที่เจอเพื่อนทหารเกาหลีเหนือที่เป็นเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกันก่อนที่เขาจะอพยพจากมา อันเป็นฉากที่สะเทือนใจเพราะคนชาติเดียวกันต้องมาฆ่าฟันกันเพราะถูกผลักดันด้วยอุดมการณ์ทางความคิดที่แตกต่างกัน แลกกับการได้รับรู้ประวัติศาสตร์การพลีชีพของยุวชนเหล่านี้ซึ่งผู้ชมคงต้องไปคิดต่อเอาเองว่าคุ้มค่าหรือเปล่า ไม่แปลกใจเลยที่ผู้กำกับเพิ่มเติมบทของนักข่าวสงครามเข้ามาในฐานะที่เป็นคนพยายามจะเปิดเผยเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ทั้งเรื่อง เราจะเห็นแค่เธอเดินไปมาทะเลาะกับผู้พันสตีเฟ่น (George Eads) นายทหารระดับสูงของสหรัฐฯที่ควบคุมปฏิบัตินี้เท่านั้น
วันนี้มาแนะนำหนังสงครามเกาหลีกันบ้าง เป็นสงครามที่ไม่ค่อยถูกสร้างหนังกันเท่าไหร่ จากผลงานของสองผู้กำกับKwak Kyung-taekและKim Tae-hoon หยิบยกวีรกรรมที่เกิดขึ้นจริงในช่วงสงครามเกาหลี เล่าเหตุการณ์ช่วงวันที่ 14-15 กันยายน 1950 หนึ่งวันก่อนการยกพลขึ้นบกที่อินซอน (Incheon)ของกองกำลังสหประชาชาติ ซึ่งนำทัพโดยนายพลแม็คอาร์เธอร์
กองทัพเกาหลีใต้ส่งกองกำลังเฉพาะกิจ หน่วยจู่โจมประกอบด้วยนักศึกษาวิชาทหาร 1 กองพัน 772 นาย ยกพลขึ้นบกหาดจางซารี (JANGSARI) เข้าทำการรบแบบกองโจร เพื่อเป็นการเบี่ยงเบนเป้าหมายที่แท้จริงของการยกพลขึ้นบกที่อินซอน ด้วยสภาพอากาศเลวร้ายจึงไม่มีการสนับสนุนกำลังปืนใหญ่ยิงปูพรมก่อนเริ่มยกพลขึ้นบก กองกำลังนศท.เกาหลีใต้มีระยะเวลาการฝึกฝนมาน้อยและแทบไม่มีความพร้อมในการรบ ด้วยอายุเฉลี่ยเพียง 17 ปี พวกเขายกพลขึ้นบกบนหาดจางซารีในเวลาย่ำรุ่งปะทะกับทหารเกาหลีเหนือที่รอคอยตั้งรับบนฝั่ง
การยกพลขึ้นบกดุเดือดยังกับเซฟวิ่ง The Battle of Jangsari ไพรเวท ไรอัน ปืนเล็กใหญ่ทุกขนาดเล็งไปยังร่างตะคุ่มๆของนศท. ที่ตะเกียกตะกายขึ้นฝั่ง สับสนอลหม่าน ทหารต่างฝ่ายต่อสู้เพื่อเอาชีวิตให้รอด ใครเคยดูหนังสงครามฝีมือเกาหลีใต้ คงจำกันได้ว่าแต่ล่ะเรื่องสมจริงมากขนาดไหน ประกอบกับการเล่าเรื่องราวแบคกราวของตัวละครแต่ล่ะคน สะท้อนความเจ็บปวดของคนเกาหลีในสงคราม โพรดักชัน เสื้อผ้า อาวุธทำได้ดี ยุทธโทปกรณ์บางชิ้นอาจจะมีไม่ตรงบ้างแต่ถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงครับ
ดูแล้วพอเนียนๆได้อยู่ เรื่องนี้เป็นภาคสองของหนังสงครามเกาหลีไตรภาค ดำเนินเรื่องต่อจากภาคแรกคือ Operation Chromite (2016) การรบที่จางซารีถูกนำเข้าชั้นความลับทางทหารเมื่อการยกพลขึ้นบกที่อินซอนประสบความสำเร็จ ต่อมาถูกเปิดเผยให้กับสาธารณะชนรับรู้โดยมีการตั้งคณะกรรมการจากผู้รอดชีวิตในปี 1980 ส่วนเรือ Moonsan พาหนะที่นำพวกเขายกพลขึ้นบกถูกค้นพบในปี 1997 บทของผู้การลี(Lee Myung-joon) รับบทโดย Kim Myung-min ผู้บังคับการกองกำลังเฉพาะกิจ เขามีพื้นเพจากทางเหนือของกรุงเปียงยาง เกาหลีเหนือ
นับถือศาสนาคริสต์และมีความเชื่อว่า ประเทศจะตกอยู่ในอันตรายหากปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ เมื่ออพยพมาเกาหลีใต้และเข้าศึกษาในโรงเรียนทหาร ต่อมานำการฝึกและคัดเลือกบรรดานักศึกษาวิชาทหาร รวมทั้งอาสาเป็นผู้นำหน่วยในการรบด้วย การปฏิบัติการที่จางซารีจุดมุ่งหมายสำคัญจะเป็นการตัดกำลังและปิดกั้นเส้นทางการส่งเสบียงของศัตรู ผู้กำกับเล่าว่า จากการค้นคว้าข้อมูลและสัมภาษณ์ผู้ที่รอดชีวิตและครอบครัวที่สูญเสีย พวกเขามีความยินดีที่เรื่องราวของตนจะถูกสร้างเป็นหนัง ปัจจุบันหาดจางซารี อยู่ที่ Yeongdeok ในจังหวัด Gyeongsang ของเกาหลีใต้
การสร้างหนังเรื่องนี้เป็นความอุตสาหะและตั้งใจของทีมงานและค่ายหนังที่จะถ่ายทอดประเด็นความกล้าหาญและเสียสละของบรรดานักศึกษาวิชาทหารเกาหลีใต้และเล่าขานชัยชนะของการรบที่ถูกลืม ซึ่งเป็นย่อหน้าเล็กๆแต่สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์สงครามเกาหลี คงไม่มีใครจะสร้างหนังสงครามเล่าเรื่องราวของวีรกรรมของชาติตัวเองได้ดีเท่าคนในชาติ ก็หวังว่า หนังสงครามที่ไทยมีแพลนจะสร้างในอนาคตขอให้มีดีเทียบเท่าเรื่องนี้ก็พอ เรื่องนี้ใครอยากดูเอาประวัติศาสตร์หรือจะดูเสพฉากแอคชันถือว่าได้ทั้งสองแนวเลย รีวิวเป็นตัวเลือกหยิบเอามาดูในช่วงเวลานี้ รักษาสุขภาพ ล้างมือบ่อยๆและถูกวิธี ขอให้สุขภาพแข็งเรงกันทุกคนนะครับ
สิ่งแรกที่ฉันสังเกตเห็นคือการถ่ายทำที่มีคุณภาพสูงและคำบรรยายที่ดี จากนั้นเมื่อเรื่องราวดำเนินไป ฉันก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นคนอเมริกัน/เกาหลีจับกลุ่มทหารพลีชีพ 773 นายอายุ 17 ปี เข้าโจมตีทหารเกาหลีเหนือที่ 5 จนเสียชีวิต ความตกใจครั้งใหญ่ที่สุดนอกเหนือจากความสูญเปล่าคือการเห็นรัฐบาลอเมริกันพยายามปกปิดเรื่องราวนี้โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลลับ และนายพลเกาหลีใต้ที่ชั่วร้ายสุดๆ ก็โยนความผิดให้พันเอกผู้กล้าหาญที่เป็นผู้นำการโจมตี โดยตัดสินประหารชีวิตเขาที่สูญเสียทหารไปจำนวนมาก นักข่าวสงครามหญิงของสหรัฐฯ เผยแพร่เรื่องนี้ เรื่องนี้จึงถูกยกเลิก และหลายปีต่อมาเขาก็ได้รับการยอมรับในกองกำลังของเขา เช่นเดียวกับการปิดล้อมเมือง Jadotville ชายเหล่านี้ต่อสู้กันและนักการเมืองอาวุโสก็ตำหนิพวกเขา เป็นภาพยนตร์ที่ดีมาก
8.1