The Addams Family (1991) อาดัมส์ แฟมิลี่ ตระกูลนี้ผียังหลบ 1
เรื่องย่อ
สัมผัสความเยือกเย็นสุดสยองแกมฮาหน้าตายของครอบครัว อาดัมส์ เมื่อพวกเขา ได้พบกับ คุณลุง เฟสเตอร์ ที่พลัดพราก กันไปนาน
ผู้กำกับ
- Barry Sonnenfeld
บริษัท ค่ายหนัง
- Paramount Pictures
- Scott Rudin Productions
นักแสดง
- Anjelica Huston
- Raul Julia
- Christopher Lloyd
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
หมื่นทิพชวนรำลึก “The Addams Family (1991) อาดัมส์ แฟมิลี่ ตระกูลนี้ผียังหลบ”
ดู The Addams Family รอบแรกเมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีหนังสไตล์นี้ออกมาตอบสนองต่อมเพี้ยนของผมได้เท่านั้นอีกเลยครับ
ครอบครัวอดัมส์นี้ถือกำเนิดครั้งแรกในรูปการ์ตูนคอมมิคในปี 1938 ครับ ก่อนจะมาดังอีกรอบตอนทำเป็นซีรี่ส์ในยุค 60 และ 70 เรียกว่าอเมริกันชนส่วนมากคุ้นกับซีรี่ส์ชุดนี้ดี
ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีการสร้าง The Addams Family ฉบับหนังโรงก็คือตอนที่ผู้อำนวยการสร้าง Scott Rudin แกนั่งรถตู้ แล้วก็ได้ยินคนหนึ่งฮัมเพลงธีมของ Addams แล้วสักพักทุกคนบนรถพากันฮัมเพลงนี้กันหมด Rudin เลยแน่ใจว่าถ้าทำเป็นหนังล่ะดังแน่
ตอนแรกทุกคนคิดตรงกันว่าคนเหมาะจะกำกับคือ Tim Burton แต่พี่ท่านไม่ว่าง หน้าที่เลยถูกส่งไปยัง Barry Sonnenfeld ผู้กำกับภาพที่เคยร่วมงานกับพี่น้อง Coen, Danny DeVito และ Rob Reiner มานั่งเก้าอี้กำกับเป็นหนแรก
หนังเพี้ยนได้ใจ ตั้งแต่ตัวละคร มือเดินได้ ญาติอิทท์ขนดก ของประกอบฉาก บรรยากาศ อารมณ์ขัน การเดินเรื่อง ดนตรี (ที่แสนจะยั่วล้อโดย Marc Shaiman) ทั้งหมดผสมรวมเป็นความลงตัวได้สำเร็จ
จุดที่ผมนับถือคือหนังทำให้เรารู้สึกชอบพวกอดัมส์ รู้สึกว่าพวกเขาเนี่ยแหละที่ปกติ ในขณะที่ตัวละครคนปกติทั่วไปต่างหากที่ดูน่าขำทั้งแง่การกระทำและวิธีคิด (โดยเฉพาะแม่หนูเนตรนารีผมบลอนด์นั่น)
ดูแล้วก็อดคิดแซวสังคมรอบตัวไม่ได้ ว่าสิ่งที่เรายึดมั่นนิยามกันว่า “ปกติ” และ “เพี้ยน” นั้น มันใช่จริงตามนั้นไหม
ดาราในเรื่องที่ดังอยู่แล้วก็ดังขึ้นอีก อย่าง Raul Julia ผู้ล่วงลับก็เป็นที่จดจำถึงขนาดไปไหนมาไหนเด็กๆ จะเรียกเขาว่าโกเมซทุกทีไป (ได้ข่าวว่าเขายิ้มกว้างทุกครั้งที่เด็กๆ จำเขาได้น่ะครับ), Christina Ricci ก็เกิดและติดภาพเวนส์เดย์ไปหลายปีทีเดียว
เกร็ดที่น่าสนใจก็คือ จริงๆ แล้วบทดั้งเดิมจะไม่เฉลยชัดๆ ว่าตกลงแล้ว เฟสเตอร์ (Christopher Lloyd) เป็นตัวจริงหรือตัวปลอม แต่ทีมงานหลายคนโดยเฉพาะ Ricci บอกว่าถ้าให้เฟสเตอร์เป็นตัวจริงหนังจะดูลื่นและน่าประทับใจกว่า (ตอนนั้นเธออายุ 10 ขวบครับ) ในที่สุดตอนจบก็เลยสรุปออกมาอย่างในหนังนั่นเอง
อีกหนึ่งหนังดูเพลินที่ไม่ค่อยมีให้ดูบ่อยๆ (ยอมรับว่าแอบคาดหวังกับ Dark Shadows อยู่พอตัว แต่ก็ยังทำได้ไม่ถึงขนาด แม้พี่ Tim จะคุมบังเหียนเองก็ตาม ^_^)
Vintage Motion
– ครบรอบ 30 ปี The Addams Family: ตระกูลนี้ผียังหลบ
.
ลำพังจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ได้มีความพิลึกอยู่ไม่น้อยเมื่อวันดีคืนดี โปรดิวเซอร์ สก็อตต์ รูดิน ได้โดยสารรถตู้ร่วมกับบรรดาผู้บริหารค่ายหนังแล้วลูกชายใครสักคนในนั้นร้องเพลงธีมของ The Addams Family ซีรีส์ที่เคยโด่งดังในยุค 60 เกี่ยวกับครอบครัวสุดประหลาด ซึ่งเรื่องของเรื่องคือทุกคนในรถพากันร้องตาม
.
“เป๊ะทุกท่อนทุกโน้ต” รูดินเผย เพียงเท่านั้น วันต่อมาพวกเขาลงมือปั้นโปรเจกต์หนังกันเลย
จากต้นตำรับการ์ตูนครอบครัวอาดัมส์ที่ ชาร์ลส์ อาดัมส์ วาดไว้ตั้งแต่ปลายยุค 30 หลายทศวรรษให้หลังดูเหมือนว่าไอเดียนี้ยังคงขายได้ อันความดาร์ค ความตลกร้ายนำเสนอมุมมองความคิดที่ว่าสีดำคือขาว ความมืดคือแสงสว่าง ความสยดสยองคือความรื่นรมย์ และความแปลกประหลาดคือความสมเหตุผล ซึ่งแท้จริงอาจไม่ได้ต่างไปจากความจริงที่เป็นอยู่นัก ครอบครัวอาดัมส์เพียงมองทะลุไปเห็นว่าโลกนี้เป็นโทนสีหม่นและเลือกโอบรับมัน
เดิมทีเคยมีการทาบทามผู้กำกับที่ช่ำชองงานแฟนตาซีอย่าง ทิม เบอร์ตัน กับ เทอร์รี่ จิลเลี่ยม เว้นแต่ทั้งคู่ปฏิเสธ รูดินจึงหันไปหาตัวเลือกที่คาดไม่ถึง นั่นคือ แบรรี่ ซอนเนนเฟลด์ ตากล้องที่ทำงานกับพี่น้องโคเอนในยุคแรกๆ และกำลังถ่ายเรื่อง Misery (1990) ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าอยากให้งานนี้เน้นวิชวล ภาพต้องดึงดูดโดดเด่น ดังนั้นซอนเนนเฟลด์ผู้หลงใหลงานวาดของอาดัมส์เป็นทุนเดิมจึงเข้ามาประเดิมกำกับหนังเรื่องแรก ก่อนจะได้ต่อยอดตำแหน่งนี้ไปอีกยาวๆ
“เมื่อได้อ่านสคริปต์ ผมรู้เลยว่าบทหนังไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ซอนเนนเฟลด์บรรยาย “แล้วพอผมนำไปชี้แจงกับสก็อตต์ เขาก็บอกว่า ‘นั่นแหละเหตุผลที่ฉันจ้างนาย เพราะนายมองปัญหาออกหมด’ ”
โดยคุณงามความดีที่สุดของผู้กำกับมือใหม่ในงานนี้เห็นจะเป็นการรวมทีมนักแสดง ซอนเนนเฟลด์ไม่ได้เลือกคนที่ดังที่สุด แต่เลือกคนที่ใช่ที่สุด เริ่มจาก ราอูล จูเลีย และ แองเจลิก้า ฮิวสตัน ในบทโกเมซ และมอร์ทิเชีย อาดัมส์ คู่สามีภรรยาที่แสนดูดดื่ม ฝ่ายชายนั้นลีลาจัดจ้านเปี่ยมด้วยแพสชั่นแห่งชีวิตขณะกำลังสร้างชื่อกับบรอดเวย์ ส่วนฝ่ายหญิงต้องใช้คำว่าสมบูรณ์แบบ แม้สตูดิโอต้องการคนมีชื่อเสียงกว่าอย่าง แชร์ ทว่าซอนเนนเฟลด์ยืนกราน บทนี้ไม่อาจเป็นใครอื่น
“งานเมคอัพเดือดมาก” แองเจลิก้าอธิบาย “มีทั้งยาง ทั้งสติ๊กเกอร์ติดอยู่เต็มหน้าเต็มหัวฉันไปหมด ไหนจะวิกผม เล็บปลอม ขนตา และชุดรัดทรง ซึ่งลำพังชุดอย่างเดียวก็ท้าทายเอาการเพราะมันรัดให้โค้งเว้าจนฉันแทบขยับตัวไม่ได้ ฉันจึงถ่ายทอดอิริยาบถของมอร์ทิเชียไปตามนั้น ให้เธอดูนิ่งไม่ไหวติ่ง แล้วพอถ่ายเสร็จ ฉันก็เอาของพวกนั้นไปเผาทิ้งให้สาแก่ใจ”
ทั้งยังได้ คริสโตเฟอร์ ลอยด์ มารับบทลุงเฟสเตอร์ ความเป็นอัจฉริยะเจ้าบทบาททำให้นักแสดงจาก Back to the Future ปั้นสีหน้าตัวละครจนเป็นเอกลักษณ์ กระนั้น แคสต์ชุดนี้ก็มีเซอร์ไพรส์เรื่อยๆ จนถึงบทของสองพี่น้อง พักส์ลีย์กับเวนส์เดย์
“ผมรัก คริสติน่า ริชชี่ และรู้ว่าเธอมีของอยู่แล้ว” ผู้กำกับกล่าว “แล้วเราก็ไปเจอพักส์ลีย์ (จิมมี่ เวิร์กแมน) ตอนเขามางานคัดตัวเป็นเพื่อนพี่สาวซึ่งออดิชั่นบทเวนส์เดย์ เตะตาเอาตอนเขานั่งรออยู่เฉยๆ นั่นแหละ”
เวลานั้น หลักฐานชี้ชัดว่าคริสติน่าในวัยสิบเอ็ดคือสาวน้อยมหัศจรรย์ นอกจากกลมกลืนกับบทเด็กผู้หญิงบุคลิกนิ่งๆ หลอนๆ เธอยังมีความเป็นผู้ใหญ่อย่างเหลือเชื่อ จนเกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ซึ่งทีมนักแสดงไม่แฮปปี้กับบทสรุปเดิมของหนัง ว่าเฟสเตอร์นั้นเป็นเพียงตัวปลอม พวกเขาจึงแต่งตั้งคริสติน่าเป็นกระบอกเสียงเพื่อโน้มน้าวเหล่าโปรดิวเซอร์
“เธออธิบายทุกอย่างละเอียดครบถ้วน” ซอนเนนเฟลด์นึกย้อน “แจกแจงเป็นข้อๆ อย่างกับพรีเซนต์งานพาวเวอร์พอยต์ เธอช่างเจรจาเสียจนเรายอมแก้บทใหม่ยี่สิบหน้า”
แม้แต่กับตัวละครปิดทองหลังพระอย่าง ติง เจ้ามือขยันก็ควรค่าให้เอ่ยถึง โดยเบื้องหลังการถ่ายต้องพึ่งพาเทคนิคสารพัด นอกจากได้ คริสโตเฟอร์ ฮาร์ท นักมายากลมาใช้มือแสดงอย่างน่าทึ่งจนดูราวกับมือด้วนๆ นั้นมีชีวิตจิตใจจริงๆ ในบางฉากของเจ้าติงต้องอาศัยกรรมวิธีสต็อปโมชั่นแบบที่ออกสิบวิในหนังแต่ใช้เวลาถ่ายไปกว่าแปดชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ได้เกิดปัญหามากมายในช่วงถ่ายทำ เริ่มจากงบบานปลายและกระบวนการล่าช้า จากนั้นพอถ่ายไปถึงสามในสี่ โอไรออน บริษัทผู้ออกทุนประสบปัญหาจ่อล้มละลายจึงต้องขายหนังต่อให้พาราเมาท์ แล้วพาราเมาท์ก็เปลี่ยนตัวประธานกระทันหัน โชคไม่ดีที่นายใหญ่คนใหม่นั้นไม่ชอบหนังอย่างแรง กลายเป็นความกดดันไปถาโถมใส่ซอนเนนเฟลด์ซึ่งถึงขั้นเป็นลมล้มฟุบ ต้องถูกส่งเข้าโรงพยาบาล แล้วระหว่างนั้น ตากล้องก็ชิงลาออก มีปัญหาใหม่ๆ เข้ามาไม่จบสิ้น
“การถ่ายทำคือฝันร้าย” ผู้กำกับยอมรับ “เหมือนผมโดนรับน้องหฤโหด”
เหตุนี้จึงมีการคาดการณ์ว่า The Addams Family (1991) คงทำเงินได้น้อยนิด แต่แล้วหนังแฟนตาซีทุนสร้าง 30 ล้านดอลลาร์ก็ทำเงินทั่วโลกได้กว่า 191 ล้าน สามารถนำครอบครัวอารมณ์ขันกวนๆ ร้ายๆ กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ผู้คนหลงใหลไปกับความประหลาด ไม่ว่างานโปรดักชั่นเนรมิตบรรยากาศในคฤหาสน์ โทนดาร์คคอเมดี้ และเนื้อหาเกี่ยวกับความแปลกแยกในผู้คน ถึงแม้แตกต่าง จะเห็นว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่มีใครที่ใจร้าย แถมอบอวลด้วยความโรแมนติก
มุมหนึ่ง มันได้สะท้อนสภาพความจริงของสังคมที่ที่ผู้คนมากมายมีความแปลกแตกต่าง ทว่าไม่อาจแสดงออก กลัวถูกมองเป็นแกะดำ ครอบครัวอาดัมส์จึงพูดแทนใจ กลายเป็นว่าหนังที่พล็อตไม่ได้ดีเด่เรื่องนี้ให้ความรู้สึกอิ่มเอม เหมือนกับครอบครัวอาดัมส์ที่ช่างดูไม่สมประกอบ แต่ในเวลาเดียวกันนั้น พวกเขาคือความสมประกอบที่สุดแล้ว รักอย่างไม่มีเงื่อนไข กลมเกลียว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ดูหนัง ออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
The Addams Family (2019) ตระกูลนี้ผียังหลบ
The Addams Family 2 (2021) ตระกูลนี้ผียังหลบ 2
6.3