Shazam (2019) ชาแซม
เรื่องย่อ
เราทุกคนต่างมีความเป็นซูเปอร์ฮีโร่อยู่ในตัวของเรา มันก็แค่ต้องใช้มนตร์วิเศษสักหน่อยเพื่อที่จะดึงมันออกมา ในกรณีของ “บิลลี่ แบทสัน” (แอชเชอร์ แองเจล) นั้นดึงออกมาโดยการตะโกนคำว่า SHAZAM! แล้วจากนั้นเด็กกำพร้าวัย 14 ปีที่ต้องเอาตัวรอดในเมืองใหญ่ก็จะกลายมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่วัยผู้ใหญ่ “ชาแซม” (แซ็คคารี่ เลวี่) ซึ่งพลังพิเศษนี้ได้รับการสืบทอดมาจากพ่อมดชราคนหนึ่ง เขายังคงความเป็นเด็กน้อยด้วยหัวใจที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายดั่งพระเจ้า ชาแซมจะได้สนุกสนานไปกับตัวของเขาในเวอร์ชั่นผู้ใหญ่ ด้วยการทำในสิ่งที่วัยรุ่นคนไหน ๆ ก็อยากจะทำด้วยพลังพิเศษต่าง ๆ แค่สนุกไปกับพวกมัน! เขาบินได้มั้ย? เขามีความสามารถในการ X-ray รึป่าว? เขาสามารถปล่อยลำแสงออกมาจากมือได้หรือไม่? เขาจะก้าวข้ามบทเรียนทางสังคมของเขาไปเลยได้มั้ย? ชาแซมมุ่งมั่นที่จะทดสอบขีดความสามารถของเขา ด้วยความบ้าระห่ำอันแสนสุขของเด็กน้อยคนหนึ่ง แต่เขาก็ต้องการที่จะเชี่ยวชาญการใช้พลังเหล่านี้ได้โดยเร็วเพื่อที่จะไปต่อกรกับพลังอำนาจอันร้ายกาจที่ถูกควบคุมโดย “ดร. แธดิอุส ซิวานา” (มาร์ค สตรอง)
ในปี 1974 ทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ค แธดเดียส ซิวานาในวัยเยาว์กำลังขี่รถ Cadillac Sedan Deville ปี 1979 กับพ่อและน้องชาย Sid ที่ชอบข่มเหงระหว่างพายุหิมะ และถูกพวกเขาเยาะเย้ยและคุกคามทางวาจาอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นเขาก็ถูกส่งไปยัง Rock of Eternity วิหารลึกลับที่ตั้งอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ที่นั่น เขาได้พบกับพ่อมดโบราณชื่อ Shazam ผู้ซึ่งใช้เวลาหลายศตวรรษในการตามหาผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์เพื่อมอบพลังและชื่อของเขาในฐานะแชมเปี้ยน หลังจากที่คนก่อนหน้านี้ [a] ได้ปลดปล่อยบาปมหันต์เจ็ดประการ แธดเดียสถูกเหล่าคนบาปล่อลวง ซึ่งสัญญาว่าจะมอบอำนาจให้เขาหากเขาปลดปล่อยพวกเขา พ่อมดเห็นว่าแธดเดียสไม่คู่ควรและเสกให้เขากลับไปที่รถ ความหงุดหงิดและสับสนของ Sivana นำไปสู่อุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่งผลให้พ่อของเขาเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวลงไปและยิ่งเคียดแค้นเขามากขึ้นไปอีก The Sins ส่งข้อความถึงแธดเดียสผ่านของเล่น 8-Ball ของเขาโดยบอกให้ไปหาพวกเขา
ในเมือง Fawcett เมืองฟิลาเดลเฟียในปัจจุบัน Billy Batson ลูกบุญธรรมวัย 14 ปียังคงหนีออกจากบ้านอุปถัมภ์อย่างต่อเนื่องเพื่อตามหาแม่ผู้ให้กำเนิดของเขาที่เขาถูกพรากจากกันขณะร่วมงานรื่นเริงเมื่อ 10 ปีก่อน เขาขังเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ในร้านและใช้คอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาแม่ของเขา ซึ่งไม่สำเร็จ เขาอยู่ในกลุ่มบ้านที่ดำเนินการโดย Víctor และ Rosa Vásquez กับลูกบุญธรรมอีก 5 คน ได้แก่ Mary Bromfield, Pedro Peña, Eugene Choi, Darla Dudley และ Freddy Freeman ผู้คลั่งไคล้ซูเปอร์ฮีโร่ ที่อื่น Sivana ที่ขมขื่นประสบความสำเร็จในภารกิจตลอดชีวิตของเขาเพื่อกลับไปยัง Rock of Eternity เขากลายเป็นภาชนะแห่งบาปเมื่อดวงตาหลอมรวมกับร่างกายของเขาและเอาชนะพ่อมด เขาใช้พลังที่เพิ่งค้นพบทันทีเพื่อฆ่าพ่อ พี่ชาย และคณะกรรมการของ Sivana Industries
บิลลี่ปกป้องเฟรดดี้จากการรังแกที่โรงเรียนและถูกไล่ล่าไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งเขาถูกส่งไปยังศิลาแห่งนิรันดร พ่อมดเลือกบิลลี่ให้เป็นแชมป์เปี้ยนคนใหม่ของเขา เมื่อพูดชื่อ Shazam (2019) ชาแซม บิลลี่ก็แปลงร่างเป็นซูเปอร์ฮีโร่ผู้ใหญ่ ดูเหมือนพ่อมดจะตายและทิ้งไม้เท้าวิเศษไว้เบื้องหลัง เฟรดดี้ได้รับความเชื่อมั่นจากบิลลี่และช่วยเขาสำรวจพลังที่เพิ่งค้นพบ ซึ่งรวมถึงพละกำลังเหนือมนุษย์ ความสามารถในการคงกระพัน และอิเล็กโทรคิเนซิส เมื่อพูดว่า “Shazam” อีกครั้ง เขาก็สามารถเปลี่ยนกลับเป็นร่างปกติได้ เฟรดดี้โพสต์วิดีโอไวรัลของซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ ส่วนบิลลี่เริ่มโดดเรียนเพื่อใช้พลังของเขาหาเงินและชื่อเสียง เขาทะเลาะกับเฟรดดี้หลังจากทำอันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจและช่วยรถบัสที่เต็มไปด้วยผู้คน Sivana มาถึงและเรียกร้องให้เขายอมจำนนต่อพลังของเขา บิลลี่ค้นพบว่าเขาสามารถบินและหลบหนีได้ เขารู้ที่อยู่ของแม่ผู้ให้กำเนิดและไปเยี่ยมเธอ แต่ก็ต้องเสียใจเมื่อรู้ว่าเธอทิ้งเขาในงานรื่นเริงหลังจากรู้สึกไม่คู่ควรในฐานะแม่ที่ยังเด็กและไม่ต้องการเขาในชีวิตอีกต่อไป
ซิวาน่าฉงนฉงายตัวตนของบิลลี่และจับพี่น้องบุญธรรมเป็นตัวประกัน บิลลี่ตกลงที่จะโอนพลังของเขาให้กับ Sivana เพื่อแลกกับความปลอดภัยของพวกเขา พวกเขาไปที่ Rock of Eternity เพื่อใช้ไม้เท้าของพ่อมดเพื่อส่งผลต่อการถ่ายโอน แต่เด็กๆ โจมตี Sivana บิลลี่สังเกตเห็นซิวาน่าที่อ่อนแอเมื่อบาปทั้งเจ็ดออกจากร่างของเขา Sivana ติดตามพวกเขาไปที่งานรื่นเริงฤดูหนาวและปลดปล่อยบาปให้กับฝูงชน เมื่อนึกถึงคำพูดของพ่อมด บิลลี่ใช้ไม้เท้าเพื่อแบ่งปันพลังของเขากับพี่น้องของเขา เปลี่ยนพวกเขาให้เป็นฮีโร่ผู้ใหญ่เหมือนเขาก่อนที่เขาจะทำลายไม้เท้า ครอบครัว Shazam ต่อสู้กับบาปในขณะที่ Billy เผชิญหน้ากับ Sivana บิลลี่ขอร้องให้เอ็นวี่ทิ้งซิวานาที่เปราะบางและจับพวกมันคืนหลังจากดึงดวงตาออกจากหัวของซิวาน่าอย่างแรง ดูหนัง ออนไลน์
ผู้กำกับ
เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก
บริษัท ค่ายหนัง
- นิวไลน์ซินีมา
- ดีซีฟิลมส์
- เดอะซาฟรานคอมพานี
- เซเวนบักส์โปรดักชันส์
นักแสดง
- แซคารี ลีวาย
- มาร์ก สตรอง
- แอชเชอร์ แอนเจิล
- แจ็ค ดีแลน เกรเซอร์
- จิมอน ฮอนซู
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
นักเลงหนัง
Shazam! ชาแซม รีวิวหนังฮีโร่เด็ก 8/10
#พูดคำวิเศษ สนุกเบาสมองดีครับ อย่าคิดมากกับหนังซึ่งเป็นฮีโร่สายฮาที่ออกแนวเด็กมากๆ (แต่บางฉากเด็กดูอาจไม่ฮานะ!!) หนังมีคติและผู้ปมตั้งแต่ต้นเรื่อง ห้ามเข้าสายอีกเช่นกัน เพราะเรื่องราวต่างๆถูกผูกตั้งแต่ช่วงต้นเรื่องนี่เองเลย เครียดๆกันมาแล้ว แวะไปดูอะไรๆเบาสมองบ้าง ก็ดีไม่น้อยเลยครับ หนังจบแล้ว ออกจากโรงรู้สึกว่าตัวเองเด็กขึ้นเลยครัช 😉
ชอบภาพและเสียงของหนังครับ แต่อย่างว่าบทหนังออกแนวฝันเฟื่องเด็กน้อยน่ารักไปหน่อยครับ (มองในมุมนี้จะสนุกมาก) แต่ถ้าเราตอนเด็กหรือเด็กๆได้ดูอาจจะกรี๊ดฟินแตกไปเลยก็ได้ใครจะรู้ คือมันไม่ได้เป็นหนังที่ดีที่สุดอะไร แต่ดูองค์รวมก็ยังถือว่าเป็นหนังฮีโร่ที่ดูได้สนุกอยู่ และหากเป็นไปได้ก็เชียร์ให้ดูกันครับ เพราะในอนาคตอันใกล้นี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นยุคของหนังซูเปอร์ฮีโร่ครองเมือง และเพราะเหตุนี้เอง อนาคตการจอยทีมหรือเข้าร่วมกับเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ในจักรวาล DC นั้นน่าจะมีแน่ๆครับ และ ชาาแซม คงได้มีบทบาทและส่วนร่วมไม่น้อยแน่ๆครับ เนื่องจากจริงๆแล้วพลังของแกก็เอาเรื่องอยู่ครับ ^^
#เซอร์ไพรส์ ก่อนจบเรื่องคือที่สุด ❤ และหลังจบมีอนิเมชั่นลายเส้นน่ารักๆและเกรียนๆให้ดู (แต่เร็วมาก) ดูไปก็ขำไป 😉 … พลังแกไม่ธรรมดาเลยนะ55
หนังมีเอนเครดิต 2 ตัว สำคัญ 1 เกรียน1 ครับ (ตัวหลังนี่ห่างจากตัวแรกนานครับ แวะไปเข้าห้องน้ำกลับมายังทันเลยครับ) และพอดูเสร็จจะร้อง อุทานว่า….ว่า..อะไรซักอย่างแหละครับ ^^ 😉
จริงๆนึกๆดูน่าจับมาเจอกับจอมขมังเวทย์บ้านเรา..แฮร่ ><
ปล. Shazam! มีชื่อเดิม ว่า Captain Marvel ^^
Shazam! (2019) IMDb 8.0/10 [13,381]
SHAZAM! 92% TOMATOMETER Reviews Counted (216) ; 90% liked it AUDIENCESCORE User Ratings (957)
เรื่องราวคร่าวๆ : จากเด็กน้อยผู้มีปมที่ฉับพลันต้องกลายมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ด้วยโชคชะตาและตัวตนที่ได้กำหนดเส้นทางสายฮีโร่ให้แก่เขา หากแต่ความเป็นเด็กน้อยกับภาระที่ยิ่งใหญ่มหาศาลนั้น จะส่งผลทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปอย่างไร สนุกไปกับการค้นหาพลังและหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของซูเปอร์ฮีโร่ คลอดจนบทเรียนต่างๆในชีวิตที่ผ่านมา และร่วมลุ้นกันว่าตัวเขาเองจะสามารถควบคุมพลังและต่อสู้กับวายร้าย เพื่อกอบกู้โลกแห่งความเป็นจริงที่เขาอยู่ได้หรือไม่!?…หาคำตอบกันในโรงกันครับ >< ทุกคนล้วนต่างมีความเป็นซูเปอร์ฮีโร่อยู่ในตัวของเราเองกันทุกคน เพียงแค่รอคอยจังหวะและโอกาสว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่เท่านั้น
Shazam : ชาแซม
หมวดหมู่ : แอ็คชัน / แฟนตาซี / วิทยาศาสตร์
ความยาว : 132 นาที
ผู้กำกับ : เดวิด เอฟ แซนด์เบิร์ก
นักแสดง : อาเชอร์ แอนเจิ้ล, ซาคารี เลวี, มาร์ค สตรอง และ แจ็ค ดีแลน เกรเซอร์
ค่ายภาพยนตร์ : Shazam/Warner Bros. Pictures
วันที่เข้าฉาย : 4 เมษายน 2019
บ่นบ้าภาษาหนัง V.2
เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่นั่งดูแล้วมีความสุข สดใส ปลื้มปริ่มไปทั้งเรื่อง
Shazam! Fury of the Gods (2023) #IMDB 7.1/10 #DC #WB
มารีบอธิบายเพิ่มก่อนที่จะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ 😁😁😁
ที่บอกว่า อยากเห็นซุปเปอร์แมนในเวอร์ชั่นที่สดใสแบบนี้
แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ พี่ซุปเราดีด ๆ แบบที่ชาแซมเป็นนะครับ มันคนละตัวละครกัน ออกตัวก่อนเลยว่า แอดโตมากับซุปเปอร์แมนเวอร์ชั่น คริสโตเฟอร์ รีฟ
ของผู้กำกับริชาร์ด ดอนเนอร์ ปี 1978 ซึ่งทำซุปเปอร์แมนออกมาได้สมบูรณ์แบบมากสำหรับยุคนั้น ได้เห็นคนบินได้ครั้งแรกบนจอภาพยนตร์ เห็นพลังของพี่ซุป
ที่มีความสมจริง สนุก ซาบซึ้ง และประทับใจมาจนทุกวันนี้ แล้วหลังจากนั้น พลังความสนุกก็ดร็อปลงมาเรื่อย ๆ ยิ่งทำยิ่งเละ ออกทะเลแบบหาฝั่งไม่เจอเลย
ทำซีรี่ส์ก็ไม่สนุก จนมาปี 2001 กับซีรี่ส์ Smallville (TV Series 2001–2011)
ที่เริ่มนับหนึ่งใหม่โดยการย้อนรอยไปเล่าเรื่องราวของซุปเปอร์แมน ในช่วงวัยรุ่นที่ยังอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ชื่อ สมอลวิลล์ ซึ่งตอนแรก ๆ ที่ออกมาตัวซีรี่ส์ค่อนข้างได้รับอิทธิพลมาจาก ซีรี่ส์ดังอีกเรื่องในยุคนั้น อย่าง The X-Files แฟ้มลับคดีพิศวง ที่เล่าเรื่องราวของคนที่ได้รับผลกระทบจากสะเก็ดดาวคริปตัน จนมีพลังพิเศษ แล้วก็ใช้พลังในทางที่ผิด ๆ จนกลายเป็นเคสพิศวงเป็นตอน ๆ ไป และมีการเปิดตัวร้ายคู่ปรับตลอดกาลอย่างเล็กซ์ ลูเธอร์
ที่ย้ายมาอยู่เมืองสมอลวิลล์ แล้วก็กลายมาเป็นเพื่อนซี้กับหนุ่มน้อยซุปเปอร์แมนของเรา จนซีรี่ส์เริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มเข้าเส้นเรื่องหลักของซุปเปอร์แมน ทำให้เห็นกันชัด ๆ เลย ซุปเปอร์แมนเติบโตมาแบบไหน ถึงได้จิตใจดีและมองโลกในแง่บวก เล็กซ์ ลูเธอร์ โตมาแบบไหนถึงได้กลายมาเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ซีรี่ส์ประสบความสำเร็จจนได้สร้างต่อเนื่องยาวนานถึง 10 ซีซั่น จนมีการต่อยอดให้กลับมาอีกครั้งบนจอภาพยนตร์กับ Superman Returns ปี 2006 ของผู้กำกับ Bryan Singer ผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรงที่กำลังฮ็อตสุด ๆ จาก X-Men สองภาคแรก หลังจากแจ้งเกิดกับหนังปล้นในตำนานอย่าง The Usual Suspects (1995)
Bryan Singer ถึงกับทิ้งงานกำกับ X-Men ภาค 3 เพื่อมากำกับ Superman เวอร์ชั่นนี้ ทำด้วยความรักและเคารพต้นฉบับปี 1978 ของผู้กำกับริชาร์ด ดอนเนอร์ สุด ๆ
เพราะตัวซีรี่ส์ Smallville ก็ประสบความสำเร็จ จากการยึดต้นฉบับปี 1978 เป็นหลัก ถึงขนาดใช้ ลานา แลงค์เวอร์ชั่นหนัง มารับบทเป็นแม่ Superman แต่สุดท้ายอย่างที่ทราบกัน ทุกอย่างที่คาดหวังกัน หนังลงทุนไปถึง $270,000,000 แต่ทำเงินกลับมาได้เพียง $391,081,192 จากรายรับทั่วโลก เรียกว่าเจ๊งสนิท พร้อม ๆ กับ Bryan Singer ที่ดูเหมือนจะเสียศูนย์ไปพักใหญ่เลย
ก่อนที่สตูดิโออย่าง วอเนอร์จะพา Superman กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่เห็น Batman ของเด็จพ่อโนแลน ประสบความสำเร็จ ในแนวทางสายจริงจังสุด ๆ เป็นหนังแอคชั่นชั้นดี ที่เยี่ยมยอดไปทุกส่วน ทั้งตัวนักแสดง ทั้งเนื้อเรื่อง ทั้งตัวหนัง วอเนอร์ก็เลยพา Superman ไปในแนวทางนั้นบ้าง โดยมอบให้ Zack Snyder ที่ดังมาจากงานแฟนตาซีจัด ๆ สายดาร์ด อย่าง 300 (2006) กับ Watchmen (2009) มาพลิกโฉมใหม่ให้ Superman พร้อมแจ้งเกิด Henry Cavill หนุ่มหล่อ กล้ามโตที่ดูเหมาะกับบท Superman สุด ๆ ใน Man of Steel (2013) หนังประสบความสำเร็จ ในระดับที่มีความหวังขึ้นมาเลยว่า Superman กลับมาแล้ว แต่ ….
สุดท้ายด้วยความรีบเร่งเกินไปที่จะรวมทีม แข่งกับฝั่ง Marvel ที่ประสบความสำเร็จสุด ๆ กับ The Avengers (2012) หรือความพยายามที่จะพาจักรวาลซุปเปอร์ฮีโร่ของ DC เข้าสู่โหมดสายดาร์คเต็มพิกัดของ Zack Snyder ที่ทำให้ทุกอย่างที่คาดหวังล่มสลายไปหมด จนเป็นเหตุให้ วอเนอร์ ต้องรีเซ็ท รีบูทจักรวาลใหม่อีกครั้ง กับการมาของท่านประธาน เจมส์ กันน์ ผู้กำกับที่มาแรงสุด ๆ
ของฝั่ง Marvel ที่โยกมาเป็น ประธานคุมงานจักรวาล DC เอ่อ อันนี้ยังไม่ได้เข้าเรื่อง Shazam เลยใช่มะ 5555+ Shazam! (2019) เป็นซุปเปอร์ฮีโร่นอกสายตาของ Zack Snyder ที่ไม่ได้เอามารวมกับจักรวาลดีซี ของแกด้วย เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ที่สดใสมาแต่ไกลเลย ทั้งทั้งที่กำกับโดย ผู้กำกับสายหนังสยองขวัญอย่าง Lights Out (2016) กับ Annabelle: Creation (2017) ที่ก่อนหนังจะฉาย ไม่มีใครคิดเลยว่าหนังจะประสบความสำเร็จมากมายอะไร แต่อย่างที่เห็น หนังสนุกโคตร ๆ มุกเด็กในร่างผู้ใหญ่ การแปลงร่างแบบเชย ๆ ด้วยการตะโกนว่า ชาาแซมมม !!! มันเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่ญี่ปุ่นสมัยก่อนเลยที่ต้องตะโกนว่า แปลงร่างงงงง !!!
หนังสนุกในแบบที่หนังซุปเปอร์ฮีโร่ควรจะเป็น ดราม่าเบาๆ พอหอมปากหอมคอ การเรียนรู้ที่จะเติบโตของเด็กกำพร้าอย่าง บิลลี่ การยอมรับครอบครัวใหม่ที่ต้องไปอาศัยอยู่ด้วยกัน หนังสนุกในแบบหนังวัยรุ่นเรื่องนึงเลย และ Zachary Levi ก็มารับบทซุปเปอร์ฮีโร่หัวใจวัยรุ่นได้โคตรฮา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เป็นแค่ตัวประกอบในหนังมาร์เวลอย่าง ธอร์ ด้วยซ้ำ
Shazam! มาโทนสดใส และ สนุกสนาน ในแบบที่ Superman เคยเป็น แต่เพิ่มความดีด ความฮาแบบเด็ก ๆ เข้าไปมากเป็นพิเศษ ตามเนื้อเรื่องของตัวละครซุปเปอร์ฮีโร่ตัวนี้ มันเป็นโทนหนังที่ทำให้ Superman ปี 1978 และ Smallville (2001) ประสบความสำเร็จมาแล้ว และที่อธิบายมาทั้งหมด เพื่อจะบอกว่า โทนสดใสและสนุกสนานแบบนี้แหละ โคตรเหมาะกับ Superman แล้ว ชายจากต่างดาวที่จิตใจดี และมองโลกในมุมบวก
พร้อมช่วยเหลือทุกคนบนโลก แค่ไม่ต้องดีดให้มากแบบ Shazam! ให้ดูโตขึ้นมาอีกวัยนึง แอดว่าผู้กำกับ เจมส์ กันน์ มาแนวนี้แน่นอน เพราะแย้มออกมาแล้วนิว่าจะกำกับ Superman และเล่าเรื่องราวของ Superman ในวัยหนุ่ม เลยจำเป็นต้องตัด Henry Cavill ออกจากตัวเลือก บ่นบ้าไปเรื่อยตามประสา #บ่นบ้าภาษาหนัง ที่คงจะเป็นครั้งแรกที่ต้องตัดออกเป็น 2 Part บ้าง สำหรับรีวิวหนังเรื่อง Shazam! Fury of the Gods อันนี้ยังไม่ได้พูดถึงตัวหนังเลย เด๋วมาคุยกันต่อใน Part 2 นะครับ
ขอบคุณครับ
เด็กน้อยวิจารณ์หนัง
Shazam! ( 2019 )
7/10
“ สนุก ดูเพลิน ทั้งฮา และโคตรเกรียน “
( เรื่องย่อ )
⁃ เราทุกคนต่างมีความเป็นฮีโร่อยู่ในตัว แต่เจ้าหนูวัย 14 ปี บิลลี่ แบทสัน ( แอชเชอร์ แองเจล ) นั้นพิเศษกว่าคนอื่น เมื่อเพียงตะโกนคำว่า Shazam! เขาก็จะกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ร่างผู้ใหญ่ ชาแซม ( แซ็คคารี่ เลวี่ ) ซึ่งได้รับถ่ายทอดพลังวิเศษจากพ่อมดชรา บิลลี่สนุกกับการสำรวจพลังนี้ ด้วยการทำสิ่งที่วัยรุ่นทุกคนต้องอิจฉาอย่างบ้าระห่ำ แต่ความสนุกก็ต้องเจออุปสรรค เมื่อเขาจำต้องฝึกพลังให้เชี่ยวชาญโดยไว เพื่อใช้ต่อกรกับอำนาจร้ายกาจที่ควบคุมโดย ด็อกเตอร์ แธดิอุส ซิวานา ( มาร์ค สตรอง )
( รีวิว )
⁃ ในที่สุดค่าย DC ก็ได้ทำการเปิดตัวฮีโร่ที่เป็นขวัญใจเด็กๆ นามว่า Shazam! มาสู่รูปแบบภาพยนตร์ซะที
⁃ ซึ่งแน่นอนว่า ความน่าสนใจมีอยู่ตรงที่ หนังจะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาจากคอมมิคอย่างไร ทั้งในเรื่องของพ่อมด , เวทมนตร์ , อภินิหารต่าง , เรื่องราวของเหล่าปีศาจ ,รวมไปถึงเหล่าเด็กๆ กำพร้า และปมปัญหาของตัวละครอย่างบิลลี่เอง ล้วนแล้วแต่น่าสนใจทั้งสิ้น ซึ่งผลลัพธ์ออกมาหลังจากที่ได้รับชม ก็ถือว่าค่อนข้างที่น่าจะพอใจในระดับนึงสำหรับความเห็นส่วนตัวของผม
⁃ เอาละเข้าถึงเนื้อหากันดีกว่า หนังทำออกมาได้ดูสนุก ดูเพลิน ทั้งฮา และโคตรเกรียนในเวลาเดียวกัน ทั้งเสน่ห์ของตัวละครเหล่าเด็กกำพร้าต่างๆ ล้วนทำออกมาได้น่าสนใจ และที่ขโมยซีนจริงๆ คือ เจ้าหนู แจ๊ค ไดแลน เกรเซอร์ ที่รับบท เฟร็ดดี้ ในเรื่อง ล้วนทำออกมาได้โดดเด่น และน่าสนใจกับตัวละครตัวนี้ และเข้าคู่กับเจ้าหนูบิลลี่ ( แอชเชอร์ แองเจล ) ในเรื่องได้เป็นอย่างดี
⁃ ส่วนพาร์ทแอ๊กชั่นทำออกมาได้ค่อนข้างดีในระดับนึง เพียงแต่มีน้อยไปนิด ซึ่งหนังค่อยๆสอดแทรกพาร์ทดราม่า พาร์ทตลก และพาร์ทตัวละครวัยรุ่นต่างๆ ได้ออกมาอย่างลงตัว ซึ่งตรงนี้พอที่จะทดแทนในข้อเสียตรงส่วนพาร์ทแอ๊กชั่นที่มีอยู่ไม่มากได้
⁃ แต่ผมชอบตรงที่ ผู้กำกับอย่าง เดวิด เอฟ.แซนเบิร์ก ได้ใส่ลายเซ็นเฉพาะตัวที่เคยกำกับหนังสยองขวัญอย่าง Lights Out ( 2016 ) และ Annabelle: Creation ( 2017 )มาก่อน ตรงที่มีการเล่าเรื่องในบางช่วงชวนดูสยองขวัญนิดๆ ดูน่ากลัวและชวนขนลุกกับเหล่าสัตว์ประหลาด และทำให้วายร้ายในเรื่องอย่าง ด็อกเตอร์ แธดิอุส ดูน่ากลัวในอำนาจแห่งด้านมืดของตัวละครตัวนี้ได้ ซึ่งตรงนี้เอง ผู้กำกับได้เอาเอกลักษณ์และลายเซ็นในการเล่าเรื่องของเขามาสอดแทรกเข้ามาได้ดีพอสมควรนั้นเอง
⁃ แต่หนังเองกลับมีข้อเสียจุดใหญ่ตรงที่ การเล่าเรื่องในช่วงท้ายในจุดไคลแมกซ์ไม่พีคเท่าที่ควร และตัวละครอย่างบิลลี่ บุคลิกค่อนข้างเงียบขรึม ซึ่งดูขัดแย้งกับบุคลิกเกรียนๆในตอนแปลงร่างเป็น ชาแซม ซึ่งจุดนี้ไม่ใช่ว่า แซ็คคารี่ เลวี่ เล่นไม่ดี คือ เจ้าตัวเล่นดีในระดับนึง เพียงแต่บุคลิกมันดูขัดแย้งจนแทบไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองคนนี้จะเป็นบุคคลเดียวกัน
⁃ ส่วนข้อเสียที่มีเพิ่มเติม คือ หนังสามารถเล่าเรื่องให้ลงตัวและกลมกล่อมกว่านี้ได้ แต่กลับไม่ถึงจุดพีคอย่างที่คนดูอย่างผมหวังเอาไว้ ทั้งพาร์ทแอ๊กชั่นที่มีน้อยเกินไป ทั้งพาร์ทดราม่าระหว่างบิลลี่กับการตามหาแม่ที่แท้จริง ( ซึ่งตรงนี้แอบเสียดายมากๆ หนังสามารถขยี้ได้สุดๆให้มากกว่านี้ได้ ) และความสัมพันธ์ระหว่างบิลลี่กับคนในครอบครัวบ้านเด็กกำพร้า ซึ่งคงจะดีกว่านี้ ถ้าหนังเน้นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครต่างๆให้มากกว่าเดิม เพียงแต่ทุกอย่างทำออกมาได้แค่เกือบ ซึ่งผมเองได้แต่เสียดายในส่วนนี้อย่างมากครับ
⁃ แต่อย่างน้อย ก็ขอชื่นชมที่ DC กล้าที่จะเล่าเรื่องได้ฉีกแนวจากเรื่องอื่นๆที่เคยนำเสนอมา ทั้งโทนที่ดูสดใส เรื่องราวของชาแซม ที่ดูโค-ตะ-ระ เกรียนได้ใจมากพอควร และมุมมองในช่วงการก้าวพ้นระหว่างวัย ทั้งชีวิตวัยรุ่น การค้นหาตัวตนที่แท้จริง และบทสรุปที่ทำให้ ชาแซม กลายเป็นฮีโร่ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเหมาะสมไหมกับพลังพิเศษที่ได้มา ซึ่งตรงนี้แหละหนังทำออกมาได้ดี และสนุกในระดับนึงครับ
⁃ สรุปเลยแล้วกัน Shazam! ( 2019 ) เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ ที่ทำออกมาได้ดูเพลินๆ ดูสนุกสนานและมีโทนสดใสมากกว่าเรื่องอื่นๆในค่าย DC เพียงแต่มีข้อเสียอยู่พอสมควรที่ทำให้การให้คะแนนของผม เลยออกมาอยู่ที่ 7/10 คะแนนครับ
⁃ ทิ้งท้ายอีกนิด มี end credits อยู่สองตัว ซึ่งขอบอกเลยว่า ไม่ควรพลาดในการรอเลยจริงๆ
หนังโปรดของข้าพเจ้า
Shazam! (2019) เข้าฉาย 4 เมษายนนี้
เลิฟเลย ชอบความติงต๊องแบบเด็กได้สวมบทเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เหมือนดูหนังเด็กผจญภัยแต่มาในรูปแบบซูเปอร์ฮีโร่มีพลังวิเศษที่คุ้นเคย มุกตลกนี่จังหวะแม่นมาก ขำลั่นแทบทุกมุก ขนาดเดามุกได้ก่อนแล้วยังขำเลย หนังทำออกมาได้บันเทิงขั้นสุด เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าฮีโร่ไม่จำเป็นต้องดาร์ค และการเล่าแบบสูตรหนังกำเนิดฮีโร่ก็ดีได้ถ้าองค์ประกอบมันเจ๋งพอ เห็นแบบนี้แล้วสบายใจขึ้นเยอะ เพราะทิศทางหนังเดี่ยวซูเปอร์ฮีโร่ของจักรวาล DC เริ่มดูดีขึ้นแบบเห็นได้ชัดมาก นับตั้งแต่ Wonder Woman, Aquaman จนมาถึง Shazam! อย่างสองเรื่องหลังที่ใช้ผู้กำกับที่โด่งดังจากสายสยองขวัญมาทำหนังฮีโร่ที่เล่าตามสูตรก็ยังมีความโดดเด่นด้วยสไตล์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ผู้กำกับดูมีอิสระในการสร้างสรรค์ผลงาน แล้วเขาเหล่านั้นก็โชว์ให้เห็นแล้วว่า DC มีของดีแค่ต้องอยู่ในมือคนที่เหมาะสมเท่านั้นเอง
‘บิลลี่ แบตสัน’ พลัดหลงกับแม่ตั้งแต่เด็กจนต้องมาอาศัยหาคนอุปการะเลี้ยงดู แต่เขาดูจะหมกมุ่นกับการตามหาแม่มากกว่าจะสนใจครอบครัวที่รับอุปการะ จนกระทั่งเขาได้ย้ายมาอยู่กับครอบครัวใหม่ที่มีเด็กอุปถัมภ์ถึง 5 คน และบังเอิญถูกเลือกให้เป็นแชมป์เปี้ยนรับพลังจากพ่อมดมาเป็น ‘ชาแซม’ (Zachary Levi) เพียงแค่เอ่ยนาม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เขาถูกตามล่าจากตัวร้ายอย่าง ‘แธดดีอุส’ (Mark Strong) การจะเอาชนะด้วยตัวคนเดียวคงเป็นเรื่องยากถ้าปราศจากความช่วยเหลือจากครอบครัวที่จะทำให้เขาได้เรียนรู้การเป็นฮีโร่
ต้องยอมรับว่าการเล่าเรื่องหลายฉากใน Shazam! มันมีความจำเจแบบตัวร้ายสายลีลาท่าเยอะ ขู่อยู่นั่นแหละไม่ลงมือสักที หรือปมความขัดแย้งเรื่องครอบครัวก็ไม่ได้เล่าหนัก ๆ ออกจะเป็นการเล่าเบา ๆ เพื่อไว้คลี่คลายหรือสนับสนุนเรื่องแก๊งเด็กมากกว่า ทีนี้พอไปดูการช่วยเหลือกันในกลุ่มเด็กมันก็ฟีลแบบหนังเด็กที่จะมีความกล้าหาญเกินวัยและเกินจริงอยู่ แต่ด้วยการเล่าที่สนุกมากกกกกก เดินเรื่องเร็ว แอ็คชั่นจัดว่าแจ่มสมราคาหนัง DC (ในโทนไม่ได้จัดหนักเหมือนฮีโร่คนอื่น) แทรกมุกง่าย ๆ แต่เล่นได้ฮาสุด ๆ เข้ามาตลอด และการแสดงสายคอมเมดี้สุดยอดเยี่ยมของ แซ็คคารี่ เลวี่ ที่เป็นผู้ใหญ่หัวใจเด็กเห่อหxxย ล้วนเป็นองค์ประกอบเสริมที่ทำให้ Shazam! เป็นหนังเด็ดดวงขึ้นมาหลายเท่าตัว ไม่ต้องแปลกใจกับกระแสตื่นเต้นกับหนังเพราะคอนเฟิร์มเลยว่าของเขากาวจริง!
ป.ล. มี end credits 2 ตัว แนะนำว่าอยู่รอให้จบนะ ไม่ทิ้งลายความเกรียน
Director: David F. Sandberg (ผู้กำกับ Lights Out, Annabelle: Creation)
story: Henry Gayden, Darren Lemke
screenplay: Henry Gayden
Genre: action, adventure, comedy, fantasy
7.5/10
ตีตั๋วชนโรง
รีวิว Shazam!
ชาแซม ปรากฎตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูนปี 1940 เรื่อง Whiz Comics #2 และผ่านไปเกือบ 80 ปี ชาแซมก็ได้ปรากฎตัวครั้งแรกบนแผ่นฟิล์มในปี 2019 แม้ไม่ใช่ชื่อตัวการ์ตูนที่คนไทยคุ้นหู แต่การลองเปิดใจเข้าไปดูชาแซมฉบับภาพยนตร์ ก็ทำให้ได้รับความประทับใจกลับบ้านไป
เพราะด้วยความที่ร่างจริงของชาแซมเป็นเพียงเด็กชายวัย 14 ธรรมดาๆคนนึง ที่จับพลัดจับผลูได้รับพลังมหาศาลจากพ่อมด จึงทำให้หนังมีมุมมองน่ารักของเด็กชายและคนใกล้ตัว ที่มีต่อพลังวิเศษที่เด็กชายได้รับมา เกิดเป็นมุกตลกต่างๆที่ดูแล้วก็ฮาตามและน่ารักดี
แซ็คคารี ลีวาย รับบทเป็นชาแซม ที่ทำให้เราเชื่อ ว่าเค้าคือเด็กในร่างผู้ใหญ่ คิดว่าในตัวตนจริงๆของเค้า ก็น่าจะยังมีความเป็นเด็กอยู่สูง เพราะมีข้อมูลว่า เวลาว่าง เขาก็ยังชอบเล่นวีดิโอเกมส์แบบเด็กๆอยู่เลย
แต่ด้วยความเป็นเด็ก คาร์แรคเตอร์ชาแซมมันก็จะมีความเวิ่นเว้อหรือสนุกสนานบ้าบอตามประสาเด็กอยู่สูง ลองคิดดูว่า อยู่ดีๆเด็กคนนึงสามารถกลายร่างเป็นผู้ใหญ่ได้ เด็กคนนั้นจะพาร่างผู้ใหญ่ของเขาไปลองทำอะไรดูบ้าง ซึ่งหนังก็เล่นสนุกกับประเด็นนี้พอสมควร และเรียกเสียงฮาได้ดี
และไม่ใช่แค่การลองเล่นหรือทำอะไรสนุกๆ แต่ภาคเด็กของชาแซมยังเป็นคนที่อยู่ในภาวะสับสนอีกต่างหาก รับบทโดยหนุ่มน้อยหน้าหวาน Asher Angel เขาเป็นเด็กกำพร้าที่พยายามตามหาแม่ ที่พลัดหลงกันตอนเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ หนีออกจากบ้านเด็กกำพร้านับครั้งไม่ถ้วน และอยู่ในช่วงปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวใหม่ที่รับเค้าไปอุปการะ พร้อมพี่น้องเด็กกำพร้าวัยไล่เลี่ยกันอีก 5 คน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ ก็ทำให้หนังชาแซม เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีความเป็นดราม่าอยู่สูง หรือจะเรียกว่าเป็นหนัง Coming of age หรือการเรียนรู้เติบโตของวัยรุ่น ผ่านรูปแบบของหนังซูเปอร์ฮีโร่ก็ว่าได้
ซึ่งปกติไม่ค่อยได้เห็นความอบอุ่นใจอะไรแบบนี้นักในหนังซูเปอร์ฮีโร่ อาจไม่ถูกใจคนที่ชอบดูซูเปอร์ฮีโร่ในสไตล์เดิมๆซักเท่าไหร่ แต่ถ้าดูแบบเปิดใจจะพบว่า พาร์ทดราม่าก็ทำได้น่าสนใจเพราะมีความสะท้อนปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้นได้จริงในสังคม และทำให้อยากติดตามว่า ในที่สุดแล้ว ชีวิตของเด็กชายชา แซมจะลงเอยยังไงกันแน่
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาของฉากแอคชั่น ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องของเด็ก เพราะแม้จะเป็นเด็ก แต่เมื่อต้องแปลงกายต่อสู้ในร่างผู้ใหญ่ที่มีพลังมหาศาล ตัวร้ายก็ไม่มีออมมือ เอาถึงตายกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่า จัดหนักจัดเต็มและได้มันส์กับการต่อสู้แน่นอน(แม้อาจจะต้องรอนานไปนิด กว่าการต่อสู้แบบจริงจังจะเริ่มต้นขึ้น) และทีเด็ดของการต่อสู้ ก็อยู่ตรงท้ายเรื่องนี่แหล่ะ แต่จะเป็นอะไรนั้น ต้องไปดูกันเอาเอง
สรุปในภาพรวม Shazam! เป็นหนังที่ตีตั๋วดูได้โดยไม่รู้สึกเสียดายเงิน มีอะไรใหม่ๆที่ไม่ซ้ำซากกับหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ คิดว่าถ้าหนังประสบความสำเร็จแล้วมีภาคต่อ(ซึ่งก็ปูทางไว้แล้ว)ภาคต่อจะต้องสนุกและมันส์ยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า เพราะการปูพื้นต่างๆนาๆเกี่ยวกับที่มาที่ไปของตัวชา แซม ไม่น่าจะมีอะไรต้องบอกเล่าให้เวิ่นเว้อมากความกันอีกต่อไปแล้ว เพราะคนดูได้รู้จักชีวิตของเด็กชายบิลลี่ แบทสัน หรือเด็กชายชาแซม กันแบบทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว
6.3