ดูหนัง Pawn (2020) เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ในปี 1993 Doo-Seok (Sung Dong-Il) ทำงานเป็นนักทวงหนี้ เขาดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วเขามีหัวใจที่อบอุ่น วันหนึ่งเขาไปหามยองจา (คิม ยุนจิน) เพื่อทวงหนี้ โดยไม่คาดคิด Myung-Ja ให้ Seung-Yi (Park So-Yi) ลูกสาวตัวน้อยของเธอเป็นหลักประกัน Myung-Ja เป็นผู้อพยพผิดกฎหมายและเธอถูกเนรเทศออกจากเกาหลีใต้ ทันใดนั้น Doo-Seok ก็กลายเป็นผู้ปกครองของ Seung-Yi
ดูหนัง Pawn (2020) เต็มเรื่อง
เป็นภาพยนตร์เกาหลีที่โดดเด่นอีกเรื่องของปี 2020 ที่ติดอันดับ TOP10 ในหนังทำเงินของปี ซึ่งเล่าเรื่องราวอันแสนอบอุ่นหัวใจ และทำเอาร้องไห้ไม่หยุดไปกับความสัมพันธ์ที่เริ่มจากการที่หนูน้อยน่ารักตกเป็น ‘ของจำนำ’ แล้วพัฒนากลายเป็นความรักความผูกพันเชิงครอบครัว ความน่าสนใจของภาพยนตร์ Pawn คือเป็นหนังแนวดรามาผสมคอมมาดี้ที่ดูสนุก จับใจได้ไม่ยาก ด้วยพลอตการพัฒนาความรักความผูกพันในเชิงความเป็นครอบครัว
โดยใช้กิมมิคเสน่ห์ของนักแสดงเด็กตัวน้อยๆ ที่ทั้งน่ารักน่าเอ็นดู ฝีมือเป็นธรรมชาติ มาเป็นตัวเรียกคะแนน แบบที่ทำให้ผู้ชมหลายๆคนจะต้องแว้บนึกถึงหนังดังเรื่อง Miracle in Cell No.7 (2013) ขึ้นมาทันที อุปสรรคความรักของหนูน้อยเยซึงกับพ่อยงกู ใน Miracle in Cell No.7 นั้นมาจากพลอตห้องขังนักโทษ แต่พลอตของ Pawn ที่ทำหน้าที่เป็นตัวขัดแย้งการขับเคลื่อนเส้นทางสานความรักก็คือ หนูน้อยซึงอีที่เป็นแค่ ‘ของจำนำ’ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นตัวประกันหนี้ชั่วคราว!!
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1993 ที่เมืองอินชอน พนักงานทวงหนี้ของบริษัทเงินกู้นอกระบบ พัคดูซอก (รับบทโดย ซองดงอิล) ที่มีรุ่นน้องคนสนิท จงแบ (รับบทโดย คิมฮีวอน) คอยติดตามทวงดอกทวงต้นจากลูกหนี้ที่ส่วนใหญ่ก็มักชอบบิดพริ้วเบี้ยวนัดเสมอ ดูซอกจะมีความเก๋า ดุดัน ข่มขู่จริงจังกว่า ส่วนจงแบก็จะคอยเป็นลูกคู่ว่าตามหรือเป็นสมุนมือเท้าให้กับลูกพี่ตามแต่จะสั่งและสอน แม้ว่าความขี้สงสัยแบบซื่อๆของเขามักพาปากขัดลูกพี่ให้ผู้ชมได้ฮาอยู่เสมอ
วันหนึ่งระหว่างการตระเวนเก็บหนี้ ดูซอกและจงแบบังเอิญเจอลูกหนี้ค้างจ่ายหลายเดือน มยองจา (รับบทโดย คิมยุนจิน) กับลูกสาววัย 9 ขวบ อีซึงอี (รับบทโดย พัคโซอี) แต่มยองจาก็ยังขอผลัดยืดจ่ายไปอีก ดูซอกจึงฉวยยึดเอาซึงอีมาเป็นของจำนำชั่วคราว หวังแค่จะข่มขู่ให้กลัว จะได้รีบมาจ่ายหนี้ไถ่ตัวคืนในวันรุ่งขึ้น ยังไงซะ มยองจาก็ไม่มีทางกล้าไปแจ้งความ เพราะเธอเป็นคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองมา แต่ทว่า โชคร้ายที่มยองจาเกิดถูกทางการจับกระทันหัน จะต้องถูกส่งตัวกลับจีน มยองจาจึงฝากฝังขอให้ดูซอกช่วยติดต่อลุงของซึงอี
เพื่อรับซึงอีไปอุปการะและจะได้ใช้หนี้ให้แทนด้วย แต่ไปๆมาๆ ลุงซึงอีก็ใช่ว่าจะเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ดี ก่อเรื่องที่ทำให้ดูซอกและจงแบต้องรีบแจ้นไปเซฟตัวหนูน้อยกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ซึงอีเองก็ดูจะมีความไว้ใจและมีความสุขที่จะอยู่กับสองลุงนี้มากกว่าด้วย ซึงอีจึงกลายเป็นสมาชิกของครอบครัวของสองลุงไปนับจากนั้น อ่า..นี่มันเข้าทำนองเป็น สต็อกโฮล์ม ซินโดรม (Stockholm Syndrome คืออาการที่ตัวประกันหรือเชลยเกิดรัก ชอบ หรือเห็นใจคนร้าย อาจถึงขั้นย้ายข้างเป็นพวก หรือปกป้องคนร้ายด้วยซ้ำ)
ความน่ารักชวนเอ็นดูขำๆไปกับบุคลิกดุดันกระด้างของดูซอก (ซึ่งเข้ากับหน้าตาซองดงอิลมาก) เป็นอาจอชิ (ลุง) ที่มีความปากกับใจไม่ตรงกัน แต่มักเผลอใจอ่อน แพ้ทางซึงอีตลอด ในระดับที่เรียกว่ารักจนสปอยล์เกินตัวเกินกำลังเสียด้วย ไม่ว่าจะของกิน เสื้อผ้า วันเกิด คอนเสิร์ทศิลปินโปรด ความเป็นห่วงเป็นใย ปกป้องดูแล ให้การศึกษา และสร้างเป้าหมายอนาคตชีวิตให้อย่างจริงใจ
ความช่างคิดของบทสนทนาที่ดูซอกชอบเรียกซึงอีว่า ‘ทัมโบ’ (ตรงตามชื่อเรื่อง 담보) ซึ่งแปลว่าตัวประกันหรือการจำนำไว้ ถ้าให้ผู้เขียนเรียกสนุกขำๆก็คงนึกถึงคำประมาณว่า ‘นังหนูแปะโป้ง’ ซึ่งทำเอาซึงอีต้องถามกลับด้วยความไม่รู้ว่า ทัมโบ คืออะไร ดูซอกก็ให้คำอธิบายที่น่ารักดีว่า ‘ใครก็ตามที่ยืมเงินไปแล้วยังไม่คืน ก็ต้องวางประกันอะไรไว้ก่อนชั่วคราว หลังจากนั้น ดอกไม้ (หรือนัยว่าดอกเบี้ยมั้ง 555) ก็จะค่อยๆงอกเงยงอกงาม ทัมโบจึงเหมือนเป็นโชคลาภ’ ซึงอีจึงแซวกลับลุงดูซอกว่า ถ้าซึงอีคือทัมโบ ลุงดูซอกก็ต้องเป็นขุมสมบัตินะสิ ช่างฉลาดจำนรรจาจริงๆ อย่างนี้ไม่รักไม่หลง ไหวรึ
ความอิ่มเอิบอบอุ่นหัวใจที่ได้จากการค่อยๆติดตามพัฒนาการความสัมพันธ์ของสองลุงกับหนึ่งหนูน้อย ที่แปรเปลี่ยนจากตัวประกันมาเป็นแก้วตาดวงใจ สีสันของครอบครัวอารมณ์เป็นพ่อเป็นลูก และการได้เห็นหนูน้อยซึงอีเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ กลายเป็นล่ามสาวซึงอี (รับบทโดย ฮาจีวอน) ที่มีความสามารถมีอนาคต พลอยให้รู้สึกตื้นตันชื่นชมตามไปด้วย ส่วนการสร้างปมให้สาวซึงอีติดตามหาใครคนสำคัญอย่างใจจดจ่อนั้น ก็เป็นการผูกเรื่องให้มีประเด็นชวนติดตาม นำสู่บทเฉลยท้ายเรื่อง พร้อมบิวท์ดรามาเรียกน้ำตาให้ท่วมจอกันเต็มๆ
อย่างไรก็ตาม ถ้าคิดว่าเรื่องนี้มีความกินใจเทียบเคียง Miracle in Cell No.7 ได้ไหม สำหรับผู้เขียนมองว่าน่าจะยังเป็นรองอยู่ โดยตัวเนื้อหาอาจเบากว่า ปมที่ผูกอาจดูอ่อนเหตุผลในรายละเอียดไปบ้าง แต่โดยภาพรวมก็ถือว่าดูสนุกประทับใจฟิลกู้ดดีเลย การันตีความน่ารักตาแป๋วของน้องพัคโซอี น้องเล่นเก่งมากเกินตัวจริงๆ ถ่ายทอดได้ทุกอารมณ์ จริงๆแล้วตอนถ่ายทำเรื่องนี้น้องอายุเพียง 7 ขวบเอง และน้องอาจตัวเล็กจนดูไม่เป็นเด็ก 9 ขวบตามท้องเรื่อง แต่กลับกลายเป็นว่า การที่น้องตัวเล็กขนาดนี้ ดูจะน่าเอ็นดูน่าสงสารมากกว่าซะอีก
รีวิว ดูหนัง Pawn (2020)
ใครว่าเกาหลีไม่มีน้ำเน่า จากการดูงานหนังและซีรีส์เกาหลีมาอย่างมากมายในช่วงสองปีที่ผ่านมาบอกเลยว่ามีเยอะ แต่ในความน้ำเน่าของเกาหลีจะไม่มีกลิ่นโชยออกมา นั่นหมายความว่าน้ำเน่าได้ผ่านการบำบัดออกมาเป็นน้ำสะอาด ถ้าจะว่ากันแบบแรงๆเลยคือน้ำเน่าเกาหลีมีความเป็นมนุษย์มากกว่า มองเห็นภาวะเป็นจริงมากกว่า ถ้าจะสังเกตจริงๆหนังหรือซีรีส์เกาหลีหลายต่อหลายเรื่อง มักเล่าเรื่องและทางไปในทางเดียวกัน เช่น When The Camellia Blooms (2019) ที่จัดว่าเป็น Best Of The Best ของผู้เขียนกับ Flower Of Evil (2020)
ที่แกนของการเล่าเรื่องแทบไม่ต่างกันเมื่อตัวเอกเป็นคนที่มีปมอะไรบางอย่าง แล้วเลือกเร้นกายไปยังที่อื่นเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายบางประการแต่ความวุ่นวายนั้นก็ไม่วายเข้ามาอันนำพาชีวิตต้องผ่านตัวแปรที่หลากหลายแล้วก็ผ่านมันไปด้วยความรัก ซึ่งไม่ต่างกันเพียงแต่ความเก่งในการเล่าเรื่อง การใส่รายละเอียด การบิดเส้นเรื่องให้เป็นแนวที่ต่างไป ทำให้บางทีของที่ดูเก่ากลับกลายเป็นไม่ล้าสมัยซ้ำยังดูเป็นความสดใหม่อยู่เสมอ นั่นหมายความว่าอะไรก็ตามที่เป็นของเก่าหากอยู่ในมือของคนที่มือถึงและเล่าเรื่องเก่งมันก็จะไม่เก่าในสายตาผู้ชม
ซึ่งที่ผู้เขียนจะสื่อคืองานจากเกาหลีก็ไม่ต่างจากทั่วไปที่บางทีก็เล่าเรื่องเดิมหยิบเอาของเก่ามาปัดฝุ่นไม่ต่างกัน เพียงแต่ ความต่างของการเขียนบทและฝีมือของผู้กำกับในการเล่าเรื่อง ทำให้งานหนังหรือซีรีส์ที่อาจดูซ้ำๆกลับทำออกมาให้ดูสนุกก็ใช่ที่มีบ้างที่อาจไม่ถึงกับเนี้ยบจนไม่มีที่ติและมองเห็นว่าเป็นงานที่น้ำเน่า หากแต่กลับดูสะอาดไร้กลิ่นไร้ตะกอน ทั้งที่บางเรื่องราวอาจเล่ากันมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว แต่ถ้างานที่ว่าออกมาแข็งแรงและสัมผัสได้จะยิ่งสามารถเข้าไปนั่งในใจผู้ชมได้มากยิ่งกว่า
เช่นกันกับหนังเกาหลีที่ผู้เขียนดูจบด้วยความประทับใจเรื่องล่าสุด ที่ว่ากันตามตรงพล็อตแบบนี้มีให้เห็นไม่ต่างจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในร้านสะดวกซื้อที่หลากหลายยี่ห้อแต่มันก็คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ดี แต่พล็อตเก่าคร่ำคร่าแบบนี้กลับถูกเล่ามาได้แสนประทับใจเพราะดูไปมีทั้งรอยยิ้มและคราบน้ำตา Pawn ดูซอค (ซองดงอิล) และ จองแบ (คิมฮีวอน) สองนักทวงหนี้ที่ดูปุ๊บก็รู้ทันทีว่าเป็นพวกขี้แพ้แต่จิตใจดี และคนทั้งสองก็มีมิตรภาพอันดีต่อกันมาจากกรมทหารทำให้ทั้งคู่เป็นปาท่องโก๋ตัวติดกัน
วันหนึ่งทั้งสองคนได้มาตามทวงหนี้จากมยองจา (คิมยุนจิน) หญิงสาวที่มีลูกเล็กๆ แต่เมื่อมยองจาไม่มีเงินจ่ายหนี้ด้วยความคิดชั่ววูบของดูซอคจึงจับตัว ซงอี (พัคโซยี) ลูกสาวของมยองจามาเป็นหลักประกันว่าแม่จะต้องมาจ่ายหนี้เพราะต้องการลูก แต่ชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้นเมื่อการพยายามหาเงินของมยองจาได้สร้างความรำคาญกับบางคนจนแจ้งตำรวจและมยองจาคือลูกครึ่งจีนเกาหลีที่ลักลอบเข้าประเทศมาอย่างผิดกฏหมาย
แน่นอนว่านอกจากจะไม่มีเงินใช้หนี้เธอยังต้องถูกส่งตัวกลับประเทศจีน แต่ก่อนจากไปเธอได้ฝากฝังให้ดูซอคส่งตัวซงอีที่เขาและจองแบเรียกแม่หนูว่ายัยของจำนำและยัยของจำนำก็เรียกเขาว่าอาจาชี่ (คุณลุง) ให้ส่งตัวแม่หนูให้กับญาติที่เธอมีที่อยู่เมืองปูซาน ทว่าด้วยความน่ารักและใสซื่อของยัยของจำนำก็แปรหัวใจที่พยายามแข็งของลุงดูซอคให้เริ่มละลาย จนกระทั่งการส่งตัวหนูน้อยของจำนำไปกลายเป็นส่งเข้าสู่อุ้งมือมาร เมื่อเธอถูกขายไปให้กับร้านคาราโอเกะที่ใช้งานเธอเยี่ยงทาส
กระทั่งดูซอครู้ข่าวจึงได้ไปรับแม่หนูกลับมา แล้วก็ไม่อาละวาดอะไรเมื่อก็ไถ่ตัวมาตามราคาที่ต้องจ่าย แต่เมื่อกุญแจแห่งมโนธรรมในใจถูกเปิดไขดูซอคและจองแบก็ดูแลหนูน้อยมาจนเติบใหญ่ด้วยความรักและความอบอุ่นจนเมื่อซงอีในวัยสาว (ฮาจีวอน) กำลังจะจบมหาวิทยาลัยข่าวของแม่ของเธอก็มาเมื่อแม่ที่ทิ้งไปกำลังจะสิ้นใจด้วยโรคร้าย ดูซอคจึงพาซงอีไปเยี่ยมแม่ที่เมืองจีน แต่คำขอร้องครั้งสุดท้ายของคนใกล้ตายก็บอกว่าขอให้หาตัวพ่อของซงอีให้เจอเพราะอย่างน้อยซงอีก็ควรรับรู้ว่าตัวเองมีพ่อ
จนเมื่อวันที่ซงอีต้องเจอพ่อแท้ๆผู้ให้กำเนิดเธอจึงได้บอกกับคนที่เป็นพ่ออีกคนที่เลี้ยงดูเธอมาว่าเขาคือพ่อของเธอในใจเสมอมา และนั่นคือความสุขสุดท้ายก่อนที่ดูซอคจะหายไปจากชีวิตซงอีและเธอตามหาอาจาชี่ตลอดมา สุดท้ายเรื่องราวอาจไม่พลิกความคาดหมาย แต่ก็ปักกลางใจเมื่อได้หมดทั้งความซาบซึ้ง อบอุ่น อิ่มเอม โดยที่รอยยิ้มอยู่หลังคราบน้ำตา ถ้าว่ากันที่หน้าหนังเชื่อเลยว่าร้อยทั้งร้อยคิดว่านี่คือหนังฟีลกู้ดหนังโลกสวย ซึ่งก็ไม่ผิดเมื่อหนังก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เพียงแต่ฐานรากของการเล่าเรื่องให้ออกมาแบบนั้นมันหนักหน่วง
และที่สำคัญก็มองเห็นว่าเรื่องที่เห็นกับตาสามารถเกิดขึ้นได้จริงๆบนโลกที่บูดเบี้ยวทางมโนธรรมใบนี้ ด้วยพล็อตเรื่องที่ว่าหนึ่งเด็กหญิงผู้สิ้นไร้ทุกอย่างกับหนึ่งมนุษย์ผู้ที่อาจไม่ถูกมองว่าดีนักจากภายนอกหากแต่หัวใจกลับอุ่นระอุ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากความคิดชั่ววูบจากความจำเป็นหรืออะไรก็ตามแต่ ได้ปลุกความดีที่ฝังลึกข้างในใจให้ตื่นขึ้นมาทำทุกอย่างเพื่อเด็กน้อยผู้น่าสงสาร และเรื่องแบบนี้ท่านกล้านับหรือไม่ว่า ได้ผ่านตามากี่ครั้ง
และท่านสามารถรำลึกได้หรือไม่ว่าครั้งแรกที่เคยผ่านตามามันผ่านมานานขนาดไหน ซึ่งเรื่องเก่าเก็บแบบนี้การจะเอามาเล่าให้ไม่ถูกมองว่าเป็นความโบราณคร่ำคร่าต้องมาจากสิ่งที่เรียกว่าฉลาดเล่า เมื่อเรื่องนี้เล่าเรื่องซ้อนเรื่องด้วยเรื่องการตามหาชิ้นส่วนในชีวิตที่หายไป สลับกับการเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นเมื่อครั้งยังเยาว์วัยของเด็กคนหนึ่งที่เป็นฐานรากของอารมณ์ ที่เด็กคนนั้นได้โตมาพร้อมกับความรักของคุณลุงที่ไม่ใช่ญาติแต่กลับดูแลเธอดียิ่งกว่า พร้อมความทรงจำที่ได้ผ่านเรื่องราวทั้งร้ายและดีมาด้วยกัน
แต่เมื่อความฉลาดเล่าอยู่ในมือคนที่มือถึงอารมณ์ก็ถึง กับเรื่องนี้ที่เห็นชัดเจนว่าคัดสรรมาแต่เนื้อๆเน้นๆในประเด็นกระชากใจแต่มันดูไม่เหมือนถูกยัดเยียดให้ก็ใช่ที่มันเห็นเค้าลางของการเลือกเรื่องที่จะมาเรียกน้ำตา แต่การเล่าเรื่องที่ปูพื้นความสัมพันธ์มาอย่างดีกลับทำให้มองเห็นภาวะเป็นจริงจนเกือบเอื้อมมือเข้าไปได้ ด้วยความละเอียดที่แม้จะเห็นว่าถูกเลือกมาอย่างดีเพื่อได้ใจเช่นเรื่องของเงินที่ซ่อนในถุงเท้าตอนซื้อซีดีแถมโปสเตอร์ แล้วมาสัมผัสกับบัญชีเงินออมของยัยของจำนำที่ซ่อนในถุงเท้าในตอนท้ายที่ยิงโดนแบบยากจะกลั้นน้ำตาได้
หรือการโฟกัสไปที่สองเท้าที่ยืนหยัดสู้เพื่อชีวิตของยัยของจำนำกระทั่งขายสมบัติชิ้นสุดท้าย พื้นรองเท้าที่สึกกร่อน รองเท้าใหม่ที่ยัยของจำนำทำเพื่อคุณลุง จนมาถึงภาพสองเท้าที่ใส่รองเท้าคู่นั้นพายัยของจำนำเดินไปในวันแต่งงานเพราะนั่นคือหน้าที่ของพ่อ เชื่อเถอะว่าอย่างน้อยก็มีขนลุกแถมยังมีอีกมากมายทีดูเห็นว่าพยายามแต่ดูไม่ยัดเยียด เพราะเรื่องได้ถูกเล่าจนมองเห็นว่าชีวิตคนทั้งสองบวกหนึ่งนี้สามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวันเพียงแต่อาจไม่สะดุดตา อีกความดีงามคือการเลือกเล่าเป็นเรื่องราวของยุคสมัยเลยทำให้ภาพของยุคเก่ามันล้อกับเรื่องที่เล่าที่ไม่ใหม่ ความเยี่ยมอีกอย่างคือการที่บทไม่โยนความผิดไปให้ใคร
Watch the movie Pawn (2020)
It is another outstanding Korean film of 2020 that was ranked in the TOP10 of the year’s top-grossing films. which tells a heart-warming story And it made me cry non-stop with the relationship that started with a cute little girl being a ‘pawn’ and then developed into love and family ties. The interesting thing about Pawn is that it’s a fun drama mixed with comedy. It’s not difficult to capture the heart. With the plot of the development of love and family bonds.
Using the charming gimmick of little child actors. that are both cute and adorable The craftsmanship is natural. Become a scorer In a way that makes many viewers immediately think of the famous movie Miracle in Cell No.7 (2013), the love obstacles of little Yesung and Father Yonggu in Miracle in Cell No.7 come from The plot of a prison cell, but the plot of Pawn that serves as the conflict that drives the path of love is Little Seung Yi who is just a ‘pawn’ or simply a temporary debt guarantor!!
The beginning of the story takes place in 1993 in Incheon. A debt collector at an informal loan company, Park Doo Seok (played by Sung Dong Il), who has a close junior, Jong Bae (played by Kim Hee Won), keeps track of him collecting interest from debtors who are mostly Always likes to twist things around. Seok appears to be more seasoned, fierce, and intimidating. As for Jong Bae, he will serve as his subordinate or be his subordinate’s hand and foot as he orders and teaches. Even though his naive curiosity often leads to the audience laughing at him,
One day during a debt collection tour Doo Seok and Jong Bae run into a debtor who has been overdue for several months, Myung Ja (played by Kim Yoon Jin) and her 9 year old daughter, Lee Seung Yi (played by Park So Yi), but Myung Ja still asks. Take turns to pay again. Doo Seok then seizes Seung Yi as a temporary pawn. Just hoping to intimidate and intimidate.
so that he could quickly pay off his debt and redeem himself the next day. However, Myungja would never dare to report the crime. Because she was a foreigner who had illegally entered the country. Unfortunately, Myungja was suddenly arrested by the authorities. must be sent back to China Myungja then asks Doo Seok to contact Seung Yi’s uncle.
To take Seung-yi to support and to pay off the debt instead, but Uncle Seung-y is not a good adult relative. Causing a problem that causes Doo Seok and Jong Bae to rush to save the little girl and get them back together as before. Seung Yi also seemed more trusting and happy to be with the two uncles. Seung Yi became a member of the two uncles’ family from then on. Ah..this sounds like Stockholm Syndrome (Stockholm Syndrome is a condition where a hostage or captive loves, likes, or sympathizes with the criminal. Might even move to the side. or even protect the criminal)
Doo Seok’s cuteness invites you to laugh and laugh with his fierce personality. (which matches Sung Dong Il’s appearance very well) is an uncle (uncle) whose mouth and heart don’t match. But I often become weak-willed. Always losing to Seung Yi. At the level called love until the spoiler is beyond one’s capacity. Whether it’s food, clothes, birthdays, favorite artist concerts. Sincere concern, protection, care, education, and creation of future life goals.
The thoughtfulness of the conversation is that Doo Seok likes to call Seung Yi ‘Tambo’ (literally 담보), which means hostage or pawn . If the writer were to call it fun and funny, he would probably think of something like, ‘Bitch Noo Pae Pong’, which made Seung Yi ask back, not knowing what Tambo was, Do Seok gave a cute explanation, ‘Whoever has borrowed money has not paid it back.
You have to put up some kind of security for the time being. After that, the flowers (or maybe interest, haha) will gradually grow and flourish. So Tambo is like a fortune.’ Seung Yi then teased back to Uncle Du Seok saying, If Seung Yi is Tambo Uncle Duseok must be a treasure. Really a clever person. How can I not love and not be infatuated like this?
The heart-warming satisfaction that comes from slowly following the development of the relationship between two uncles and a little girl. who transformed from a hostage to the apple of his eye Colorful family emotions of father and son and seeing little Seung Yi grow into a successful adult Becomes a young translator, Seung Yi (played by Ha Ji Won)
who has abilities and a future. Ploi makes you feel overwhelmed and admired as well. As for creating a problem for young woman Seung Yi to passionately pursue someone important to her, It is a way to tie up the story to have an interesting point to follow. Leading to the final chapter of the story. Ready to create drama that will bring tears to the screen.
However, if you think that this story is as heartfelt as Miracle in Cell No.7, is it? For the writer, I think it’s probably still inferior. The content itself may be lighter. The knot that is tied may seem weak in some details. But overall, it’s considered fun to watch and very impressive. Guarantee the cuteness and cuteness of Nong Park So-Ee.
He’s really playing better than he is. Can convey every emotion Actually, when this movie was filmed, he was only 7 years old, and he may have been so small that he didn’t look like a 9-year-old child in the story. But it turned out that The fact that the little one is this small It seems more adorable than pitiful.
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังเกาหลี เรื่อง Pawn (2020) หนังประเภท Comedy ตลก เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
8.3