KUBHD ดูหนังออนไลน์ Green Book (2018) เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ
ในปี 1962 Tony “Tony Lip” Vallelonga นักเลงหัวไม้กำลังหางานทำเมื่อไนต์คลับของเขาปิดปรับปรุง ข้อเสนอที่มีแนวโน้มมากที่สุดกลายเป็นแรงผลักดันให้ดอนเชอร์ลีย์นักเปียโนคลาสสิกชาวแอฟริกัน – อเมริกันสำหรับการทัวร์คอนเสิร์ตในรัฐตอนใต้ แม้ว่าจะไม่ค่อยกระตือรือร้นในการทำงานให้กับชายผิวดำ
แต่โทนี่ก็รับงานและพวกเขาเริ่มเดินทางด้วยอาวุธ The Negro Motorist Green Book คู่มือการเดินทางเพื่อการเดินทางอย่างปลอดภัยผ่านการแบ่งแยกเชื้อชาติของอเมริกา เมื่อรวมกันแล้วนักเปียโนที่ขยันหมั่นเพียรและนักโกหกที่ขยันขันแข็งสามารถเข้ากันได้กับทัศนคติที่ขัดแย้งกับชีวิตและอุดมคติของพวกเขา อย่างไรก็ตามในขณะที่คู่ที่แตกต่างกันเป็นสักขีพยานและอดทนต่อความอยุติธรรมที่น่าสะพรึงกลัวของอเมริกาบนท้องถนนพวกเขาพบความเคารพในพรสวรรค์ของกันและกันที่เพิ่งค้นพบและเริ่มเผชิญหน้ากับพวกเขาด้วยกัน ในการทำเช่นนั้นพวกเขาจะรักษามิตรภาพและความเข้าใจที่จะเปลี่ยนชีวิตของทั้งคู่
Green Book เป็นภาพยนตร์ดราม่าชีวประวัติอเมริกันปี 2018 กำกับโดยปีเตอร์ ฟาร์เรลลี นำแสดงโดยวิกโก มอร์เทนเซนและมาเฮอร์ชาลา อาลี ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของการทัวร์ภาคใต้ตอนล่างในปี 1962 โดยดอน เชอร์ลีย์ นักเปียโนชาวแอฟริกันอเมริกัน และคนโกหกชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาลี และต่อมาเป็นนักแสดงแฟรงก์ “โทนี่ ลิป” วัลเลลองกา
ซึ่งรับหน้าที่คนขับรถและผู้คุ้มกันของเชอร์ลีย์ . เขียนบทโดยฟาร์เรลลีร่วมกับนิค วัลเลลองกา ลูกชายของลิปและไบรอัน เฮย์ส เคอร์รี ภาพยนตร์เรื่องนี้อิงจากบทสัมภาษณ์ของลิปและเชอร์ลีย์ รวมถึงจดหมายที่ลิปเขียนถึงภรรยาของเขา ตั้งชื่อตาม The Negro Motorist Green Book ซึ่งเป็นหนังสือคู่มือสำหรับนักเดินทางชาวแอฟริกันอเมริกันที่ก่อตั้งโดย Victor Hugo Green ในปี 1936 และตีพิมพ์จนถึงปี 1966
ในบรองซ์ในปี 1962 โทนี่ ลิป นักเลงชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาลีค้นหางานใหม่ ขณะที่โคปาคาบานาปิดปรับปรุง เขาได้รับเชิญให้ให้สัมภาษณ์กับดร. ดอน เชอร์ลีย์ นักเปียโนชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันที่ต้องการคนขับรถสำหรับทัวร์คอนเสิร์ตแปดสัปดาห์ทั่วมิดเวสต์และภาคใต้ตอนล่าง ดอนจ้างโทนี่ด้วยความแข็งแกร่งจากการอ้างอิงของเขา พวกเขาเริ่มแผนการที่จะกลับไปนิวยอร์กซิตี้ในวันคริสต์มาสอีฟ ค่ายเพลงของดอนมอบสำเนา The Negro Motorist Green Book แก่โทนี่ ซึ่งเป็นคำแนะนำสำหรับนักเดินทางชาวแอฟริกันอเมริกันเพื่อค้นหาโมเทล ร้านอาหาร และปั๊มน้ำมันที่จะให้บริการพวกเขาในจิม โครว์ทางใต้
โทนี่และดอนปะทะกันในตอนแรกเนื่องจากโทนี่รู้สึกไม่สบายใจที่ถูกขอให้ทำตัวประณีตมากขึ้น ในขณะที่ดอนผู้หยิ่งยโสไม่พอใจกับนิสัยของโทนี่ ขณะที่การทัวร์ดำเนินไป โทนี่ประทับใจในพรสวรรค์ของดอนในการเล่นเปียโน และรู้สึกตกใจมากขึ้นเรื่อยๆ กับการปฏิบัติที่เลือกปฏิบัติที่ดอนได้รับจากเจ้าภาพของเขาและประชาชนทั่วไปเมื่อเขาไม่อยู่บนเวที ในเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ กลุ่มคนผิวขาวทุบตีดอนและคุกคามชีวิตของเขาในบาร์ก่อนที่โทนี่จะช่วยเขา เขาสั่งดอนอย่าออกไปข้างนอกโดยไม่มีเขาตลอดทัวร์ที่เหลือ
ภาพยนตร์ดราม่าชีวประวัติ กรีนบุ๊ค ตลอดการเดินทาง ดอนช่วยโทนี่เขียนจดหมายถึงภรรยาของเขาอย่างมีคารมคมคาย ซึ่งทำให้เธอซาบซึ้งใจมาก โทนี่สนับสนุนให้ดอนติดต่อกับพี่ชายที่ห่างเหินของตัวเอง แต่ดอนลังเลเมื่อสังเกตว่าเขาโดดเดี่ยวจากชีวิตการทำงานและความสำเร็จของเขา ต่อมาพบดอนในการเผชิญหน้ากับชายผิวขาวที่สระน้ำ และโทนี่ติดสินบนเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันไม่ให้เขาถูกจับกุม ในมิสซิสซิปปี้
ทั้งสองถูกจับกุมหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดึงพวกเขาไปจนดึกในเมืองพระอาทิตย์ตกดิน และโทนี่ต่อยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งหลังจากถูกดูถูก ขณะอยู่ในคุก ดอนขอโทรศัพท์หาทนายของเขา และใช้โทรศัพท์ติดต่ออัยการสูงสุด โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ ซึ่งกดดันให้ผู้ว่าการรัฐและเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวทั้งสองคน เมื่อพวกเขาเป็นอิสระและกลับมาบนถนนอีกครั้ง ดอนตำหนิโทนี่สำหรับการกระทำที่น่ารังเกียจของเขา และการโต้เถียงอันดุเดือดก็ปะทุขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติและการมีคุณธรรม ในที่สุดทั้งสองก็หาโรงแรมสำหรับคืนนี้และจัดการเพื่อคืนดีกัน
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง Green Book (2018) กรีนบุ๊ค หนังประเภท Drama ดราม่า เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ดูหนังออนไลน์ ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
Peter Farrelly
บริษัท ค่ายหนัง
- Participant Media
- DreamWorks Pictures
- Innisfree Pictures
- Cinetic Media
- Alibaba Pictures
นักแสดง
- Viggo Mortensen
- Mahershala Ali
- Linda Cardellini
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
ร่าเริง คอเป็นหนัง
รีวิว Green Book 2018
10/10 เอาไปเลย
สมกับเป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี
ดูจบผมหลงรักหนังเรื่องนี้เลย
ไม่ค่อยมีหนังแบบนี้ให้เราดูบ่อยๆนะ
มันมีทั้งดราม่าตลกอิ่มใจมาก
ไอ้ตลกก็ตลกมาก โดยเฉพาะกินไก่ 5555555ชอบๆ
คนสองคนต่างกันสุดขั้วต้องไปด้วยกัน
อีกคนก็นิสัยแย่มาก(วิกโก้ มอร์เทนเซ่น) อีกคนก็เนียบมาก(มาร์เฮอร์ชาลา อาลี)
ได้เรียนรุ้ซึ่งกันและกัน คนดูก็ได้ข้อคิด
มันจะมีฉากเหยียดผิว สะเทือนใจ
ไม่คิดว่ามนุษย์จะทำกันได้แบบนี้
แต่มันก็จบด้วยรอยยิ้มทุกที
ชอบบทมาก
มันอาจจะมีขอเสียนิดๆหน่อยๆ แต่ความอื่มเอมมัน
ทำให้ยิ้มลืมไปเลย หนังมันดีจริงๆ
ต้องดูครับ แล้วเราจะรักกันมากขึ้น
3รางวัออสการ์
*ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
*สมทบชายยอดเยี่ยม
*บทดั้งเดิมยอดเยี่ยม
Sam Movieman ผู้ชายบ้าดูหนัง
รีวิว Green Book (2018)
📢 ผู้กำกับ Peter Farrelly (Dumb And Dumber, There’s Something About Mary)
👨👩👧 ดารา Viggo Mortensen (The Lord of the Rings, The Road), Mahershala Ali (The Curious Case of Benjamin Button, Moonlight)
⏱ ความยาว 2:10
🏆 รางวัล ออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ดาราสมทบชาย, บทภาพยนตร์ / ลูกโลกทองคำ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ตลก), ดาราสมทบชาย, บทภาพยนตร์
บ่อยไหม ที่จะเจอหนังที่พอดูแล้วเหมือนโลกนี้แสนสวยงาม มีหนังสักกี่เรื่องที่สามารถกลับมาดูซ้ำภายใน 6 เดือน แล้วอรรถรสยังไม่ตก แถมยังได้ซึมซับถึงความปราณีตมากขึ้นกว่าเดิม Green Book คือหนังที่นำเอาความสุขมาให้ได้มากขนาดนั้นแม้ตอนดูซ้ำ
หนังย้อนอดีตไปที่อเมริกาในยุคที่การเหยียดผิวทางตอนใต้ยังรุนแรง จนต้องมีหนังสือคู่มือการเดินทางของคนผิวดำเช่นโรงแรมไหนพักได้ ที่พระเอกซึ่งเดิมทีก็รังเกียจคนผิวสีแต่จำใจรับงานเป็นคนขับรถให้พระรองซึ่งเป็นไฮโซเพราะดันตกงาน
หากพิจารณาตามเนื้อผ้าอย่างผิวเผิน เรื่องนี้อาจไม่ถึงกับมีความแปลกใหม่ เช่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนต่างขั้ว 2 คนมาใช้ชีวิตร่วมกันแล้วกลายเป็นเพื่อนกัน หรือเกี่ยวกับการเดินทางบนท้องถนนแล้วเจอเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนไปจากเดิม เรื่องเกี่ยวกับคนต่างผิวสี หรือต่างชนชั้นมาเจอกัน ทั้งหมดนี้มาอยู่ในหนังเรื่องนี้ แต่มันมีความวิเศษในเรื่องราวมากพอที่จะทำให้สนุกสนานทั้งเรื่อง มีมุกขำตลอดทาง และที่ชนะใจคนดูกว่านั้นคือสะท้อนคุณค่าของความเป็นคนและความกล้าหาญที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้อง น้ำหนักตรงนี้ไม่น้อยขนาดที่ทำให้คิดว่ามันเข้าชิงในสาขาดรามาได้เช่นกัน
บทเยี่ยม กำกับยอด และที่ขาดไม่ได้จริงๆ คือการแสดง ทั้ง Viggo Mortensen ที่คอหนังคงคุ้นหน้าเป็นอย่างดี (ทั้งที่หน้าตาออกจะบ้านๆ) และ Mahershala Ali ที่เคยเล่นเรื่อง Moonlight คนหลังนี่เด็ดสุดๆ เพราะคว้าทั้งออสการ์และลูกโลกทองคำจากเรื่องนี้ไปเรียบร้อย แต่ความจริงบทเด่นขนาดนี้น่าจะชิงสาขาดารานำมากกว่า
ชมมาเยอะ ลองมารู้จักผู้กำกับที่ชื่อ Peter Farrelly หน่อย ย้อนไปดูผลงานเก่าๆ แล้วไม่แปลกใจเลยที่เรื่องนี้มุกเพียบแต่ไม่เสี่ยว เพราะเคยทำ Dumb And Dumber ทั้ง 2 ภาค ซึ่งยังเป็นตลกกากๆ แต่เริ่มดีขึ้นกับ Me, Myself & Irene (2000) และขำมากอย่าง There’s Something About Mary (1998) ซึ่งพอมาถึง Green Book แกก็หาส่วนผสมทั้งความตลกที่ดูเนียนลื่น มีความเป็นผู้ดี และได้แง่คิดของการใช้ชีวิตที่ตรงตรึงใจได้อย่างพอดี
ไม่อยากเล่าเยอะ เชียร์สุดๆ ดูแล้วจะลืมปัญหาทั้งปวง (อย่างน้อยก็ชั่วคราว) ขอปิดท้ายด้วยวลีสุดคมจากเรื่องนี้ “The world is full of lonely people afraid to make the first move”
Movies Delight Club
Green Book (Peter Farrelly, 2018)
คะแนน B+
“ความสัมพันธ์ต่างสีผิวถูกบอกเล่าได้อย่างเพลิดเพลิน” ถ้าจะมองหาหนังที่มีประเด็นทางสีผิวดราม่าแต่กลับบอกเล่าเรื่องราวได้เพลิดเพลินสนุกสนาน ดูแล้วรู้สึกเบาสบายผ่อนคลาย Green Book คือหนึ่งในหนังที่ให้อารมณ์เหล่านั้นได้อย่างถึงที่สุด ทั้งมุขตลก และความสัมพันธ์ระหว่างชายสองคนที่ต่างสีผิว ต่างเชื้อชาติ ตัวหนังเล่าเรื่องจริงของนักเปียโนผิวสีชื่อดัง ‘ดอน เชอร์ลีย์ (มาเฮอร์ชาลา อาลี)’ ที่จะต้องไปทัวร์คอนเสิร์ตทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา และจำเป็นต้องใช้หนังสือปกเขียวสำหรับนักท่องเที่ยวนิโกร (The Negro Motorist Green Book) รับสมัครคนขับรถส่วนตัว ‘โทนีลิป (วิกโก มอร์เทนเซน)’ จึงได้งานนี้เพราะมีชื่อเสียทางด้านจัดการความไม่สงบเรียบร้อย ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่กำลังตกงานพอดี ทั้งสองคนต้องเดินทางไปแต่ละเมืองทางตอนใต้ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือน ดินแดนทางใต้ที่ไม่ต้อนรับนิโกร เต็มไปด้วยอันตรายตลอดเส้นทาง ทั้งสองคนจึงได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกัน ก่อเกิดความสัมพันธ์ที่สุดแสนจะฟีลกู๊ด
แน่นอนว่า ตัวภาพยนตร์พาเราไปพบกับความขัดแย้งและประเพณีต่างๆที่คนผิวสีถูกกระทำในช่วงยุด 60’s สอดแทรกผ่านตัวละครหลักในเรื่อง แม้ว่าภาพทั้งหมดจะไม่ได้ชัดเจนหรือสะท้อนให้เรารับรู้ถึงความโศกเศร้าของคนดำในยุคสมัยนั้นเหมือนที่หนังเรื่องอื่นๆเคยทำ เพราะประเด็นของหนังไม่ได้ให้น้ำหนักในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของคนผิวสีในประเทศแห่งนี้ แต่ให้เรามองภาพผ่านตัวละครผิวสีที่อยู่ตรงกลางระหว่างคนขาวกับคนดำ ‘ดอน เชอร์ลีย์’ นักเปียโนผู้โด่งดังและฐานะดี จึงเป็นตัวละครที่อยู่ตรงกลางเส้นแบ่งนี้ เราจึงได้รับรู้ความรู้สึกอีกมุมหนึ่งผ่านตัวละครตัวนี้ ซึ่งตัวหนังเองทำได้ดีและประสบความสำเร็จ การแสดงของ ‘มาเฮอร์ชาลา อาลี’ สามารถสร้างตัวละครที่เปลี่ยวเหงา สับสน และมีจุดยืนที่พยายามพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างในความเชื่อของตัวเอง ส่วนการแสดงของ ‘วิกโก มอร์เทนเซน’ นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และช่วยทำให้ตัวหนังครบสมบูรณ์ พร้อมทั้งมอบการแสดงที่ยอดเยี่ยมน่าชื่นชม
ท้ายสุด ‘Green Book’ ให้แง่มุมความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนได้น่ารักน่าชัง มีความสนุกสนานขบขัน มีบทภาพยนตร์ที่กลมกล่อมและสะท้อนภาพชีวิตจิตใจของตัวละครได้ดี ให้ภาพสะท้อนสังคมในยุค 60’s ชนิดที่ไม่โหดร้ายเกินไปจนสูญเสียอรรถรสสไตล์หนังคอมเมดี้ นักแสดงนำทั้งสองคนรับส่งบทและถ่ายทอดตัวละครออกมาได้มีเสน่ห์ ประกอบกับเสียงดนตรีจากเปียโนอันไพเราะ บรรยากาศของหนังช่วงคริสต์มาสส่งท้ายปี ความดราม่าผสมความตลกในหนังจึงสร้างรอยยิ้มและเรียกความซึ้งใจได้ในน้ำหนักพอเหมาะพอดี ดังนั้น Green Book จึงน่าจะได้เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชาย สมทบชาย, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม บทเวทีออสการ์ที่จะถึงในปีนี้ และน่าจะมีสิทธิได้รางวัลติดไม้ติดมือมาพอสมควร…
Moviereview – หนังดีต้องบอกต่อ
📺 กรีนบุ๊ค | Green Book
Green Book เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติสัญชาติอเมริกัน แนวตลก-ชีวิต ในปี ค.ศ. 2018 ภาพยนตร์ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงในการออกทัวร์ในดีปเซาท์ของนักเปียโนแนวแจ๊สและคลาสสิก ชาวจาเมกา – อเมริกัน ที่ชื่อ “ดอน เชอร์ลีย์” และคนเฝ้าร้านชาวอิตาลี-อเมริกัน “โทนี วัลเลลองกา” ที่มารับหน้าที่เป็นคนขับรถและบอดีการ์ดของเชอร์ลีย์
เรื่องย่อ
ชายที่มีชื่อว่า “โทนี่ วัลเลลองกา” เชื้อสายอิตาเลียน-อเมริกัน ที่ไม่ธรรมดา ทั้งการกระทำที่นอกกรอบของเขา ที่ไม่เหมือนใคร นิสัยเจ้าเล่ห์นิด กวนหน่อย ๆ และที่สำคัญอย่าไปทำให้เขาไม่พอใจละเพราะมันจบไม่สวยแน่ แต่แล้ววันหนึ่งงานปัจจุบันที่เขาทำอยู่ได้ปิดชั่วคราว
ทำให้เขาต้องหารายได้จากช่องทางอื่นเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว (งานหนักก็เอางานเบาก็สู้ แต่ก็เลือกนะ) จนสุดท้ายเขาได้มาทำงานเป็นคนขับรถเดินทางไปทั่วตอนใต้ของอเมริกาให้ “ดอน เชอร์ลีย์” นักเปียโนคลาสสิกผิวสีระดับโลก ที่ทำตามกฎ รักความสะอาด ต่างกับ “โทนี่ วัลเลลองกา” สุดขั้ว
มันก็คงไม่มีอะไรมากเลยถ้าไม่เพราะ หนังเล่าถึงคนในยุคนั้นเหยียดสีผิวอย่างรุนแรง รวมถึง “โทนี วัลเลลองกา” ของเราก็ด้วย ต้องมาเป็นลูกจ้างเพราะเงินดีไม่น้อย ทั้งสองคนต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายต่าง ๆ ในการเดินทางครั้งนี้ จะเปลี่ยนชีวิตและมิตรภาของพวกเขาได้หรือไม่ คงต้องไปรับชมกันแล้ว!!!
รีวิว Green Book | กรีนบุ๊ค
เป็นหนังที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ นอกจากเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปเรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อแล้ว นักแสดงที่แสดงออกมาได้ราวกับเป็นตัวละครนั้นจริง ๆ ไหนจะนิสัยของตัวละครหลักทีถึงแม้จะแตกต่างกันแต่มันกับเข้าคู่กันอย่างลงตัว ช่วยเติมเต็มกันและกัน แถมความตลกที่มาไม่ขาด ซึ่งโดนใจมาก ส่วนที่สำคัญสุดของเรื่องก็คงหนีไม่พ้นประเด็นเรื่องการเหยียดสีผิว ที่รู้สึกแย่มาก ๆ ไหนจะฉากที่ “ดอน” โดนเหยียดแต่ละที่ในการเดินทาง แต่ก็มี “โทนี่” ที่เขามาช่วย ถึงแม้ตอนแรกจะเป็นเพราะหน้าที่แต่พอหลัง ๆ มารู้สึกว่าไม่ใช่เพราะหน้าที่แล้ว มันมาจากใจล้วน ๆ ทำให้เรารู้สึกชอบมากค่ะ!! ลุ้นไปกับตัวละครว่าพวกเขาจะแก้ปัญหาอย่างไร
วิจารณ์หนังในแบบของกู
Green book (2018)
ไม่รู้หลายๆคนเป็นเหมือนแอดมินไหม เมื่อ netflix ลงหนังที่เราชอบมากๆเมื่อไหร่ จะต้องแวะเข้าไปดูสักหน่อย ถึงแม้เราจะเคยดูแล้ว โดยเฉพาะเรื่องนี้ Green book ตอนแรกคิดว่าจะดูสัก 10-15 นาที กอดูเฉพาะฉากที่ชอบ สุดท้ายไม่ได้กอเลย เพลินมาก การได้กลับมาดูอีกครั้งหนังก็ยังสามารถทำให้เราอิ่มเอมได้เหมือนครั้งแรกที่ดู
งานจากผู้กำกับ Peter Farrelly
นำแสดงโดย Mahershala Ali , Viggo Mortensen
หนังได้รางวัลใหญ่จากเวทีออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รวมถึงสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมและสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Ali) และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Mortensen) และสาขาตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โปรไฟล์ขนาดนี้ใครที่ยังไม่เคยสัมผัสกับหนังเรื่องนี้ แนะนำเลย
เรื่องย่อ : เหตุการณ์มีฉากหลังอยู่ในปี 1962 ช่วงที่อเมริกายังแบ่งแยกเรื่องสีผิวอยู่อย่างเข้มข้น ดร.ดอน เชอร์ลี่ นักเปียนโนแจ๊ส-คลาสิค ชาวอเมริกันเชื้อสายจาไมก้า ได้ทำการออกทัวร์แสดงคอนเสิร์ตไปทางตอนใต้ของประเทศในนาม Don Shirley trio โดยมี oleg เล่นเชลโล่ George เล่นเบส ดร.ดอน เชอร์ลี่จึงได้จ้าง โทนนี่ ที่เพิ่งว่างงานจากการที่ไนท์คลับสุดหรูได้ปิดปรับปรุง มาช่วยเป็นคนขับรถพาเขาไปแสดงคอนเสิร์และจัดแจงหาที่พักตตามเมืองต่างๆทางตอนใต้ของประเทศเป็นเวลา 2 เดือน โดยมีคู่มือการเดินทางสำหรับคนดำที่ชื่อว่า Green book ซึ่งทัวร์จะจบในวันที่ 23 ธันวาคม โทนนี่จึงวางแผนกลับมาหาครอบครัวให้ทันในวันคริสต์มาสอีฟ
โทนนี่นั้นเป็นคนอเมริกันเชื้อสายอิตาเลี่ยน ซึ่งในยุคนั้นครอบครัวเขามีทัศนะคติกับคนดำไม่ค่อยดีนัก พูดง่ายๆก็คือเหยียดสีผิวนั่นแหละ การที่โทนนี่จะต้องมาทำงานให้กับคนดำจึงเป็นเรื่องที่หงุดหงิดใจ แต่ด้วยที่สถานะการณ์บังคับ ต้องหารายได้ให้ครอบครัว แล้วด้วยความที่โทนนี่เป็นคนแก้ไขสถานะการณ์ตรงหน้าเก่ง ดร.ดอน เชอร์ลี่จึงได้โทรไปที่บ้านของโทนนี่ ได้คุยกับภรรยาของโทนนี่ (โดโรเลส) ว่าขอยืมสามี 2 เดือน ด้วยความที่โดโรเลสไม่ได้มีทัศนะคติเหยียดผิวจึงยินดีให้สามีไปทำงาน
ในตอนแรกหนังดูเหมือนจะเป็นหนังที่พล็อตเฉยๆมาก รู้สึกไม่ได้หวือหวาหรือเชิญชวนให้เรากระสันอยากดูเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้ว ไส้ในของหนังคือมีประเด็นอยู่เยอะ ซึ่งการเดินทางของโทนนี่และ ดร.ดอนเชอร์ลี่ ต้องพบเจอกับสถานะการณ์การเหยียดผิวต่างๆนาๆจากผู้คนตลอดการเดินทาง มีทั้งดีบ้างแย่บ้าง รวมถึงนิสัยของทั้งคู่ที่ผิดกันราวฟ้ากับเหว ทำให้เกิดความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่ดีต่อกัน การเดินทางของโทนนี่ในครั้งนี้ทำให้เขาเปลี่ยนทัศนะคติที่มีต่อคนดำไปอย่างสิ้นเชิง
ความรู้สึกหลังดู : ประทับใจมากๆ อบอุ่น ฟิวกู๊ด ประทับใจกับ Viggo Mortensen มากๆ เล่นเรื่องนี้ซะจนแทบลืมบทอาราก้อนใน The lord of the ring ไปเลย ฮ่าๆๆ สมแล้วกับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ตลกตอนที่ดร.ช่วยโทนนี่เขียนจดหมาย ส่วนโทนนี่ก็สอนให้ดร.กินไก่ KFC ด้วยมือเปล่า
คะแนนจากตัวเอง : 9/10
Imdb : 8.2
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Olivia Rodrigo Driving Home 2 U (2022)
100