CUB (2014) ปิดค่ายเชือด
เรื่องย่อ
แซม วัย 12 ขวบผู้เปี่ยมจินตนาการ มุ่งหน้าเข้าป่าไปยังค่ายลูกเสือภาคฤดูร้อนพร้อมกับฝูงสัตว์ที่เชื่อว่าเขาจะได้พบกับสัตว์ประหลาด… CUB และเขาก็เจอ ใครที่ผ่านการเรียนลูกเสือหรือวิชาบำเพ็ญประโยชน์ต่าง ๆ คงต้องผ่านการเข้าค่ายเพื่อฝึกการเอาตัวรอดและปลูกฝังความสามัคคีกันมาแล้ว เพียงแต่ แซม เด็กหนุ่มวัย 12 ปีและเพื่อนที่ร่วมกันเดินทางไปเข้าค่ายด้วยกัน อาจไม่ได้กลับบ้านมาเจอหน้าพ่อแม่อีกต่อไป เพราะเจ้าถิ่นที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกอันเป็นที่พักแรมของลูกเสือหมู่นี้ วางแผนที่จะคร่าชีวิตเด็ก ๆ และคณะพี่เลี้ยงอย่างไม่ปราณี
ผู้กำกับ
- Jonas Govaerts
บริษัท ค่ายหนัง
- Potemkino
นักแสดง
- Maurice Luijten
- Evelien Bosmans
- Titus De Voogdt
- Stef Aerts
- Jan Hammenecker
- Gill Eeckelaert
โปสเตอร์หนัง
รีวิว
CUB หนังว่าด้วยเรื่องราวของ แซม เด็กน้อยวัย 12 ปีและเพื่อนที่ร่วมกันเดินทางไปเข้าค่ายด้วยกัน อาจไม่ได้กลับบ้านมาเจอหน้าพ่อแม่อีกต่อไป เพราะเจ้าถิ่นที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกอันเป็นที่พักแรมของลูกเสือหมู่นี้ วางแผนที่จะคร่าชีวิตเด็กๆ และคณะพี่เลี้ยงอย่างไม่ปราณี นี่เป็นหนังสยองจากเบลเยียมที่สร้างความสะเทือนขวัญให้ผู้ชมเมื่อครั้งมันไปฉายที่เทศกาลหนังโตรอนโต (สายเดียวกับ It Follows) ที่ถ่ายทอดสัญชาติญาณความเป็นเด็กได้สมจริง
– หนังเป็นยังไง “เป็นลูกเสือต้องเข้าค่ายเราไปเข้าค่ายกันเถอะ”แต่…แน่ใจนะว่ามันจะปลอดภัย? นี่คือหนังเด็กไร้เดียงสาที่ผูกเรื่องราวความโหดเหี้ยมไว้ด้วยกันแต่ไปไม่สุดทางเพราะความไม่สมเหตุสมผลแต่ถ้าตัดส่วนนี้ออกไปจะทำให้หนังดูสนุกมากขึ้นกว่านี้ หนังมาพร้อมกับพฤติกรรมวอนหาเรื่องแท้ๆ การผูกปมของตัวละครอย่างแซมช่วงแรกหนังวางตัวได้ดีเด็กคนนี้เป็นเด็กดีแต่ในตอนท้ายสถานการณ์บีบบังคับด้วยความที่เป็นเด็กไร้เดียงสา
อยู่ในค่ายมักจะเจอเพื่อน หรือคณะพี่เลี้ยงกลั่นแกล้งล้อเลียนหรือแม้กระทั่งทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด ในตอนท้ายถึงรู้ว่าทำไมถึงหนังจบแบบนี้ หนังยังพอมีฉากสยองฆ่ากันเลือดสาดให้ได้ดู ด้วยความที่เป็นหนังยาวเรื่องแรกของ ผกก.โยนัส CUB โกแวร์ตสโดยปกติแล้วผกก.ผู้นี้จะทำแต่หนังสั้นในแนวสยองขวัญพอมาทำหนังยาวเรื่องแรกกลับกลายเป็นไม่สยองไม่สุดเท่าที่ควร หรืออาจจะเป็นเพราะตัวหนังโดนเซ็นเซอร์หรือเปล่าก็ไม่รู้เพราะบางฉากที่โหดๆใช้แต่การเล่นมุมกล้องอย่างเดียว โดยที่ไม่ให้เห็นภาพการกระทำแบบจังๆ โหดๆ แบบทิ่มเป็นทิ่ม แทงเป็นแทง
#มีสปอยด์ขั้นรุนแรง
ต้องขอชมเด็กๆที่เล่นได้ดีมากโดยเฉพาะเด็กที่รับบทเป็นแซมเพราะเราเดาไม่ได้ว่าตัวละครตัวนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ไร้เดียงสาสีหน้าแววตาใสๆ ซื่อๆ ในช่วงแรกพร้อมที่จะผูกมิตรกับผู้อื่นแต่นี่แหละคือไคลแมกของจุดจบของเรื่อง.
-สรุปแล้วเป็นหนังที่พอดูได้ไม่เป็นที่น่าจดจำมากนัก
ภาพสวย จะได้เห็น ป่า ลำธาร ต้นไม้ ใบหญ้า การร้องเพลง กองไฟ การพักแรม ดูแล้วนึกถึงสมัยเรียนลูกเสือเลยอยากไปตั้งแคมป์อีกครั้ง.
หนังเรื่องนี้เหมือนจะน่าสนใจครับ พล็อตออกแนวหนังไล่เชือด CUB แต่ด้วยความที่ตัวละครหลักคือลูกเสือรุ่นเยาว์ มันเลยออกจะต่างจากหนังอย่าง Friday the 13th หรือ Halloween อยู่พอตัว แต่ครั้นพอดูแล้วก็บอกได้แบบไม่อ้อมค้อมว่าหนังก็ไม่ได้ฉีกขนบหรือแหวกแนวอะไรมากครับ อันที่จริงหลายอย่างต้องบอกว่าเดินตามสูตรเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ เรื่องของกลุ่มลูกเสือและพี่เลี้ยงที่พากันไปตั้งแคมป์ในป่าครับ โดยพวกพี่เลี้ยงก็เล่าเรื่องน่ากลัวของ ไค ที่ว่ากันว่าจะออกมาฆ่าใครก็ตามที่ข้องแวะมาในป่าแถวนั้น แน่นอนว่าตอนแรกทุกคนก็คิดว่าเป็นเรื่องเล่าขำๆ ครับ แต่พอเกิดเรื่องแปลกๆ, มีคนหายตัวไป ทีนี้ล่ะความสยองที่ดูจะเป็นแค่เรื่องเล่า ก็เริ่มกลายเป็นความน่ากลัวของจริงขึ้นมาจนได้
จุดที่ผมว่าเข้าท่าคือภาพป่าสวยๆ ในเรื่องครับ ยิ่งมาเจอกับกล้องสมัยใหม่นี่ก็ยิ่งจับภาพทิวทัศน์ของป่าได้แบบคมชัด ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็เป็นสัญชาติเบลเยียมครับ ดังนั้นภาพป่าสวยๆ ที่เราเห็นก็ถ่ายทำกันในเบลเยียมนั่นเอง ก็ดูสวยแบบแปลกตาเล็กๆ ครับ (เพราะผมว่าป่าแต่ละแห่งก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่างกันไปครับ) จุดต่อมาที่ดูจะเวิร์กคือการเดินเรื่องตอนต้นๆ ครับ มันมีการทิ้งปม เผยปม หรือเปิดประเด็นอะไรบางอย่างให้เรารู้สึกว่าหนังมันดูมีอะไรครับ มันดูมีความลับ ดูมีความผิดปกติ อารมณ์ตอนต้นเลยไม่เชิงเป็นหนังสยอง แต่ออกแนวชวนสงสัย ชวนให้ติดตาม
และยิ่งตัวละครหลักๆ เป็นเด็กที่ปกติจะไม่โดนนำมาฆ่าในหนังแบบนี้ (เพราะมันจะดูทารุณเกินไป) ก็ยิ่งทำให้อยากรู้ครับว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไงต่อ เพราะตัวละครที่เป็นวัยรุ่น (ที่มักเป็นเป้าในการสังหารของหนังแบบนี้) ก็มีไม่เยอะ ส่วนมากเป็นลูกเสือทั้งนั้น แล้วเรื่องมันจะลงเอยแบบไหน แต่น่าเสียดายครับที่ความน่าติดตามมันมีแค่ตอนต้นๆ เพราะพอเรื่องเดินไปถึงกลางๆ หนังก็ค่อยๆ เดินตามสูตรหนังเชือดทั่วไปทีละน้อย จนในที่สุดหนังก็ไม่มีอะไรเกินคาดเดาครับ มันลงล็อคหนังแบบนี้เลย การเฉลยปมก็ไม่ได้ชวนอึ้ง ส่วนตอนจบก็ลงสูตรอีกเช่นกัน
และอยากจะบอกว่าเป็นการลงสูตรที่ลงสูตรมากน่ะครับ เหมือนทุกอย่างถูกเขียนมาให้มันจบลงล็อคตามนี้ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่เผอิญว่าระหว่างทางมันไม่ได้มีการสร้างสถานการณ์บิ้วให้ตอนจบแบบนี้ดูน่าเชื่อถือหรือดูสมเหตุผลสักเท่าไร ถ้าจะบอกว่าเป็นการหักมุมมันก็ไม่ใช่น่ะครับ เพราะอะไรๆ มันชวนให้เดาได้ตั้งแต่ 15 นาทีก่อนจบแล้ว ยิ่งใครคุ้นชินหนังแนวนี้มา เชื่อว่าคงเดาได้ตั้งแต่กลางเรื่อง ซึ่งสุดท้ายมันก็อย่างที่คาดครับ ไม่มีอะไรพลิกโผ ความลึกลับที่ปูๆ ไว้ตอนต้นก็เหมือนจะไม่ก่อประโยชน์เท่าที่ควร
แต่หากมุ่งเน้นตรงฉากฆ่า ก็ถือว่าโหดพอดูครับ หลายฉากก็แรงและน่ากลัวพอประมาณ แต่ก็อย่างที่บอกครับ หากใครคุ้นชินกับหนังแนวนี้ ก็อาจจะไม่รู้สึกเป็นพิเศษอะไร เพราะที่โหดหนักกว่านี้ก็มีมาแล้ว (อย่าง Haute Tension ที่จัดว่าโหดจริง แบบคาดไม่ถึง) สรุปว่าหนังก็เป็นแนวเชือดที่ดูน่าสนใจและให้ความหวังในตอนต้นๆ ครับ มันดูคล้ายๆ กับว่าจะมีอะไรที่ไม่เหมือนใครเกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ (บางจังหวะชวนให้คิดถึง The Cabin in the Wood เลยล่ะ) แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรครับ คิดไงได้งั้นเลย
CUB ทำให้เกิดกระแสฮือฮาในประเทศเล็กๆ ที่น่ารักของเราอย่างเบลเยียม เพราะเป็นภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องแรกที่ฉายในเบลเยียม หรืออย่างน้อยก็มาจากพื้นที่ที่ใช้ภาษาดัตช์ที่ชื่อว่าแฟลนเดอร์ส ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะก่อนหน้านี้เรามีภาพยนตร์สยองขวัญ (และภาพยนตร์คัลท์) มากมาย เช่น Devils of Darkness, Lucker, Parts of the Family, Afterman และ Engine Trouble แม้กระทั่งยังมีการถกเถียงกันว่านี่เป็นภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องแรกที่ใช้ภาษาเฟลมิชล้วนๆ เพราะยังมี Linkeroever, Alias, De Potloodmoorden
และเรื่องไร้สาระที่ชื่อว่า The Antwerp Killer แต่เอาจริง ใครจะไปสนใจล่ะว่านี่ไม่ใช่เรื่องแรก นอกจากนี้ยังไม่ใช่หนังสยองขวัญที่สร้างสรรค์ที่สุดและแน่นอนว่าไม่ใช่หนังสยองขวัญที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ “Welp” เป็นหนังสยองขวัญของเบลเยียมที่สนุกสนานอย่างไม่ต้องสงสัยด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดและน่าติดตาม การแสดงที่ยอดเยี่ยม และภาพเลือดสาดเล็กน้อย ตัวเอกใน “Welp” ล้วนเป็นลูกเสือรุ่นน้อง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ยอดเยี่ยมของ Jonas Govaerts ผู้เขียนบทและผู้กำกับ เนื่องจากนี่เป็นปรากฏการณ์แบบฉบับของเบลเยียม แทบทุกคนในประเทศนี้เข้าร่วมสหพันธ์ลูกเสือในวัยเยาว์ ส่วนฉันเองไม่ได้เข้าร่วม และฉันรับรองกับคุณได้ว่าเพราะเหตุนี้ฉันจึงกลายเป็นคนนอกคอกในโรงเรียน ในช่วงบ่ายวันพุธ เพื่อนร่วมชั้นทุกคนจะไปเล่นเกมลูกเสือที่ป่า ในขณะที่ฉันกลับบ้านไปที่โซฟาและดูหนังสยองขวัญที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ดู ความทรงจำ
แซม ลูกเสือคนหนึ่งก็เป็นคนนอกคอกเช่นกัน ขณะที่กำลังเดินทางไปยังป่าดิบชื้นทางตอนใต้ของเบลเยียม (เรียกว่า “The Ardennes”) CUB เพื่อเข้าค่ายเอาชีวิตรอดประจำปี แซมสังเกตเห็นรูปร่างลึกลับและที่ซ่อนลับระหว่างต้นไม้ แต่ไม่มีใครเชื่อเขา แน่นอนว่าแซมตัวน้อยพูดถูก เพราะในไม่ช้าพื้นที่ป่าไม้ก็กลายเป็นอาณาเขตของฆาตกรต่อเนื่องที่โหดร้ายและลูกน้องตัวน้อยที่สับสน ลูกเสือตัวอื่นๆ คอยทำให้แซมอับอายอยู่เสมอ และหัวหน้าลูกเสือก็ยุ่งอยู่กับการจูบและแสดงความเย่อหยิ่ง แต่พวกเขาไม่สามารถละเลยกับกับดักอันตรายที่วางอยู่ทั่วป่าได้ “Welp” เต็มไปด้วยคำพูดซ้ำซากและภาพจำมากมาย
แต่ฉันเดาว่านั่นแทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อคุณกำลังสร้างภาพยนตร์แนวสยองขวัญย้อนยุค ส่วนที่คล้ายกับ “Friday the 13th” และภาพยนตร์คลาสสิกเรื่องอื่นๆ อาจเรียกได้ว่าเป็นการแสดงความเคารพก็ได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือผู้กำกับ Jonas Govaerts รู้ความหมายที่แท้จริงของคำว่า “สยองขวัญ” เป็นอย่างดี และเขาไม่กลัวที่จะฝ่าฝืนข้อห้ามหรือแทรกจุดพลิกผันที่น่าตกใจ ตัวอย่างเช่น มีฉากการตายที่น่าสะเทือนใจสองสามฉากที่เกี่ยวข้องกับเด็กเล็ก และฉากที่ใช้สุนัขเป็นปิญาต้า! นอกจากนี้
บรรยากาศของภาพยนตร์ยังน่าสะพรึงกลัวและน่ากังวลอย่างต่อเนื่อง โดยบทภาพยนตร์แทบจะไม่มีอารมณ์ขันเลย แต่มีการใช้กล้องที่มืดหม่นและดนตรีที่น่ากลัวอย่างเข้มข้น การแสดงก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน นักแสดงหนุ่ม Maurice Luijten ประทับใจมากที่สุด แต่ Titus De Voogdt และ Evelien Bosmans ที่น่ารักก็เล่นเป็นหัวหน้าลูกเสือได้ดีมาก Stef Aerts แสดงได้ดีที่สุดเมื่อเป็นผู้ใหญ่ในบทหัวหน้าลูกเสือที่หยิ่งผยองและเอาแต่ใจอย่าง Baloo พฤติกรรมของเขาอาจดูเกินจริง แต่ตามที่เพื่อนลูกเสือเก่าของฉันหลายคนบอก หัวหน้าลูกเสือที่โง่เขลาอย่างเขามีอยู่จริง
หนังเรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณรู้สึกแปลกใหม่อะไร หนังประเภทนี้ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้คุณสนใจจนจบเรื่อง คนมักจะเข้าไปในป่าและพยายามหาทางเอาตัวรอดออกมาให้ได้ แม้ว่าหนังประเภทนี้จะเป็นหนังแนวสแลชเชอร์ทั่วไปอย่างที่หลายๆ คนพูดกัน แต่ก็มีมุมมองที่ดี ไม่มีเลือดหรือฉากเปลือยหรือฉากเซ็กส์มากนัก หนังเน้นที่ตัวละครและเรื่องราวเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกอินไปกับหนังมากขึ้นและเห็นใจตัวละคร การถ่ายภาพและการกำกับทำได้ค่อนข้างดี และบทหนังก็ทำให้คุณดูจนจบเรื่อง แต่ไม่ต้องคาดหวังว่าจะมีเลือดและความน่ากลัวมากเกินไป หนังประเภทนี้มีบรรยากาศแบบหนังสยองขวัญสมัยเก่าๆ คือให้ความรู้สึกตื่นเต้นแต่ไม่รุนแรงมาก หากคุณต้องการดูฉากเลือดสาดและฉากเลือดสาดมาก ให้ดูหนังเรื่องอื่นแทน นอกจากนี้ เพลงประกอบก็ชวนขนลุก
6.3