Broken Arrow (1996) คู่มหากาฬ หั่นนรก
เรื่องย่อ
Broken Arrow จอห์น ทราโวลต้า รับบท วิค เดียกินส์ นักบินผู้ทรยศ และ คริสเตียน สเลเตอร์ รับบท ไรลี่ย์ เฮล นักบินผู้ช่วยผู้เปี่ยมคุณธรรม ทั้งสองร่วมปฏิบัติภารกิจลับสุดยอดทางทหาร แต่แล้วเดียกินส์และเฮลกลับพบจุดยืนของแต่ละคนที่อยู่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อหัวรบนิวเคลียร์ถูกจารกรรม เฮลรู้ดีว่าเป็นฝีมือของเดียกินส์ ที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง เขาเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตคนนับล้านที่ยืนอยู่บนความพินาศอันใหญ่หลวง พบฉากแอ๊คชั่นยิ่งใหญ่ เทคนิคพิเศษ รวมทั้งบทภาพยนตร์แทรกอารมณ์ขัน เสียดสี ในภาพยนตร์แอ๊คชั่นมันส์ระเบิดฟ้า ผลงานระทึกของจอห์น วู
ผู้กำกับ
- John Woo
บริษัท ค่ายหนัง
- Twentieth Century Fox
นักแสดง
- John Travolta
- Christian Slater
- Samantha Mathis
- Delroy Lindo
- Bob Gunton
โปสเตอร์หนัง
รีวิว
จิบชา รับลม กับมิสเตอร์ อเมริกัน
Broken Arrow จอห์น วู ยุครุ่งเรืองนี่มันเจ๋งแบบนี้นี่เอง เอาจริงแล้วต้องบอกว่า จอห์น วุ แกมาถูกจังหวะจริง ๆ ครับ เพราะ ตอนนี้หนังแอ็คชั่นยุคข้ามาคนเดียวแบบ 80 มันล้าสมัยไปแล้วครับ คนถวิลหาหนังแอ็คชั่นสไตล์ใหม่ ๆ กันให้เพียบ ต้องบอกว่าเป็นช่วงที่ฮอลลีวู้ดนำเข้าบรรดาผู้กำกับจากต่างแดนเข้ามากขึ้นจนเกิดบรรดาหนังแอ็คชั่นสไตล์ใหม่ ๆ เข้ามาให้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น จอห์น วู ริงโก้แลม หรือ ฉีเคอะ ต่างเข้าไปทำหนังในฮอลลีวู้ดกันเป็นล้ำเป็นสันโดยเฉพาะหนังแอ็คชั่นนี่ล่ะที่เหมือนเฮียวูแกจะไปไกลสุด เพราะ สไตล์ของแกที่ดูจะทำให้ฮอลลีวู้ดตื่นตะลึงไม่ใช่น้อยและทำให้วงการหนังนั้นเปลี่ยนแปลงไปพอสมควรครับ อย่างน้อยก็ทำให้หนังฮอลลีวู้ดเปลี่ยนแปลงวิธีคิดไปเยอะครับ
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ เดรค นักบินผู้เป็นเสมือนเพือนและอาจารย์ของไรลีย์ทรยศกองทัพด้วยการขโมยหัวรบนิวเคลียร์ไปเพื่อนำไปขายให้กับพ่อค้าอาวุธคนหนึ่งทำให้ ไรลีย์ที่พ้นจากสังหารของเดรคมาได้ต้องร่วมมือเจ้าหน้าที่สาวเทอร์รี่เพื่อนำหัวรบกลับมาให้ได้ โดยที่เขาไม่รู้ว่า การนำหัวรบไปขายเป็นเพียงแผนการหนึ่งเท่านั้น เพราะแผนการหลักของเดรคคือ การสังหารคนบริสุทธิ์จำนวนมากด้วยหัวรบนี้ นั่นเองที่ทำให้ไรลีย์ต้องหาทางหยุดเพื่อนและอาจารย์ของเขาให้จงได้ครับ นี่คือ หนังในยุคที่คริสเตียน สเลเตอร์กำลังดังเลยครับ เป็นช่วงที่แกมือขึ้นมาก ๆ ชนิดว่า อาณิสงค์นั้นมาจากหนังเรื่องนี้แหละที่ประกบคู่กับทราโวลตร้าแล้วดังพลุแตกกันไปเลยจนมีผลงานแอ็คชั่นตามมาอีกหลายเรื่องก่อนจะดับสนิทด้วยปัญหาส่วนตัวก่อนจะกลายเป็นดาราหนังแผ่นไปในที่สุด (เป็นอีกหนึ่งคนทีดับแสงไวเหลือเกิน)
เอาจริงแล้วต้องบอกว่า หนังแอ็คชั่นสไตล์วูแม่งมันจริง ๆ คือ จังหวะการตัดต่อซีนต่อสู้มันสนุกมาก ๆ มันดูเท่และฉับไวมาก ๆ เมื่อเทียบกับหนังแอ็คชั่นแบบเดิม ๆ และหนังมันโชว์ชิงไหวชิงพริบและมีอะไรมากกว่าการเป็นแค่หนังแอ็คชั่นขโมยหัวรบธรรมดา (เพราะ หนังมันใส่ความเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดเข้ามา และ สิ่งที่ทำก็คือ การสู้กันคนสองคนที่ต้องการชนะกันในเกมอันตรายให้ได้ คือ มึงเฉลยว่า มึงสู้กันนี่แค่เอาชนะกันให้ได้ แค่นี้เห็นหน้าโจวเหวินฟะกับเหลียงเฉาเว่ยมาแต่ไกลเลย) การที่หนังมันพูดเรื่องความสัมพันธ์ของผู้ชายสองคนที่รักกันปานจะกลืนกินก่อนไล่ฆ่ากันนี่ มัน Bromance มาก ๆ คือ Broken Arrow สุดท้ายมันเหมือนสเลเตอร์ตามง้อทราโวต้าแล้วบอกว่า มึงทิ้งกูทำไม ทำแบบนี้ทำไม ก่อนจะจบลงด้วยการสลัดรักกันในช่วงท้ายที่ สเลเตอร์ชนะทราโวตร้านี่เหมือนการบอกกูชนะมึงได้แล้ว กูโตแล้ว กูทิ้งมึงแล้ว และก็จบด้วยชัยชนะของพระเอกทีได้สาวสวยไปครอบครองทิ้งอดีตคู่ขาตายคารถไฟแบบชอกช้ำ 5555
รวมแล้วทั้งซีนระเบิดรถไฟ ทั้งเนื้อหา ทั้งแอ็คชั่น หนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังแอ็คชั่นชั้นดีของจอห์น วู ที่ต้องดูครับ เพราะ มันและคุ้มค่ากับการสนุกจริง ๆ ให้ตายเถอะ 555 แถมการได้เห็นคริสเตียน สเลเตอร์ช่วงรุ่ง ๆ นั้นหายากแล้วนะครับ 555
Broken Arrow แม้ผลงานเรื่องแรกในฮอลลีวู้ดของ John Woo อย่าง Hard Target จะไม่ค่อยทำเงินสักเท่าไร แต่อย่างน้อยลีลาการบู๊เท่ห์ ยิงแบบสโลว์ ถือปืนสองมือ สไลด์ตัวไปลั่นกระสุน แอ็คชั่นทั้งหมดที่ Woo พยายามถ่ายทอดมันก็ยังเข้าตาคนดูกลุ่มหนึ่ง รวมถึงผู้สร้างหลายคนก็จับตามองครับเพราะของแบบนี้ถือว่าสดพอสมควรสำหรับฮอลลีวู้ดยุคนั้น อันทำให้เขาได้โอกาสที่ 2 ในการทำหนังสัญชาติอเมริกันเรื่องนี้ครับ พล็อตครั้งนี้ใหญ่ขึ้น จากคนข้างถนนโดดมาเป็นเรื่องในกองทัพเลยครับ เมื่อวิค เดียกินส์ (John Travolta) นายทหารนายหนึ่งมีแผนโจรกรรมระเบิดนิวเคลียร์ระหว่างการฝึกบิน โดยเขาหมายจะสังหาร ไรลี่ย์ เฮล (Christian Slater) นักบินร่วมก่อนจะล่องหนไปพร้อมกับระเบิด แต่ปัญหาคือไรลี่ย์เองก็ไม่กระจอกครับ มีฝีมือเอาตัวรอดมาได้
จากการปะทะกันของวิคและไรลี่ย์ทำให้เครื่องตกกลางทะเลทราย วิคกับพรรคพวกเลยต้องออกแรงไล่ล่าฆ่าปิดปากไรลี่ย์พร้อมนำระเบิดหนีไปให้ทันตามแผน ส่วนไรลี่ย์เองก็ต้องรับหน้าที่พระเอกหยุดยั้งแผนร้ายครั้งนี้ โดยมีเทอร์รี่ คาร์ไมเคิล (Samantha Mathis) เจ้าหน้าที่อุทยานสาวตกกระไดพลอยโจนมาร่วมหนีตายและสู้กับผู้ร้ายด้วยอีกคน ว่าตามจริงก็คือหนังลงสูตรสำเร็จน่ะครับ ผู้ร้ายหมายขโมยหัวรบ พระเอกก็ต้องยับยั้ง มีการไล่ล่าผลัดกันเป็นต่อ ก่อนจะลงเอยด้วยการปะทะกันขั้นเด็ดขาดซึ่งก็คงเดาได้ไม่ยากนะครับว่าใครจะอยู่ใครจะไป
ตัวหนังนั้นถือว่าดูได้เรื่อยๆ ครับ เพลินพอประมาณแต่ยังไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยมเจ๋งแจ๋วเท่าผลงานเก่าๆ ของ Woo อย่าง โหด เลว ดี หรือ ทะลักจุดแตก จุดเด่นของเรื่องคงต้องยกให้การพลิกมาแสดงบทร้ายของ Travolta ที่ตอนแรกทีมงานเปิดโอกาสให้เขาเลือกเลยครับว่าจะแสดงเป็นใครก็ได้ระหว่างไรลี่ย์กับวิค และเขาก็เลือกวิคซึ่งเป็นตัวร้ายครับ พี่แกก็เล่นได้เนียนจริงๆ ดูเก๋า ร้ายกาจ หลงตัวเอง ซึ่งตอนแกแสดงคงสนุกน่าดูล่ะครับ ได้ยวนได้กวนเต็มคราบขนาดนั้น แล้วยังได้บทพูดคมๆ ร้ายๆ หลายรอบตลอดเรื่องเลยครับ ส่วน Slater ก็ถือว่าเหมาะกับบทไรลี่ย์ในระดับหนึ่ง เพราะเขาดูเก๋าน้อยกว่าวิคแต่ก็มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้ออยู่ในแววตา
หนังยังมีลายเซ็นต์สไตล์ Woo อยู่ครับ Broken Arrow ทั้งเรื่องมิตรภาพลูกผู้ชายที่แม้จะไม่เข้มข้นแต่ก็มีประปราย อย่างวิคกับไรลี่ย์ที่เป็นทั้งมิตรและศัตรู แม้จะห่ำหั่นกันแต่ก็มีบางจุดที่นับถือให้เกียรติกัน บางครั้งก็รู้เท่าทันเกมกัน แต่ก็ยอมรับอย่างครับว่าประเด็นนี้ยังเขย่าไม่ลงตัวสำหรับหนังเรื่องนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะ Woo พยายามใส่ประเด็นนี้ลงไปแล้วทางผู้สร้างไม่ยอม ประมาณว่าหั่นฉากทำนองนั้นออกแล้วเติมแอ็คชันลงไปแทน หรือ Woo ใส่มันลงไปน้อยจริงๆ อันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่โดยสรุปแล้วประเด็นมิตรภาพลูกผู้ชายนี้ยังดีได้อีกครับ
ลายเซ็นต์อื่นๆ ก็คือลีลาแอ็คชันที่มีสโลว์ตามสูตร ถือปืนสองมือยิงกัน การสนทนากันโดยไม่เห็นหน้ากันระหว่างสองตัวเอง โต้คารมกันไปมา หรือรายละเอียดบางอย่างที่ทำให้นึกถึงหนังบู๊จีน อย่างการที่พระเอกนางเอกไม่มีโอกาสได้แนะนำตัวกันจนหนังใกล้จบโน่น หรือประโยคกวนๆ ที่วิคพึมพำว่าเขาไม่เคยฆ่าคนแบบต่อหน้ามาก่อน ลีลาอะไรแบบนี้ก็ชวนให้นึกถึงหนังจีนเก่าๆ ของ Woo เขาเหมือนกัน อย่างที่บอกครับ หนังดูได้เพลินๆ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นสนุกเต็มพิกัด Woo ก็ยังฉายความเป็น Woo ได้ไม่เต็มที่ ถ่ายทอดออกมาแค่ในระดับหนึ่ง ก็คงเพราะไม่อยากจัดเต็มปล่อยหนักแบบ Hard Target ที่คนดูบางส่วนเหวอไปเลยก็มี เรียกว่าเป็นหนังทดลองปรับสไตล์ตนเองให้เข้ากับหนังแอ็กชันแบบฮอลลีวู้ดก็คงได้ อะไรที่ไม่แน่ใจก็ไม่ใส่ลงมา อะไรที่แม่นแล้วก็ใส่ลงไป
ส่วนจุดที่ถือว่ายังดีไม่เต็มที่ก็คงเป็นเรื่องบทที่จริงๆ มันก็เดิมๆ น่ะครับ ยังมีช่วงอืดช่วงช้าบ้าง การเดินเรื่องยังไม่เร้าใจนัก ความตื่นเต้นก็มีเป็นพักๆ ยังไม่จุใจพอ แต่ก็ยังดีครับที่ Travolta แกโผล่มาสร้างสีสันให้หนังได้เป็นช่วงๆ เรื่องนี้จัดว่าทำเงินใช้ได้เลยครับ ทำไป $150 ล้านจากทั่วโลก คุ้มทุนสร้าง $50 ล้านครับ สรุปว่าเป็นหนังแอ็คชันที่ดูได้ครับ อาจไม่มันส์ระเบิดแต่ก็สนุกพอตัว และมีความเป็น Woo ผสมแบบจางๆ พอได้กลิ่นแต่ยังไม่ถึงรส สองดาวกว่าๆ ครับ (6.5/10)
ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Kill Em All 2 (2024) ฆ่าให้เหี้ยน 2
The Ministry of Ungentlemanly Warfare (2024) แสบจารชนคนพลิกโลก
6.3