Big Hero 6 (2014) บิ๊กฮีโร่ 6
เรื่องย่อ
ดูหนัง ออนไลน์ เรื่องราวของหนุ่มน้อยนักประดิษฐ์ ฮิโระ ฮามาดะ ที่กำลังเรียนรู้ถึงอัจฉริยภาพที่เขามีต้องขอบคุณทาดาชิ พี่ชายที่ปราบเปรื่องของเขา รวมถึงเพื่อนๆอย่าง โก โก ทามาโกะ จอมไฮเปอร์, วาซาบิ โนะจินเจอร์ เจ้าระเบียบ, ฮันนี่ เลม่อน แม่มดเคมี,และแฟนบอย เฟรด เมื่อหายนะกำลังคลืบคลามเข้ามาและดึงพวกเขาเข้าไปสู่เรื่องราวสุดอันตรายที่ เกิดขึ้นใน ซาน ฟรานโซเกียว ฮิโระ จึงต้องพึ่งหุ่นยนต์เพื่อนซี้ของเขาที่ชื่อ เบย์แมกซ์ และเปลี่ยนเพื่อนๆของเขาให้กลายเป็นกลุ่มของฮีโร่สุดไฮเทคเพื่อคลี่คลาย เรื่องราวที่เกิดขึ้น
ผู้กำกับ
Darren Lynn Bousman
บริษัท ค่ายหนัง
Twisted Pictures
นักแสดง
- Donnie Wahlberg
- Franky G
- Glenn Plummer
- Beverley Mitchell
- Dina Meyer
- Emmanuelle Vaugier
Erik Knudsen - Shawnee Smith
- Tobin Bell
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
หนังโปรดของข้าพเจ้า
#รีวิวที่ 32/2015 | Big Hero 6 (2014) // มีสปอยล์
1) บอกความรู้สึกก่อนเลยว่า “ไม่ชอบ Big Hero 6” สำหรับผมแล้วมันไม่สนุก บทอ่อน ซ้ำซาก play safe คืองานดีไซน์ งานเทคนิคมันอาจจะดี แต่มันไม่ใช่ส่วนสำคัญที่ดึงดูดให้ผมติดตาม ถ้าใครอยากดูหนังแนวนี้เจ๋ง ๆ แนะนำ The Iron Giant (1999) อนิเมชั่นแจ้งเกิด Brad Bird ดีกว่า (ผกก. The Incredibles และ Mission: Impossible Ghost Protocol)
2) อันที่จริงความ play safe เนี่ย มันมีความเหมาะสมในการเลือกใช้อยู่นะ ในขณะที่หนังใช้ดราม่าอาลัยอาวรณ์ถึงการสูญเสียเพื่อสร้างอารมณ์หนัก ๆ แต่กลับหักหลังด้วยการให้ตัวละครมีชีวิตอยู่ต่อมันดูไม่เวิร์คสำหรับเรา ซึ่งความกล้าเล่นหนัก ๆ ผมขอยกตัวอย่างตอนจบ How to Train Your Dragon ที่กล้าให้ตัวละครสูญเสียขาไปข้างหนึ่งเลย สำหรับอนิเมชั่นเด็กถือว่าแรงพอตัวเลย
3) บทหนังมีปัญหาหลายส่วนมาก ผมค่อนข้างมีปัญหากับการหักมุมคนร้าย ส่วนหนึ่งคือมุกมันตื้นชนิดที่เดาทางออกได้เพราะมันเน้นย้ำบ่อยจนเอะใจ และอีกประการคือแรงจูงใจมันดูเบาบางยัดเยียดเข้ามามากเหลือเกิน, เหล่าตัวประกอบทั้ง 4 ก็เป็นส่วนเกินที่ถูกใส่เข้ามาให้ไม่ดูฉายเดี่ยวมากเกินไป แต่พื้นเพเบาบางมากจนไม่น่าติดตาม
4) องค์ทั้งสามของหนัง (เริ่มโชว์สกิลตัวเอก, เริ่มหาตัวคนร้ายด้วยความแค้น, เอาชนะใจตัวเอง) มีปัญหาในการสร้างน้ำหนักมากทีเดียว อย่างตอนฮิโระกลับตัวเลิกใช้ความสามารถในทางที่ผิดมันก็ดูไม่ได้มีน้ำหนักจูงใจขนาดนั้น ยิ่งตอนประดิษฐ์ไมโครบ็อทนี่ดูล้ำเก่งเว่อร์มากทีเดียว บางทีปัญหามันอาจจะอยู่ที่ตัวละครมันเก่งเกินไป คือสูตรของหนังแนวนี้ก็คือตัวละครเก่งแต่เป็น loser กลับตัวอยู่แล้ว แต่ทีนี้ฮิโระมันดันดูเก่งเกินไปจนไม่อินตามเท่านั้นแหละ
5) ฉากแอ็คชั่นที่ควรจะเป็นโชว์ของก็ค่อนข้างน่าเบื่อ เราอาจจะเบื่อที่มันดูเดิม ๆ โชว์ท่านู่นท่านี่กำจัดเป้านิ่งเหมือนเน้นขาย visual มากกว่าจะสร้างสรรค์ฉากแอ็คชั่นให้หวือหวาตื่นตา ไมโครบ็อทแต่ละฉากก็ดูไม่ฉลาดเลย มุกเอาตัวรอดของ 4 ตัวละครสมทบมันก็ไม่ได้เกิดจากไหวพริบแต่เกิดจากว่าไมโครบ็อทมันอ่อน เปิดช่องให้คนเขียนได้โชว์มุกที่เหมือนจะฉลาด พอพูดถึงมุมแอ็คชั่นแล้วอยากเทียบกับ The Incredibles ของแบรด เบิร์ดมาก ๆ ว่าทำไมเขาทำอนิเมชั่นซูเปอร์ฮีโร่ครอบครัว อนิเมชั่นเด็กชวนตื่นเต้นลุ้นระทึกได้ขนาดนั้น
6) พอเขียนมาถึงตรงนี้ยิ่งเห็นถึงความสามารถของแบรด เบิร์ดมากขึ้นเยอะเลย ในการทำอนิเมชั่นดราม่าแบบ Iron Giant ที่เนื้อหาเกี่ยวกับเด็กผูกมิตรกับหุ่นยนต์ยักษ์ที่ถูกรัฐบาลจ้องจะกำจัด เขาทำให้คนดูแบบผมอินกับความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับหุ่นยนต์ยักษ์ใสซื่อได้ดีกว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮิโระกับเบย์แม็กซ์เยอะมาก พอมุมแอ็คชั่นเขาก็ดูมีวิสัยทัศน์ฉากแอ็คชั่นทีมเวิร์คเด็ก+ทีมเวิร์คครอบครัวได้ดี
7) ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเบย์แม็กซ์ถึงเป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ชม มันน่ารัก มันมีอารมณ์ขันจากความใสซื่อสูง หนังทำให้เบย์แม็กซ์เข้าถึงคนทั่วไปจนไม่แปลกใจว่าทำไมของเล่นดิสนี่ย์ถึงขายดีเทน้ำเทท่าเสมอมา จนเราเอนเอียงไปยังคำกล่าวอ้างที่บอกว่าดิสนี่ย์ไม่ได้หวังกำไรจากการทำหนังเท่ากำไรจากยอดขายของเล่นคาแรคเตอร์ดัง (ก็ขนาด Frozen ยังถูกนำมาฉายใหม่กระตุ้นยอดขายของเล่น)
😎 อนิเมชั่นดิสนี่ย์ยังคงเก่งเรื่องการสร้างอารมณ์บางอย่าง เช่นใน Big Hero 6 ผมสัมผัสถึงความอบอุ่นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างฮิโระกับพี่ชายมากกว่าส่วนอื่นของเรื่อง
9) พอลองไล่ดูอนิเมชั่นที่สร้างโดยดิสนี่ย์ในช่วงหลังปี 2000s ผมไม่เห็นความว้าวจากดิสนี่ย์เลยแฮะ ที่พอโอเคก็มี Treasure Planet, Tangled กับ Wreck-It Ralph เท่านั้นเอง ค่ายที่ผมชอบกลับเป็น Dreamworks ที่มี Chicken Run, Shrek, How to Train Your Dragon มากกว่า หรืออย่าง Pixar ก่อนหน้านี้ก็มีแต่ตัวแรง (ช่วงหลังนี่ฟอร์มตกจนน่าใจหาย)
Directors: Don Hall, Chris Williams
6/10
mninho
รีวิวหนัง : Big Hero 6 (2014) บิ๊กฮีโร่ 6 หุ่นยนต์เพื่อสุขภาพ
เมื่อปีที่แล้วค่ายดิสนี่ย์ส่งอนิเมชั่นแฟนตาซีเรื่อง Frozen มาเอาใจสาวๆกันไปในแล้ว ในปีนี้เลยส่ง Big Hero 6 อนิเมชั่นแนวฮีโร่มาเอาใจหนุ่มๆกันบ้าง แถมในหนังยังมีการผสมผสานวัฒนธรรมของซีกโลกตะวันออกกับฝ่ายโลกตะวันตกด้วย โดยเป็นผลงานการกำกับของ ดอน ฮอลล์ และ คริส วิลเลี่ยมส์
หนังเล่าถึง ฮิโระ ฮามาดะ เด็กชายอัจฉริยะด้านการประดิษฐ์ในเมือง ซานฟรานโซเกียว(มาจากซานฟรานซิสโกกับโตเกียว) ที่ดันใช้ความสามารถไปกับการแข่งพนันหุ่นยนต์ ทาดาชิ พี่ชายจึงออกอุบายชวน ฮิโระ ให้มาดูผลงานการประดิษฐ์ของเขาและ โก โก ทามาโกะ , วาซาบิ โนะ, ฮันนี่ เลม่อน และ เฟรด เพื่อนๆของเขาที่มหาวิทยาลัย
ฮิโระ เริ่มคล้อยตาม ทาเคชิ สิ่งประดิษฐ์ของเขาได้รับความสนใจมาก แต่ดันมาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทาดาชิ เสียชีวิต ฮิโระ กลายเป็นคนสิ้นหวัง ล้มเลิกทุกอย่าง ไม่สนใจเรียนต่อ กระทั่งเขาได้พบกับ เบย์แมกซ์ หุ่นยนต์ดูแลสุขภาพที่ ทาเคชิ กำลังพัฒนาอยู่ ฮิโระ พบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับการตายของ ทาเคชิ เขาจึงดัดแปลง เบย์แมกซ์ ให้กลายเป็นหุ่นยนต์ต่อสู้ พร้อมกับตั้งทีมซุปเปอร์ฮีโร่ร่วมกับเพื่อนๆของ ทาเคชิ
บทหนังสร้างสรรค์และแหวกแนวทางของอนิเมชั่นดิสนี่ย์พอสมควร ทั้งเนื้อหาที่เกี่ยวกับซุปเปอร์ฮีโร่ และ การหลอมรวมความเป็นเอเชียให้เข้ากับอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นฉากหลังหรือตัวละครนำ ซึ่งผลที่ออกมากล่อมกล่อม ลงตัว แบบคาดไม่ถึง อารมณ์ของหนังมีหลากหลาย ตั้งแต่ ตลก แอ็คชั่น ไปจนถึง ดราม่า นำเสนอมิตรภาพระหว่างคนกับหุ่นยนต์ได้น่าสนใจ
มีการยั่วล้อภาพยนตร์ฮีโร่ค่ายมาร์เวลและขบวนการเรนเจอร์ฝั่งเอเชียได้อย่างสนุกสนาน ปนน่ารัก ไม่ถึงกับจิกกัด แค่แซวขำๆ สิ่งที่โดดเด่นจริงๆคือการทำภาพซึ่งสวยงามสุดๆ เก็บรายละเอียดเมือง ซานฟรานโซเกียว ได้ดี ไฮไลท์เป็นฉากเบิร์ดอายวิวบนท้องฟ้าที่ทำเอาคนดูบางคนอ้าปากร้องว้าวให้กับความงามของเมืองนี้
ส่วนตัวเสียดายเนื้อหาช่วงท้ายที่ดูเด็กไปนิด มีความเป็นสูตรสำเร็จ คาดเดาได้ ทำให้ขาดบรรยากาศการลุ้นหรือเอาใจช่วยตัวละครหายไป ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากตัวร้ายที่ไม่ได้โหดหรือเก่งเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ภายนอกที่น่าเกรงขาม ตอนแรกดูเหมือนจะมีทีเด็ดอะไรมากกว่านี้ ทำไปทำมากลับเป็นตัวละครที่น่าผิดหวัง เพราะไม่สามารถช่วยขับความเข้มข้นของหนังได้
Big Hero 6 เป็นการชิมลางอนิเมชั่นฮีโร่ที่ยอดเยี่ยมของดิสนี่ย์ สร้างความประทับใจไม่แพ้อนิเมชั่นชั้นดีอย่าง Frozen , How to train your dragon และ The Incredibles คาแร็กเตอร์ของเจ้า เบย์แมกซ์ กระแสตอบรับดี มูลค่าของเจ้าหุ่นยนต์ตัวกลมสีขาวน่ากอดจึงเพิ่มมากขึ้นไปพร้อมๆกับรายได้หนัง สามารถพัฒนาให้มีภาคต่อไปได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็ยังสามารถทำภาคแยกออกมาได้อีก จากบุคลิกของตัวละครอย่าง เฟรด ซึ่งปิดท้ายหนังในฉากเอนเครดิตได้น่าติดตามทีเดียว
คะแนน 8.5/10
โดย นกไซเบอร์
หนังโปรดของข้าพเจ้า
Baymax, Big Hero 6 (2014)
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเบย์แม็กซ์ถึงเป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ชม มันน่ารัก มันมีอารมณ์ขันจากความใสซื่อสูง หนังทำให้เบย์แม็กซ์เข้าถึงคนทั่วไปจนไม่แปลกใจว่าทำไมของเล่นดิสนี่ย์ถึงขายดีเทน้ำเทท่าเสมอมา
8.1