ATM (2012) ตู้ กด ตาย
เรื่องย่อ
การหนีเอาชีวิตรอดจากสถานที่ปิดตาย เมื่อกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางกลับบ้าน แต่ทว่ามีคนหนึ่งในกลุ่มเกิดหิวขึ้นมาแล้วตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ร้านเปิดกลางคืนไม่รับบัตรเครดิตรับแต่เงินสดดังนั้นพวกเขาจึงแวะเขาไปกดเงินที่ตู้ แห่งหนึ่ง แต่เมื่อจู่ๆ ดันเออเร่อไม่สามารถกดเงินได้ เขาจึงเรียกเพื่อนเขามาช่วยดูทำให้ตอนนี้ทุกคนติดอยู่ข้างในตู้ ทันที่ที่พวกเขาแก้ปัญหาได้และกำลังจะออกจากตู้ก็มีชายปริศนามายืนขวางพวกเขาไว้ ชายคนนี้เป็นใคร เขาต้องการอะไร แต่ที่แน่ๆเขาฆ่าคนไปแล้วคนหนึ่ง คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เสียด้วยซ้ำไป สิ่งเดียวที่ป้องกันพวกเขาจากฆาตกรใจโฉดคือตู้ ที่เป็นระบบนิรภัย
จะเข้าได้ต้องรูดบัตรผ่านเข้ามาเท่านั้น พวกเขาจึงปลอดภัยและคิดว่าจะรอจนกว่าจะเช้าผู้คนจะพลุกพล่านแล้วพวกเขาก็จะรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้ แต่มันจะเป็นเช่นนั้นจริงหรอเมื่อเริ่มดึกขึ้นอากาศเย็นจนติดลบหลายองศา สิ่งที่ทำให้พวกเขาอบอุ่นได้มีเพียงเครื่องทำความร้อนที่ติดอยู่ภายในตู้เท่านั้น ซึ่งตอนนี้มันไม่ทำงานแล้ว ! ใช่แล้วเจ้าฆาตกรมันตัดระบบทำความร้อนของตู้ไปแล้ว พวกเขาต้องแข็งตายก่อนจะถึงเช้าแน่นอน พวกเขาต้องหาทางหนีก่อนที่ร่างกายจะขยับไม่ไหวและแข็งตายไปในที่สุด
เมื่อคอเรย์พบปัญหาเรื่องไพ่ในบูธ เดวิดและเอมิลี่ก็มาร่วมกับเขาด้วย จากนั้นทั้งสามก็มองเห็นร่างมีฮู้ดสวมเสื้อคลุมพาร์กาโดยมีฮู้ดซ่อนอยู่ด้านนอกในลานจอดรถ เดวิดและเอมิลีสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวเป็นโจรและพบว่าเขาไม่สามารถเข้าบูธได้หากไม่มีบัตร เมื่อชายสวมหน้ากากฆ่าสุนัขพาสุนัขเดินเล่น พวกเขาพยายามโทรหาตำรวจ แต่คอเรย์ทำโทรศัพท์ของเขาหายในงานปาร์ตี้ แบตเตอรี่โทรศัพท์ของเดวิดหมด และโทรศัพท์ของเอมิลี่อยู่ในกระเป๋าเงินของเธอในรถ ชายสวมหน้ากากปิดเครื่องทำความร้อนของบูธ เดวิดเลือกที่จะเจรจาเรื่องความปลอดภัยโดยมอบเงิน 500 ดอลลาร์ ต่างหู และนาฬิกาให้กับฆาตกร เขาใช้สิ่งนี้เพื่อหลบหนีไปที่รถ ซึ่งเขาพบว่าสายไฟจุดระเบิดของรถถูกตัดขาด และรถไม่สามารถสตาร์ทได้ เขาพยายามโทรเรียก 911 แต่ถูกชายคนนั้นโจมตี เขาทำโทรศัพท์ของเอมิลี่หล่นโดยไม่ตั้งใจขณะที่เขาหลบหนี
เอมิลี่ใช้ลิปสติกเขียนคำว่า “HELP” ที่หน้าต่างบูธเพื่อดึงดูดความสนใจ พวกเขาทั้งสามตัวแข็งทื่อเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพบพวกเขา เมื่อยามพยายามเรียกตำรวจ ชายสวมหน้ากากก็ทุบตีเขาจนตายโดยใช้เหล็กจากท้ายรถของเดวิด เมื่อชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมที่คล้ายกันเข้าไปในบูธ เขาถูกเดวิดและคอเรย์ฆ่าตาย แต่ถูกเปิดเผยว่าเป็นภารโรงผู้บริสุทธิ์ คอเรย์ผิดหวังจากไป จบลงด้วยการชนสายไฟ ล้ม และถูกชายสวมหน้ากากแทง
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง เดวิดและเอมิลี่ก็รู้ว่าคอเรย์ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาดึงเขามาจากข้างนอก และจัดการอย่างหวุดหวิดเพื่อกลับไปที่บูธก่อนที่ชายสวมหน้ากากจะเข้าไปหาพวกเขาได้ ชายคนนั้นขวางประตูบูธด้วยรถของ David และพยายามแช่แข็งพวกเขาให้ตายด้วยการเติมน้ำเย็นลงในบูธ คอเรย์เสียชีวิตจากการเสียเลือดและภาวะอุณหภูมิร่างกายลดลง เดวิดยกเอมิลี่ขึ้นบนไหล่เพื่อกระตุ้น สัญญาณเตือนภัย ของระบบฉีดน้ำดับเพลิงแต่เขาลื่นไถล ทำให้เอมิลี่ล้มลงและคอของเธอหักสาหัส
ชายสวมฮู้ดกระแทกรถของเดวิดเข้าไปในบูธ เดวิดโกรธจัดค็อกเทลโมโลตอฟและขว้างมันใส่ฆาตกร แต่ร่างที่เขาจุดไฟเผากลับกลายเป็นผู้คุมที่ตายไปแล้ว ตำรวจมาถึงแต่ก็จับกุมเดวิดขณะที่ชายสวมหน้ากากซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน ขณะที่เดวิดถูกขับออกไป เขาเห็นร่างหลายร่างสวมเสื้อคลุมอยู่ท่ามกลางฝูงชน ตำรวจเก็บบันทึกการเฝ้าระวังเหตุการณ์ในตู้เอทีเอ็มได้ แต่ฆาตกรได้วางแผนการกระทำของเขาเพื่อไม่ให้ปรากฏในภาพ โดยตีกรอบให้เดวิดเป็นผู้ก่ออาชญากรรม ในฉากสุดท้าย ชายสวมหน้ากากกลับไปที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งเขาเริ่มวางแผนการโจมตีที่คล้ายกันในตู้ เครื่องอื่น
ผู้กำกับ
เดวิด บรูคส์
บริษัท ค่ายหนัง
- ไอเอฟซี มิดไนท์
นักแสดง
- Brian Geraghty
- อลิซ อีฟ
- จอช เพ็ค
- ไมค์ โอ’ไบรอัน
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
ให้คะแนน6/10 ครับ
ถือเป็นหนังที่น่าสนใจหากพิจารณาจากคนเขียนบท Chris Sparling ที่เคยเขียนหนังว่าด้วย “ที่แคบ” มาแล้วอย่าง Buried (แล้วเรื่องนี้ก็ออกมาน่าพอใจอย่างมาก)
โดยเรื่องนี้ก็ว่าด้วยที่แคบอีกครับ เมื่อคน 3 คนเข้าไปในตู้เอทีเอ็มตอนดึกๆ แล้วพบว่าบ้างนอกมีอะไรผิดปกติ นั่นคือมีคนจ้องพวกเขาอยู่ แล้วนั่นเองคือจุดเริ่มของความสยอง
พล็อตตั้งต้นน่าสนครับ การเดินเรื่องตอนต้นจริงๆ ก็โอเคนะ แต่พอเดินเรื่องไปสักพักก็เหมือนว่าหนังวนอยู่กับที่ จนไปๆ มาๆ ความน่าสนใจก็ลดปริมาณลงตามลำดับ
ซึ่งคำว่า “วน” ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเพราะหนังมีฉากแค่ฉากเดียวแล้วเลยน่าสนใจน้อยลงนะครับ เพราะหนังอย่าง Buried หรือ Phone Booth ก็มีฉากหลักๆ แค่ฉากเดียว แต่หนังเหล่านั้นยังน่าสนใจเพราะบทมันมีอะไรให้เราลุ้นอยู่เรื่อยๆ มีโจทย์ใหม่ๆ มาให้คนดูเกร็งไปกับตัวละคร และในแง่บทมันสมเหตุผล มันทำให้เราเชื่อว่าพวกตัวละครหนีไปไหนไม่ได้แน่นอน
ATM (DAVID BROOKS/2012/US)
A+++++++++++++++++++++++++++++
THIS IS A GOLDEN YEAR OF HORROR FANS LIKE ME!
สองหนุ่มหนึ่งสาวไปกดเอทีเอ็มกลางดึกในวันคริสมาสต์ ความซวยมาเยืนตรงที่นอกตู้มีผู้ชานสวมเสื้อกันหนาวมีฮู้ด ยืนจ้องมาหาเรื่อง แล้วพอมีคนผ่านมาผู้ชายคนนั้นก็ฆ่าทิ้ง สองหนุ่มหนึ่งสาวติดอยุ่ในตู้เอทีเอ็มที่ไอ้โรคจิตตัดสายเครื่องทำความร้อนแล้วเฝ้าคอยเงียบเชียบข้างนอกมองดูการดิ้นรนเอาตัวรอดที่ทำไปก็ไร้ผล
จากโลงตอกตายใน BURIED คราวนี้โลกของตัวละครจำกัดอยู่ในตู้เอทีเอ็ม(แบบที่ใหญ่ๆหน่อยไม่ได้เล็กแคบๆเหมือนบ้านเรา ตู้กระจกกลายเป็นห้องแสดงภาพของคนชั้นกลางสามคนที่ดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยวิธีการต่างๆนาๆ จากคนที่ยืนอยู่ข้างนอกโดยไม่อบกจุดประสงค์
ในทางหนึ่งตู้เอทีเอ็มนี่น่าสนใจมากในการแทนภาพมนุษยืในที่สงบปลอดภัย ทั้งในแง่การรรักษาความปลอดภัย และในแง่นัยยะเกี่ยวกับโลกที่ยืนอยู่ได้ด้วยเงินทอง คือเข้าทำนองว่าแค่มีเงินก็พอจะแก้ปัญหาอะไรได้ (แล้วตัวเอกก็ซื้อพอจะลองแก้ปัยหาด้วยเงินจริงๆด้วย กล่าวให้ถึงที่สุดหนังก้เลยฉายภาพความหวาดวิตก หวั่นไหว ไม่มั่นคงของคนชั้นกลางต่อภาวะภายนอกที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้ วางตำแหนย่งแห่งที่จัดเต็มว่า ต่อให้คุณอยู่ในที่ที่มีเงินก็เถอะ อันที่จริงตู้เอทีเอ็มที่มีลักษณะเหมือนตู้ปลาโชว์ เป็นทั้งอาณาเขตหวงห้าม(ไม่มีบัตรเข้ามาไม่ได้ แล้วในขณะเดียวกันมันก้เปิดเผยให้เห็นอย่างหมดจด กลายเป็นสัตว์ที่โชว์ความอ่อนแอให้สังเกตได้ ที่โหดไปกว่านั้นคือหนังแสดงให้เห็นว่าในโลกใหม่นี้ที่มีกล้องติดตั้งอยู่ทั่วหัวระแหง มีตำรวจสายตรวจ มีตู้เอทีเอ็มคอยรอตอบสนองกรจับจ่ายของเราตลอดเวลา โลกที่เราคิดว่าปลอดภัยไว้ใจได้นั้นไม่มั่นคงขนาดไหน แค่เพียงผู้ชายไม่ทราบชื่อยืนอยู่คนเดียวนอกตู้ เราก็ไปไม่เป็นแล้ว ความกลัวอันไม่รู้ทิศทางฝังรากติดหนึบหับสภาพจริงที่เราปลอบประโลมด้วยเครื่องมือเทคโนโลยีแบบต่างๆ
แต่ที่สุดขอบคือช่วงจบของหนังที่แสดงให้เห็นถึงช่องว่างของมันขีดจำกัดความสามารถของเครื่องมือ หรือระบบที่ไม่ใช่แค่ทำให้เราตกเป็นเหยื่ออย่างเดียวแต่ยังกลับข้างความจริงของเราได้ด้วย ถึงที่สุดเครื่องบันทึกความจริงได่้ทำหน้าที่ในการบันทึกความจริงส่วนเดียว และทิ้งส่วนที่เหลือไว้ให้ปะติดปะต่ออย่างผิดๆถูกๆ และเมื่อเราอยุ่ในโลกที่เชื่อถือเครื่องมือมากกว่ามนุษยื เราก็ยิ่งเห็นควาเปราะบางนี้ฉายชัด
ตัวหนังมันอาจจะเป็นแค่หนังคลิเชที่แคบเรื่องหนึ่ง แต่มันซ่อนนัยสวยงามเอาไว้มากโดยไม่ต้องหลุดออกจากโทนหนังสยองขวัญเลยแม้แต่น้อย
6.3