หมวดหมู่: Comedy ตลก

นักเขียนบทอนุกรมวิธานเชื่อว่าประเภทภาพยนตร์มีพื้นฐานมาจากบรรยากาศตัวละครและเรื่องราวของภาพยนตร์ดังนั้นป้ายกำกับ “ดราม่า” และ “ตลก” จึงกว้างเกินกว่าที่จะถือเป็นประเภท แต่อนุกรมวิธานเชื่อว่าภาพยนตร์ตลกเป็น “ประเภท” ของภาพยนตร์; รายชื่อภาพยนตร์ตลกประเภทย่อยต่างๆอย่างน้อยหนึ่งโหลเรื่องตลกในห้องน้ำ (หรือหนังตลกขั้นต้น)ภาพยนตร์ที่ทำรายได้

รวมเป็นการพัฒนาที่ค่อนข้างเร็วและต้องอาศัยอารมณ์ขันหยาบคายเรื่องเพศหรือ “ห้องน้ำ” เป็นหลัก พวกเขามักจะมีคำหยาบคายที่ดีต่อสุขภาพตัวอย่างเช่นPorky’s (1982), Dumb and Dumber (1994), มีบางอย่างเกี่ยวกับ Mary (1998) และAmerican Pie (1999)

ความคิดขบขันประเภทย่อยนี้ใช้เรื่องตลกเพื่อสำรวจความคิดที่จริงจังเช่นศาสนาเพศหรือการเมือง บ่อยครั้งที่ตัวละครแสดงถึงมุมมองของโลกที่แตกต่างกันโดยเฉพาะและถูกบังคับให้โต้ตอบเพื่อเอฟเฟกต์ตลกและความเห็นทางสังคมตัวอย่างบางส่วน ได้แก่Bob Roberts (1992) และMASH (1970)

ตลกของมารยาทตลกมารยาทเสียดสีมารยาทและ affectations ของสังคมชั้นสูงมักจะแทนด้วยตัวอักษรหุ้น นอกจากนี้ละครตลกเสียดสีและพล็อตมักเกี่ยวข้องกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่ผิดกฎหมายหรือเรื่องอื้อฉาวอื่น ๆ อย่างไร

ก็ตามเนื้อเรื่องโดยทั่วไปมีความสำคัญน้อยกว่าสำหรับเอฟเฟกต์ชวนหัวมากกว่าบทสนทนาที่มีไหวพริบ Comedy ตลก รูปแบบของตลกนี้มีบรรพบุรุษยาวย้อนหลังอย่างน้อยเท่าที่Much Ado เกี่ยวกับสิ่งใดที่สร้างขึ้นโดยวิลเลียมเช็คสเปียร์ตัวอย่างภาพยนตร์แนวตลกขบขัน ได้แก่Breakfast at Tiffany’s (1961) และUnder the Tuscan Sun (2003)

หนังตลกสีดำสีดำขบขันภาพยนตร์เรื่องปกติที่เกี่ยวข้องกับข้อห้ามอาสาสมัครรวมถึงการตายฆาตกรรมอาชญากรรมฆ่าตัวตายและสงครามในลักษณะเสียดสี [9]ตัวอย่างเช่นArsenic and Old Lace (1944), Monsieur Verdoux (1947), Kind Hearts and Coronets (1949), The Ladykillers (1955),

Dr. Strangelove หรือ: How I Learned to Stop Worrying and Love the Bomb (1964 ), The Loved One (1965), MASH (1970), SOB (1981), The King of Comedy (1983),

Monty Python’s The meaning of Life (1983), Brazil (1985), After Hours (1985), The War ของดอกกุหลาบ (1989), Heathers (1989), Wag the Dog (1997), Your Friends & Neighbours (1998), Keeping Mum (2005), Thank You for Smoking (2005), Burn After Reading (2008), The Wolf ของ Wall Street (2013), Three Billboards Outside Ebbing Missouri (2017) และOnce Upon a Time in Hollywood (2019)

ฟาร์ซภาพยนตร์แนวฟาร์ซิคัลพูดเกินจริงสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของความเป็นไปได้ – จึงทำให้มีความบันเทิง [10] ตัวอย่างภาพยนตร์ ได้แก่In the Loop (2009) และSome Like it Hot (1959)

อารมณ์ขันเชิงสังเกตภาพยนตร์เหล่านี้พบอารมณ์ขันในการปฏิบัติทั่วไปในชีวิตประจำวันตัวอย่างภาพยนตร์บางเรื่องของอารมณ์ขันเชิงสังเกต ได้แก่ : Carnage (2011) และThe Divine Secrets of the Ya-Ya Sisterhood (2002)

ล้อเลียน (หรือหลอก)ล้อเลียนหรือสวมรอยภาพยนตร์เสียดสีภาพยนตร์ประเภทอื่น ๆ หรือภาพยนตร์คลาสสิก ภาพยนตร์ดังกล่าวล้อเลียนใช้คำพูดถากถางแบบแผนแบบแผนล้อเลียนฉากจากภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ

และความชัดเจนของความหมายในการกระทำของตัวละครตัวอย่างของแบบฟอร์มนี้ ได้แก่โคลนและทราย (1922), Blazing Saddles (1974), Airplane! (1980), Young Frankenstein (1974), Spaceballs (1987) และScary Movie (2000)

เซ็กส์คอมเมดี้อารมณ์ขันที่มาจากสถานการณ์และความต้องการทางเพศเป็นหลัก[13]เช่นChoke (2008) และKnocked Up (2007)
ตลกตามสถานการณ์อารมณ์ขันที่มาจากการรู้จักกลุ่มหุ้นของตัวละคร
(หรือประเภทของตัวละคร) แล้วเปิดเผยพวกเขาในสถานการณ์ต่างๆเพื่อสร้างการตีข่าวที่น่าขบขันและน่าขันประเด็น: Galaxy Quest (1999) และMadea’s Big Happy Family (2011)

ตลกตรงประเภทย่อยกว้าง ๆ นี้ใช้กับภาพยนตร์ที่ไม่ได้พยายามใช้แนวทางเฉพาะในการแสดงตลก แต่ใช้หนังตลกเพื่อประโยชน์ในเชิงตลก Clueless (1995) และMrs. Doubtfire (1993) เป็นตัวอย่างของหนังตลกตรงๆ

ตบภาพยนตร์เรื่อง Slapstickเกี่ยวข้องกับการกระทำที่โอ้อวดเกินจริงเพื่อสร้างสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้และตลกขบขัน เนื่องจากมันขึ้นอยู่กับการแสดงภาพเหตุการณ์เป็นส่วนใหญ่จึงไม่จำเป็นต้องใช้เสียง ดังนั้นประเภทย่อยจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับภาพยนตร์เงียบและเป็นที่แพร่หลายในยุคนั้น

ที่เป็นที่นิยมดาวเงียบของประเภทหวัว ได้แก่บัสเตอร์คีตัน , ชาร์ลีแชปลิน , รอสโคเคิลและแฮโรลด์ลอยด์ ดาราเหล่านี้บางคนรวมถึงนักแสดงเช่นลอเรลและฮาร์ดีและสามสตอคก็พบว่าประสบความสำเร็จในการผสมผสานความตลกขบขันเข้ากับภาพยนตร์เสียง ตัวอย่างสมัยใหม่ของหนังตลกแนวตลกร้าย ได้แก่Mr. Bean’s Holiday (2007) และThe Three Stooges (2012)

ตลกเหนือจริงการเล่าเรื่องที่มีพฤติกรรมและเทคนิคการเล่าเรื่องที่ไร้เหตุผล รวมถึงการตีข่าวที่แปลกประหลาดสถานการณ์ที่ไร้สาระและปฏิกิริยาที่คาดเดาไม่ได้ต่อสถานการณ์ปกติ [15]ตัวอย่างเช่น Monty Python และ Holy Grail (1975) และSwiss Army Man (2016)

ประเภทย่อยแบบไฮบริดตามอนุกรมวิธานของนักเขียนบทคำอธิบายภาพยนตร์ทั้งหมดควรมีประเภท (ตลกหรือดราม่า) รวมกับหนึ่ง (หรือมากกว่า) จากสิบเอ็ดประเภทการผสมผสานนี้ไม่ได้สร้างประเภทที่แยกจากกัน แต่ให้ความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้

แอคชั่นคอมเมดี้ภาพยนตร์ในประเภทนี้ / ประเภทนี้ผสมผสานการแสดงตลกและแอ็คชั่นการ์ตูนที่เหล่าดารารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวกับพล็อตที่น่าตื่นเต้นและฉากผาดโผน ประเภทนี้กลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดเฉพาะในอเมริกาเหนือในช่วงทศวรรษที่แปดสิบเมื่อนักแสดงตลกเช่นEddie Murphyเริ่มรับบทที่เน้นการกระทำมากขึ้นเช่นใน48 ชั่วโมง (1982) และBeverly Hills Cop (1984)

ประเภทย่อยของแอ็คชั่นคอมเมดี้ (เรียกว่าประเภทมาโครในอนุกรมวิธานของนักเขียนบทภาพยนตร์)หรือหนังตลก Comedy ตลก หนังแนวที่เป็นที่นิยมอย่างมากในบ้านเรา จริงๆก็เกือบทั้งโลกล่ะครับ แต่ในบ้านเรานี่จะดูชัดเจนหน่อย เพราะคนไทยชอบเสียงหัวเราะ

หนังแบบนี้หัวใจหลักคือการสร้างอารมณ์ขัน เสียงหัวเราะ นี่คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในหนังประเภทนี้ ยิ่งถ้าบอกหน้าหนังออกมาอย่างชัดเจนตัวเองเป็นหนังตลก เข้าไปในโรงคือห้ามกริบนะครับ

เมื่อต้องการความตลกหนังจึงต้องเต็มไปด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งที่ดูแล้วชวนให้เกิดการคิดต่อแบบมีอารมณ์ขัน อย่าง สถานการณ์ผิดฝาฝิดตัว , คนต่างขั้วต้องมาอยู่ร่วมกัน , คนซื่อๆที่ไปอยู่ผิดที่ผิดทาง

อะไรทำนองนี้จะเป็นหัวใจเริ่มต้นของพล็อตหนังตลก ที่เหลือคือการเซ็ตสถานการณ์และการสร้างตัวละคร ซึ่งในหนังตลกนี้ตัวละครนี่ถือว่าสำคัญมาก ทำให้ไงให้ตลก และไม่มากไปและไม่น้อยไป ส่วนนี้จัดว่ายากในการสร้างสรรค์ครับ

สิ่งที่เราต้องการจากหนังประเภทนี้คือ อาการขำจน ตกเก้าอี้ตีเพื่อนข้างๆหัวเราะจนกรามค้างอะไรประเภทนี้ เรียกว่าใครทำได้ถึงสิ่งที่ว่ามา นี่จะเป็นหนังตลกที่ประสบความสำเร็จได้ไม่ยากเลยล่ะครับ เพียงแค่..มันทำไม่ง่ายหรอก

และหนังแนวนี้ยังมีการแตกแยกย่อยออกไปเป็นตลกอีกหลายๆแบบเช่น ตลกเจ็บตัว (slap stick) ตลกเสียดสี (Satire) ตลกล้อเลียน (Parody) ซึ่งจริตคนเล่าหนังแนวนี้จะแตกต่างกันไป เดี๋ยวหมดแนวหลักเราจะลองมาเจาะกลุ่มแนวแตกหน่อเหล่านี้กันนะครับ

หากเคร่งเครียดกับอะไรมากๆ หาหนังตลกมาดูซักเรื่องครับ มันช่วยได้เยอะเลยครับผม… ส่วนฟากคนทำ เราว่ากองหนังตลกมันต้องเฮฮานะครับ อย่างน้อยดูหน้าเซ็ทแล้วขำ ถ่ายมาครบได้จัดจังหวะได้

หนังตลกนี่มันสำคัญทุกตอนเลยครับ ทั้งคิด ถ่าย ตัด แต่อยากน้อยคนทำต้องรู้สึกว่ามันตลกก่อนนะแอดเชื่อว่าเพื่อนๆ คงจะคุ้นเคยกับภาพยนตร์ตลกไทยกันเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า, โหดหน้าเหี่ยว ฯลฯ ที่ส่วนใหญ่มักจะเป็นภาพยนตร์ในเครือของ สหมงคลฟิล์ม, RS ฯลฯ

แต่เมื่อช่วงเวลาผ่านไปจำนวนของภาพยนตร์แนวนี้กลับลดลงอย่างมาก แต่มาแทนที่ด้วยกันตัดฉากต่างๆ ในภาพยนตร์มาลงเป็นคลิปวิดีโอใน Social Media และก็มักจะเป็นที่สนใจของผู้คนอยู่ตลอด หรือแม้แต่การที่นำฉากเหล่านั้นไปดัดแปลงเป็นมีมต่างๆ ก็สามารถมอบเสียงหัวเราะและความสุขให้กับผู้คนอยู่เสมอ

อะไรคือสิ่งที่ทำให้กาลเวลาไม่สามารถทำให้ความน่าสนใจของภาพยนตร์รูปแบบนี้ลดน้อยลงเลย เบื้องหลังของความฮาไร้ขีดจำกัดที่ผู้คนต่างหลงใหลนี้คืออะไร วันนี้แอดจะพาคุณย้อนไปสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งความฮาแบบไทยๆ ให้หายคิดถึงกัน จะมีอะไรบ้างลองไปอ่านให้ฮาแตกกันได้เลย

(1) ฮาให้สุด ด้วยมุกตลกในทุกๆ ฉากขึ้นชื่อว่า ‘ภาพยนตร์’ ในแต่ละฉากล้วนมีจุดประสงค์ของฉากเหล่านั้นเสมอ เช่นทำให้คนดูรู้สึกถึง ความเศร้า, รับรู้ถึงมิตรภาพ, สร้างแรงบันดาลใจ ฯลฯ แต่ภาพยนตร์แนว Commedy ของไทย หากลองสังเกตดูว่าในทุกๆ ฉาก ต่อให้มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันยังไง ก็มักจะมี ‘มุกตลก’ อยู่ในนั้นเสมอ

การใส่มุกตลกเข้าไปในทุกฉากแบบนี้ หากเป็นภาพยนตร์ทั่วไปก็คงจะไม่มีความสมดุลซักเท่าไหร่นัก แต่น่าแปลกเมื่อภาพยนตร์ได้นำมุกตลกเหล่านี้มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินเรื่องหลัก

มันอาจไม่ตอบโจทย์หรือลงลึกในส่วนของอารมณ์จากเนื้อหาหลักได้มากนัก แต่ผู้คนก็สามารถรับรู้ได้ว่าเนื้อเรื่องกำลังดำเนินไปอย่างไร เกิดอะไรขึ้น ดำเนินไปเพื่ออะไร อีกทั้งมุกตลกต่างๆ ก็สามารถสร้างเสียงหัวเราะได้ตรงจุดประสงค์ของหนังตลกอีกด้วย

หากจะมองว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวแปลกๆ ของหนังตลกไทยก็ว่าได้ และด้วยการแทรกมุกเหล่านี้ยังทำให้ผู้ชมได้จดจำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปอยู่ในความทรงจำได้อย่างน่าสนใจ สิ่งที่จะพิสูจน์เรื่องนี้ก็คือ เมื่อคุณได้ยินมุกจากหนังพวกนี้แล้วคุณก็มักจะรับรู้ได้ทันทีว่ามาจากหนังเรื่องอะไร บางคนอาจรู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ในฉากไหนท่อนไหนของเรื่อง ซึ่งเป็นความอัศจรรย์ของภาพยนตร์แนวนี้ของไทย

(2) ใช้ ‘คำหยาบ’ ในแบบที่ ‘ไม่หยาบ’มุกตลกส่วนมากนั้นมักจะมาควบคู่กับ ‘คำหยาบ’ ในส่วนนี้แอดไม่ได้มองว่ามันเป็นดราม่า หากจะมองว่ามันก็เป็นส่วนหนึ่งของเทคนิคการใช้คำพูดก็คงไม่แปลก ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ ก็คือ ‘น้าค่อม ชวนชื่น’ ที่ไม่ว่าใครก็อยากให้เขาด่า กรณีนี้คือตัวอย่างของการใช้ ‘คำหยาบ’ ที่ ‘ไม่หยาบ’ ได้อย่างชัดเจน

การใช้คำหยาบในภาพยนตร์หรือแม้แต่การสื่อสารในทุกรูปแบบมันมีเส้นบางๆ ของความเหมาะสมอยู่ หรือก็คือหากเลือกที่จะใช้ ‘คำหยาบ’ ในการสื่อสาร เราก็ควรที่จะประเมินสถานการณ์และอารมณ์ของผู้ที่จะได้ยิน ‘คำหยาบ’ เหล่านั้นให้ดี เพราะหากปล่อยคำเหล่านั้นออกไปอย่างผิดที่ผิดเวลา ก็อาจทำให้เป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทได้

แล้วทำไมในหนังถึงใช้ได้ล่ะ? นั่นก็เพราะจุดประสงค์ของคนดูที่เข้ามารับชม คงไม่มีใครอยากหัวเราะจากการไปดูหนังดราม่าหรอกจริงไหม คนที่เข้ามาดูหนังตลกเขาก็ต้องการความตลกและเสียงหัวเราะ ฉะนั้นคนดูต่างรับรู้ได้ว่าคำหยาบในภาพยนตร์ ไม่ใช่คำด่าที่มีผลกระทบทางจิตใจ แต่สร้างขึ้นมาเพื่อกระตุ้นการตบมุก และดึงอารมณ์ของผู้ชมให้เข้าสู่วังวนของมุกตลกได้

(3) ตอกย้ำภาพจำด้วย ‘นักแสดงตลก’ในเมื่อเป็นหนังตลกแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่นักแสดงจะไม่ใช่ตลก Comedy ตลก ส่วนใหญ่แล้วภาพยนตร์แนวนี้จะใช้นักแสดงมากกว่าครึ่งหรือทั้งเรื่องเป็น ‘ดาวตลก’ ที่ผู้คนต่างรู้จักกันดีอยู่แล้ว นั่นหมายความว่าเรื่องของบุคลิคหรือคาแรคเตอร์ตัวละคร ก็จะถูกคัดมาด้วยความชัดเจนอยู่แล้วตามสายการเล่นตลกของนักแสดงคนนั้น

สายการเล่นตลกเหล่านี้ จะถูกนำมาใช้เปรียบเทียบความเหมาะสมในการรับบทบาทในภาพยนตร์ เช่น ‘นุ้ย เชิญยิ้ม’ ที่จะเป็นตลกสายปูที่จะเป็นคนเริ่มต้นประโยคสนทนา ก็จะเหมาะกับคาแรคเตอร์ที่มีความจำเป็นในการดำเนินเรื่อง และให้ตลกสายตบมุกอย่าง ‘น้าค่อม, แจ๊ส’

เป็นคนปิดประโยคด้วยคำหยาบหรือคำด่าที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงบทบาทที่เป็นคนกลางในการรับปัญหาแล้วลากอารมณ์ของหนังไปสู่ความฮานอกจากนี้ยังคงมี ‘ตลกสายเสริม’ ที่จะมาเป็นตัวเซ่อหรือตัวโดน ที่จะช่วยให้คนดูหลุดจากเนื้อเรื่องหลักชั่วคราว เพื่อลดความตึงเครียดหรืออารมณ์บางอย่างที่มากเกินไปของการดำเนินเรื่องในภาพยนตร์ เช่น ‘จตุรงค์ มกจ๊ก’, หรือน้าค่อมเองก็สามารถเป็นตัวนี้ได้เช่นกัน

(4) ต้องมีนักแสดงเจ้าบทบาท เพื่อดำเนินเรื่องต่อให้เป็นหนังที่สร้างมาเพื่อความฮาแค่ไหน แต่เนื้อเรื่องหลักก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างภาพยนตร์อยู่ดี ฉะนั้นภาพยนตร์ตลกไทยนอกจากนักแสดงตลกแล้ว ก็จำเป็นที่จะมีการใช้นักแสดงเจ้าบทบาทในการดำเนินเรื่องอยู่ด้วยเสมอ
โดยเนื้อเรื่องของภาพยนตร์แนวนี้จะไม่มีความสุดทางในเนื้อหาซักเท่าไหร่นัก
อธิบายให้เข้าใจก็คือ ต่อให้คิดเนื้อเรื่องมาแบบดราม่าแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะกระแทกความรู้สึกด้านลบของผู้ชมได้

อย่างรุนแรงมากนัก เช่น เรื่อง ‘โหดหน้าเหี่ยว’ ที่มีเนื้อเรื่องถึงความสัมพันธ์และความแค้นของคนที่ถูกเพื่อนสนิทพรากทุกสิ่งทุกอย่างไป ฟังดูโหดร้ายใช่ไหม แต่หนังกลับไม่ทำให้เรารับรู้ถึงความโหดร้ายนี้มากนัก เพียงแค่ใช้โครงเรื่องนี้ในการดำเนินความฮาก็ว่าได้

ซึ่งการที่นำนักแสดงเจ้าบทบาทมาอยู่ในภาพยนตร์แนวนี้ มักจะทำให้เราได้เห็นมุมมองที่ตลกและน่ารักของเหล่านักแสดงนั้นๆ แบบที่ภาพยนตร์หรืองานแสดงอื่นๆ ไม่เคยเผยให้เห็นมาก่อน จนบางคนมักจะเกิดคำอุทานว่า ‘เล่นแบบนี้ก็ได้หรอว่ะ’ ยกตัวอย่างนักแสดงที่มารับบทบาทก็อย่างเช่น พี่แดน วรเวช, วีเจจ๋า, ยิปโซ, เป้ อารักษ์, ชมพู่ อารยา ฯลฯ

(5) เพลงหรือดนตรีติดหูส่วนนี้ก็เป็นส่วนที่มีความสำคัญเช่นกัน การเลือกใช้ดนตรีหรือเพลงต่างๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ภาพยนตร์มีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้ว การเลือกเพลงมักจะเลือกให้เข้ากับตัวเนื้อเรื่องหรือจุดประสงค์ในฉากต่างๆ ที่ผู้สร้างต้องการส่งเสริมให้เกิดอารมณ์ที่หลากหลายอย่างเหมาะสม

แต่ด้วยความที่หนังตลกนั้นจะแน่นไปที่ความบันเทิง การเลือกเพลงก็มักจะเลือกจังหวะที่มีความง่ายต่อการจดจำ หรือเป็นเพลงเก่าที่เอามาใส่ทำนองใหม่ให้ดูสนุกสนาน การเลือกเพลงรูปแบบนี้จะทำให้ผู้ชมมีความเชื่อมโยงระหว่างหนังกับเพลง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อได้ยินเพลงที่มีความคล้ายหรือจังหวะเหมือนกัน ก็จะทำให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ ได้

(6) มุมกล้องง่าย แต่สื่อสารได้ชัดเจนมุมกล้องเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สามารถเพิ่มความน่าสนใจของภาพยนตร์ได้ ในภาพยนตร์ชื่อดังทั้งหลายของต่างประเทศมักจะมีการเล่นมุมกล้องไปตามการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมให้เนื้อเรื่องมีอารมณ์การเคลื่อนไหวที่สมจริงมากขึ้น

แต่มุมกล้องของภาพยนตร์ตลกไทย จะไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวที่มากนัก จะเน้นไปที่มุมกล้องพื้นฐานที่สามารถแสดงบทพูดของนักแสดงได้ชัดเจน เพราะส่วนมากแล้วภาพยนตร์แนวนี้ จะเน้นไปที่บทพูดที่มีความตลก แต่เรื่องของคุณภาพมุมกล้องก็ยังคงอยู่ในมาตรฐานที่เหมาะสม

ทั้ง 6 ข้อนี้คือปัจจัยที่ทำให้ภาพยนตร์ตลกไทยเป็นที่น่าสนใจและสร้างเสียงหัวเราะให้กับประชาชนชาวไทยอยู่ตลอด ระหว่างที่เขียนอยู่นี่เสียงน้าค่อมก็วนเวียนอยู่ในหัวแอดตลอดเลยนะฮ่าๆ ซึ่งแน่นอนว่ายังคงมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ทำให้หนังตลกเป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ หากแอดสามารถหามาได้เพิ่มเติม ไว้มีโอกาสจะเอามาบอกเล่าให้อ่านสนุกๆ กันอีกนะครับ

ความจริงแล้วแอดคิดว่าภาพยนตร์ไทยนั้นไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ นะ ยิ่งพอลองกลับมาดูหนังเก่าๆ ของไทยอีกครั้ง Comedy ตลก ก็ทำให้แอดมองเห็นความเป็นไปได้บางอย่างที่สามารถต่อยอดไปได้อีก

ซึ่งน่าเสียดายที่ภาพยนตร์ตลกเหล่านี้เริ่มมีจำนวนน้อยลง อาจจะเพราะปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่หากว่าความสนใจในลักษณะนี้ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แอดเชื่อว่าเราคงจะได้เห็นภาพยนตร์แนวนี้กลับมามีบทบาทในวงการภาพยนตร์และมอบเสียงหัวเราะแห่งความสุขนี้ส่งต่อไปยังยุคต่อไปอีกครั้งแน่ๆ

Comedy หมายถึง คามตลกขบขัน ความขบขัน ละครตลก ละครชวนหัว เรื่องตลก หัสนาฏกรรมละครตลก หรือ Comedy มีมาตั้งแต่สมัยกรีก และได้พัฒนารูปแบบการนำเสนอเรื่อยมา จนปัจจุบันนักการละครได้แบ่งละครตลกเอาไว้เป็นประเภท ดังนี้ Romantic Comedy สำหรับละครตลกประเภทนี้

เรามักจะได้ยินกันอยู่เสมอในละครหรื อหนังสมัยใหม่ ละครแบบนี้จะมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรักระหว่างพระเอกกับนางเอก อาจจะมีอุปสรรคขัดขวางต่างๆ ซึ่งบางครั้งก็เป็นลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน หรือ ความขัดแย้งระหว่างครอบครัว แต่ในที่สุด ก็มักจะจบลงด้วยความสุขสมหวังเสมอเชคสเปียร์

เขียนละครตลกแบบ Romantic Comedy ไว้หลายเรื่อง เช่น The Merchant of Venice หรือ As You Like It เป็นต้น Comedy Of Manners เป็นละครที่มีเนื้อหาที่ล้อเลียนวงสังคมชั้นสูง ซึ่งจะมีกิริยาท่าทางแบบแผนในการปฎิบัติที่ดัดจริตผิดไปจากมนุษย์สามัญไพร่พื้นธรรมดาๆ ดังนั้น ละครตลกประเภทนี้จึงนำกิริยาท่าทาง หรือ manners เหล่านี้มาล้อเลียน ดังนั้นภาษาที่ใช้ก็มักจะเป็นภาษาที่สละสลวยแบบพิสดาร คือจงใจจะล้อเลียนภาษา

ท่าทางของพวกผู้ดีนี่เองDon Juan ละครตลก โดย Moliere นักเขียนละครตลกที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 17 โพรดักชั่นนี้ เป็นของคณะละคร The Comedie Francaise ซึ่งใช้การออกแบบฉากแบบสมัยใหม่Situation Comedy แปลตามตัวก็คือ ตลกสถานการณ์ คือสถานการณ์ที่ไม่ปรกติที่เกิดขึ้นโดยที่ตัวละครไม่คาดฝัน ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆที่ตลกขบขันขึ้นต่างๆนานา

Comedy of Ideas ในละครแบบนี้ ผู้เขียนบทจะมีจุดประงสงค์ที่แฝงเร้นอยู่ในบทละครแล้วว่า ต้องการให้ผู้ชมคิดอะไรและนำความคิดหลักนี้มาขยายให้เป็นเรื่องตลก เพื่อให้ผู้ชมหัวเราะ และในที่สุด เมื่อละครจบลงแล้วก็จะได้รับความคิดที่ผู้เขียนบทสอดใส่ไว้ในละคร นักเขียนบทละครที่มีชื่อเสียงสำหรับละครประเภทนี้ก็เช่น Bernard Shaw เป็นต้น

Satiric Comedy ละครตลกประเภทเสียดสี ผู้เชียนบทละครประเภทนี้ มีจุดประสงค์เพื่อเสียดสีเรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เรื่องความเป็นไปในสังคม หรือเรื่องข้อบกพร่องต่างๆของมนุษย์ นำมาล้อเลียนเสียดสี เพื่อให้เกิดความตลกขบขัน ภาษาที่ใช้ก็จะเป็นแบบเสียดสีSlapstick Comedy ละครตลกประเภทใช้ท่าทางการเคลื่อนไหวที่ตลกขบขันประกอบกับภาษาที่ทำให้ ผู้ชมหัวเราะเช่น วิ่งไล่ตีหัว แอบเข้าไปซ่อนในตุ่ม เป็นต้นTragicomedy เป็นละครที่นำลักษณะของ

Tragedy และ Comedy มาผสมกันนักเขียนบทละครประเภทนี้พยายามที่จะเชื่อมช่องว่างระหว่างละครสองแบบนี้ทั้งนี้โดยการซ่อนความคิดหลักที่ซีเรียสไว้ในสถานการณ์ที่ขบขันต่างๆที่เกิดขึ้นในเรื่อง และในที่สุดเรื่องราวก็จะจบลงด้วยความสุขดังเช่นละครตลกทั่วไป

ละครประเภทนี้มีผู้สรุปไว้ว่า คือ”ละครโศกนาฎกรรมที่จบลงด้วยความสุข” Dark Comedy คล้ายคลึงกับ Tragicomedy คือ ดำเนินเรื่องแบบละครตลกแต่ต่างกันตรงที่ตอนจบของเรื่อง ที่มักจะจบลงด้วยความไม่สมหวัง หรือเป็นแบบที่มีผู้สรุปว่า

“ละครตลกที่จบลงแบบโศกนาฎกรรม” Farce บางตำราถือว่า เป็นละครตลกประเภทต่ำสุดและก็มักจะแยกออกไปจากคอเมดี้ เนื่องจากความขบขันที่เกิดขึ้นจะเกิดจากการใช้ท่าทางอย่างเดียว ใกล้เคียงกับslapstick comedy แต่ต่างกันตรงที่ farce จะไม่มีเหตุผล หรือเป็นเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อ มีเนื้อเรื่องเพียงเล็กน้อย แต่ใช้movement

ที่รวดเร็วตึงตังเป็นการทำให้ผู้ชมขบขัน นักแสดงละครโชว์ ตลกของไทยก็มักจะแสดงในลักษณะ farceและนักแสดงที่มีชื่อเสียงก้องโลกอีกคนหนึ่ง คือ ชาร์ลี แชบปลิ้น ก็เป็นนักแสดงในรูปแบบของ farce เช่นกันละครแบบ farce เรื่อง Hotel Paradiso โดย George Feydeau ไม่ว่าจะเป็นละครตลกในรูปแบบไหนแต่จุดประสงค์ของละครตลกก็เหมือนกัน คือ มองข้อบกพร่องต่างๆของมนุษย์ด้วยความขบขันเพื่อให้ผู้ชมระลึกในที่สุด

ว่า ในโลกเรานี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ไม่สมบูรณ์ทั้งนั้นหลายคนคงรู้จัก หนังตลก หรือที่ภาษาอังกฤษสะกดว่า Comedy เรียกกันติดปากว่าหนังตลกนั่นเอง ส่วนใหญ่เป็นหนังประเภทเบาสมอง ผ่อนคลาย

เนื้อเรื่องส่วนมากจะออกแนวขำๆ มีความโรแมนติกซ่อนอยู่และมักจะมาพร้อมข้อคิดแฝงอยู่ในเนื้อเรื่องเสมอ เช่น ประเด็นอยู่ที่ความรักในอุดมคติและคู่รักต้องฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ Comedy ตลก เพราะความเป็นหนังคอมเมดิ้ เนื้อหาในหนังส่วนใหญ่จึงต้องทำให้คนดูเข้าใจง่ายเพราะจุดขายหลักอยู่ที่มุกตลก ที่ตัวละครภายในเรื่องได้ขนออกมาใส่กันไม่ยั้ง

และในประเด็นของการแก้ไขปัญหาต่างๆ นั่น มักจะแฝงไปด้วยความตลก หนังแนวคอมเมดี้จึงเป็นแนวที่ครองใจคนดูได้ทุกเพศทุกวัยมาอย่างยาวนาน ภาพยนตร์คอมเมดี้ได้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทย ก็ต้องยกให้เรื่อง ATM เอ่อรัก เอ่อเร่อ ที่ให้แง่คิดว่าความรักไม่ใช่เกมจึงไม่ควรมีการแข่นขันเกิดขึ้นและอีกหนึ่งคือ

รถไฟฟ้ามาหานะเธอ ที่ให้แง่คิดถึงความรัก ต้องรู้จักรอและอดทนเพราะความรักมักจะมีเวลาหมุนภายในตัวมันเอง ทั้งสองเรื่องที่ยกตัวอย่างมานี้ถือว่าเป็นหนังคอมเมดี้ที่ให้แง่คิดตรงกับคนสมัยใหม่เลยทีเดียว ใครที่เครียดๆ อยู่ อยากหาความบังเทิง เรียกเสียงหัวเราะ ต้องไปดูเลยปี 2020 ที่ผ่านมา

เราทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องเผชิญกับความเครียดกันไม่มากก็น้อย ไหนจะเรื่องโรคระบาดอย่างโควิด-19 ไหนจะเรื่องเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ทำให้หลายคนห่อเหี่ยวหมดกำลังใจ เรามาทิ้งสิ่งไม่ดีแล้วมาเริ่มต้นปีใหม่ๆ ด้วยการดูหนังตลกฝรั่งกันดีกว่าค่ะ เรามีหนังตลกต่างประเทศ 7 เรื่อง

ที่จะช่วยให้คุณคลายเครียดและหัวเราะอย่างมีความสุขขึ้นได้ ที่รับรองว่าสนุกและต้องขำจนกรามค้าง แถมยังเป็นหนังตลกในดวงใจตลอดกาลของใครหลายคนอีกด้วย จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลย7 หนังตลกต่างประเทศ ดูกี่ครั้งก็ยังขำไม่หยุด สนุกแบบไม่มีอะไรกั้นThere’s Something About Mary (1998)

มะรุมมะตุ้มรุมรักแมรี่ หนังตลกต่างประเทศปี 1998 ที่มาในแนวโรแมนติกคอมเมดี้ บอกเลยว่าฮาสุดๆ นำแสดงโดย คาเมรอน ดิแอซ, เบน สติลเลอร์, แมตต์ ดิลลอน, คริส เอลเลียต หนังเรื่องนี้เป็นตลกที่ออกแนวสัปดี้สัปดนเล็กน้อย

และเต็มไปด้วยมุกตลกและอารมณ์ขันตลอดทั้งเรื่อง เป็นหนังตลกชั้นดีที่ไม่ได้มีดีแค่ความฮา แต่บทและการแสดงยังดีเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งภาพจำในตำนานคือซีนที่นางเอกในเรื่องใช้เจลเซ็ทผมตั้งแบบในภาพ แต่ที่มาที่ไปจะฮาแค่ไหน ต้องไปดูในหนังแล้วหล่ะค่ะ

เรื่องย่อ : ในปี 1985 “เท็ด” นักเรียนมัธยมปลายอายุ 16 ปี กำลังจะออกเดทกับสาวในฝันของเขา “แมรี่” แต่ดันเกิดเหตุการณ์สุดฮา ทำให้เดทนั้นต้องยกเลิก หลังจากนั้นเขาก็ได้ขาดการติดต่อกับแมรี่ไป จวบจนกระทั่ง 13 ปีผ่านมา

เท็ดก็ยังคงถวิลหาแต่แมรี่ โดยขอความช่วยเหลือจากนักสืบรายหนึ่ง ทว่านักสืบรายนี้กลับจ้องครองใจแมรี่เสียเอง ถึงเวลาที่เท็ดจะต้องออกตามหาและพิชิตใจแมรี่ให้ได้เสียแล้วThe Hangover (2009)เมายกแก๊ง แฮงค์ยกก๊วน หนังตลกสัญชาติอเมริกันปี 2009 โดยได้ทำเป็นหนังไตรภาคที่มีภาคต่อคือ

The Hangover Part II (2011) และ The Hangover Part III (2013) นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์, เอ็ด เฮล์มส์, ซัค กาลิเฟียนาคิส, จัสติน บาร์ธา เรื่องนี้เป็นหนังตลกต่างประเทศที่ได้คำชื่นชมไปมากมายทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชม ด้วยความตลกแบบหลุดโลกที่จะทำให้คุณหัวเราะแบบหยุดไม่ได้ ถ้าอยากรู้ว่าคนเราจะเมาได้เละเทะจนจำอะไรไม่ได้ขนาดไหน ต้องมาดูหนังเรื่องนี้เลยค่ะ

เรื่องย่อ : เพื่อเฉลิมฉลองการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นกับ ดั๊ก บิลลิงส์ และ เทรซี การ์เนอร์ ก่อนถึงงานแต่งงาน ดั๊ก ได้เดินทางไปลาสเวกัสกับ ฟิล และสตู เพื่อนสนิทของเขา รวมถึงอลัน น้องชายของเทรซี่ ด้วยรถเบนซ์วินเทจของพ่อตาในอนาคต พวกเขาเช็คอินห้องสวีทของโรงแรมและฉลองปาร์ตี้

สละโสดกันอย่างสุดเหวี่ยง แต่แล้วเช้าวันรุ่งขึ้น ฟิล สตู และอลัน กลับตื่นขึ้นมาพบว่าพวกเขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคืนก่อนหน้านี้เลย รวมถึง ดั๊ก เพื่อนของพวกเขาที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าวได้หายตัวไป แต่กลับมีเสืออยู่ในห้องน้ำ ไก่อยู่ในห้องนั่งเล่น และมีทารกอยู่ในตู้แทน Home Alone (1990)โดดเดี่ยวผู้น่ารัก

หนังตลกสำหรับครอบครัวปี 1990 เป็นหนึ่งในหนังคริสต์มาสที่ทุกคนจดจำ นำแสดงโดย แม็กเคาเลย์ คัลกิน, โจ เปสซี, แดเนียล สเติร์น, จอห์น เฮิร์ด, แคทเธอรีน โอฮาร่า ถ้าใครอยากดูหนังตลกฝรั่งที่เบาสมองสุดๆ ก็แนะนำเรื่องนี้เลย ดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะมีความตลกปนน่ารักของตัวละครในเรื่อง แถมรับมือสองโจรได้อย่างเจ็บแสบ เป็นหนังครอบครัวดีๆ เรื่องหนึ่งเลยหล่ะ

เรื่องย่อ : ครอบครัวแมคคาลิสเตอร์ เตรียมตัวที่จะใช้เวลาในช่วงคริสต์มาสที่ปารีส คืนก่อนออกเดินทาง เควินบังเอิญทำลายอาหารค่ำของครอบครัว จึงถูกขังไว้ที่ห้องใต้หลังคาของบ้านเพื่อเป็นการลงโทษ และคืนนั้นเขาได้ขอพรให้ครอบครัวของเขาหายไปเพราะความโกรธ พอเช้าทุกคนในครอบครัวรีบไปสนามบิน แต่ทว่าเควินดันถูกทิ้งไว้ให้อยู่ภายในบ้านเพียงลำพังโดยไม่ได้ตั้งใจ

ในขณะที่เขากำลังฉลองเทศกาลคริสต์มาสให้กับตัวเองอย่างโดดเดี่ยวนั้น ก็ดันมีโจรซื่อบื้อ 2 คนพยายามที่จะเข้ามาขโมยของภายในบ้าน Comedy ตลก แต่งานนี้บอกเลยว่าไม่ง่ายอย่างที่คิดKung Fu Hustle (2005)มาที่หนังจีนที่ฮิตสุดและตลกสุดอย่าง คนเล็กหมัดเทวดา กันบ้าง หนังเรื่องนี้สร้างกระแสอย่างมากในช่วงเวลาที่ออกฉายในปี 2005 เพราะไม่ใช่แค่ความฮาตามแบบฉบับของ โจวซิงฉือ เท่านั้น

แต่โปรดักชั่นจัดเต็มอีกด้วย แถมนักแสดงในเรื่องแต่ละคนคือตัวสร้างเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี ผสมผสานเทคนิคพิเศษ ศิลปะการต่อสู้ และ Looney Toons เข้ากับเอฟเฟกต์พิเศษต่างๆ ได้อย่างสุดฮา ที่ดูกี่ครั้งก็ยังขำ นำแสดงโดย โจว ซิงฉือ, หยวน หัว, หยวน ชิว, เฉิน กั๋วคุน, เหลียง เสี่ยวหลง ซึ่งในยุคนั้นหนังจีนตลกมีเยอะมากๆ ส่วนยุคนี้จะมีหนังจีนโรแมนติกเป็นส่วนใหญ่ ถ้าใครชอบดูหนังรักลองไปหามาดูกันได้ค่ะ

เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวของเซี่ยงไฮ้ช่วงยุค 1930 ซึ่งเป็นช่วงที่มีแก๊งอันธพาลครองเมือง ที่เชี่ยวชาญในการใช้ขวาน ได้เข้าไปก่อกวนที่ตรอกเล้าหมูแต่ก็ไม่สำเร็จ หลังจากนั้นได้มีโจรกระจอก “ซิง” พยายามจะเข้ามาเป็นสมาชิกของแก๊งจนสำเร็จ แต่ก็ดันเกิดมีการหักหลังกันขึ้น

จึงเกิดการปะทะต่อสู้และเขาก็สามารถเอาชนะหัวหน้าแก๊งขวานซิ่งได้สำเร็จสไตล์ของหนังตลกแต่ละประเทศนั้นจะมีความแตกต่างกันทั้งในแง่ของการนำเสนอและวัฒนธรรมต่างๆ อย่างฝั่งฮอลลีวูด จะเน้นมุกตลกเสียดสี หรือตลกแบบสัปดนเล็กๆ ที่บอกเลยว่าใครเก็ทจะขำจนกรามค้าง ส่วนฝั่งจีนและฮ่องกง ก็จะเป็นตลกแบบเกินจริง

ตลกแบบเวอร์ๆ แต่ฮาแบบฉุดไม่อยู่ สุดท้ายกับฝั่งเกาหลี ที่เน้นตลกที่บทพูดและการแสดงออกทางสีหน้าท่าทาง ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ของหนังตลกเกาหลีเช่นกัน ใครที่ชอบดูหนังตลกฝรั่ง หรือหนังตลกเอเชีย

ลองหาเรื่องที่เราแนะนำเหล่านี้มาดูกัน ซึ่งปัจจุบันสามารถหาชมได้ง่ายดายผ่านสตรีมมิ่งต่างๆ ที่มีทั้งหนังและซีรีย์ทุกชาติ Comedy ตลก รวมถึงซีรี่ย์ญี่ปุ่นซับไทย ให้ได้ดูกันแบบเพลินๆ อย่าลืมเปิดดูกับสมาร์ททีวีเพื่อเพิ่มอรรถรสยิ่งขึ้น เลือกซื้อทีวีจอใหญ่คมชัดได้เลยที่ บานาน่า ไอที เพียงช้อปผ่าน ShopBack ก็ช่วยประหยัดได้มากกว่าแล้วค่ะ