KUBHD ดูหนังออนไลน์ Cast Away (2000) คนหลุดโลก
เรื่องย่อ
Cast Away (2000) คนหลุดโลก ชัค โนแลนด์ (ทอม แฮงค์ส) วิศวกรระบบของ FedEx ซึ่งชีวิตส่วนตัวและในงานอาชีพ ถูกกำหนดโดยนาฬิกา ทุกวินาทีของเขา ต้องสร้างงานให้ได้มากที่สุด ในเวลาที่ควบคุมได้ตามกำหนด ซึ่งต้องข้ามกับชีวิตส่วนตัว ที่ชัคไม่สามารถกำหนดเวลาที่จะมอบให้แก่ เคลลี่ เฟรียส์ (เฮเลน ฮันต์) คนรักได้ หน้าที่การงานที่ก้าวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาสังเกตว่า
Cast Away (2000) เขาเริ่มห่างเหินจากแฟนสาวไปทุกที การทำงานอย่างไม่เคยหยุดนิ่งของชัค ดูหนังออนไลน์ สิ้นสุดลงทันทีหลังจากอุบัติเหตุทางเครื่องบิน เขาถูกทิ้งอย่างโดดเดี่ยว บนเกาะที่ไกลออกไป ถูกทิ้งขว้างให้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ร้างเปล่า เท่าที่จะจินตนาการได้ ห่างไกลจากความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน เขาต้องเผชิญกับโชคชะตาอันโหดร้ายเพียงลำพัง กับลูกวอลเล่ย์บอล 1 ลูก ในฐานะชายที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างล้ำลึก เขาตระหนักว่า การสูญเสียทุกสิ่งที่เขาเคยมีและคิดว่าสำคัญ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับเขา Cast Away (2000) ในที่สุด.. เขาก็ได้ค้นพบความหมายที่แท้จริงของชีวิต
ผู้กำกับ
Robert Zemeckis
บริษัท ค่ายหนัง
- ImageMovers
- Playtone
นักแสดง
- Tom Hanks
- Helen Hunt
- Semion Sudarikov
- Geoffrey Blake
- Jenifer Lewis
- Chris Noth
- Nick Searcy
- Lari White
- Vince Martin
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
รีวิวกระทู้ pantip สมาชิกหมายเลข 1354712
[CR] รีวิว Cast away : ติดอันดับหนังในกวงใจไปเลยจ้า
Cast Away
หนังที่เราหยิบขึ้นมาดูสามรอบ และหลับไปตั้งแต่สิบนาทีแรกทั้งสามรอบ ก่อนที่จะได้รู้และเข้าใจในวันนี้ว่ามันขึ้นหิ้งแค่ไหน
เราว่าหลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินกิตติมศักดิ์ของเรื่องนี้มาหนาหูเหมือนกับเรานี่แหละ คือได้ยินจากทุกหนแห่งว่าเรื่องนี้มันดีมากกก เลอค่าสุดไรสุด แถมลุงทอมมาเล่นด้วยอีก บลาๆๆ คือยิ่งฟังเราก็ยิ่งอยากดูไง5555 พอเปิดขึ้นมาดูปุ๊บ สิบนาทีแรกหลับ โอเค .____. เว้นไว้ประมาณสามเดือน นึกขึ้นได้อีก เอามาดูอีก หลับอีก ._____. เป็นแบบนี้มาสามครั้ง จนวันนี้…วันที่เราสามารถดูจนจบ และค้นพบความเลอค่าของหนังเรื่องนี้ซักที
เหตุผลที่ดูฉากแรกๆ แล้วง่วงนอนเหลือเกิน เราคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเราว้อนฉากติดเกาะไวๆ ด้วยความที่รู้เรื่องย่อมาก่อน ทำให้โฟกัสแต่ฉากติดเกาะ แล้วมันก็ไม่ติดซักที55555 ใจร้อนไง ชิงหลับก่อน คือตอนนี้ที่พึ่งดูจบนี่โกรธตัวเองมาก
พวกคุณเอ๊ย คือแค่นาทีที่ยี่สิบกว่าๆ มั้ง ตั้งแต่เครื่องบินเริ่มโยกนี่เราตาตื่นเลย ไม่ง่วงนอนอีกต่อไป แม้จะมีแค่ลุงทอมเล่นอยู่คนเดียวก็ตามทีเถอะ แต่ทอม แฮงค์เอาอยู่! ลุงทอมดึงคนดูอย่างเราๆ ให้อินไปกับบทบาทของเค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เหมือนนี่ติดเกาะเองอ่ะ ดูแล้วหิวข้าว หิวน้ำตาม55555 ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเราถึงอินได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่หนังแทบจะไม่มีบทพูดออกมาซักแอะเลยด้วยซ้ำ
พาร์ทติดเกาะนี่คือเราชอบมาก คือดูแล้วรู้ว่าชัคพยายามที่จะมีชีวิตอยู่แค่ไหน ดูแล้วเหมือนได้ย้อนกลับมามองตัวเอง นี่ขึ้นรถเมล์ร้อนนิดร้อนหน่อยก็บ่นละ ถ้าติดเกาะแบบนี้จริงกูคงฆ่าตัวตายตั้งแต่วันแรก55555 แถมด้วยระยะเวลาที่นานถึงสี่ปี ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าแบบ เออ นางต้องพยายามแบบนี้มาพันห้าร้อยวันเลยนะ ทำให้เรายิ่งอินเข้าไปกันใหญ่
Cast Away (2000) พาร์ทหนีออกมาจากเกาะ ยิ่งทำให้เราฮึกเหิมยังไงไม่รู้55555 รู้สึกอยากลุกขึ้นมาจากเตียงทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จริงจัง พยายามอย่างสุดความสามารถแบบลุงทอมบ้าง คือแบบชั้นลุ้นสายตัวแทบขาดราวกับตัวเองเป็นวิลสันนั่งอยู่บนแพกับชัคด้วยยังไงไม่รู้ คือใจเราเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ จริงๆ นะ อยากจะกราบภาวนาให้ลุงหลุดออกมาได้ซักทีเถ้อะะะ อยู่มาตั้งสี่ปี ผมเผ้ายาวเฟื้อยแล้วน่ะ55555
ต่อไปนี้เป็นสปอยเนื้อเรื่องช่วงหลังนาจา
เราแอบใจแป้วให้กับวิลสันมาก.____. คือตั้งแต่ตอนที่ลุงโมโหโยนวิลสันออกมานอกถ้ำละ ไม่เข้าใจว่าแค่ลูกวอลเล่บอลหน้าโง่ๆ ทำไมถึงทำให้ชั้นอินได้ขนาดนี้ฮือ ร้องไห้หนักมากจริงจัง .____.
พาร์ทท้ายสุด เราว่านี่แหละความพีคที่แท้จริง คือตอนรู้พล็อตเรื่องย่อนี่ก็คิดว่าแบบเออ หนังติดเกาะไรงี้ แต่หลังจากดูจบ เรารู้สึกว่าประเด็นติดเกาะมันดูใหญ่พอๆ กับประเด็นเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ระหว่างชัคกับเคลลี่เลยด้วยซ้ำ ซึ่งเราชอบประเด็นนี้มากกว่า55555 คือแบบถ้าเป็นเราเราก็คงไม่รู้ว่าควรทำยังไงอ่ะเนอะ ไม่รู้จะสงสารชัค สงสารเคลลี่ หรือสงสารแฟนใหม่กับลูกๆ นางดี55555 รู้สึกว่าต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง เราว่าหนังเรื่องนี้แหละที่สนับสนุนคำพูดที่ว่า ‘คนที่ใช่ในเวลาที่ไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่อยู่ดี’ ได้อย่างเต็มรูปแบบ
จบสปอยจ้า
สรุปว่า สำหรับ Cast Away เรายกขึ้นหิ้งเลยจ้า ยังรู้สึกหน่วงๆ ในหัวใจอยู่เลยตอนนี้ ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตดี5555 ยังไงก็ยังชื่นชมลุงทอมจากก้นบึ้งของหัวใจอ่ะ คือทุกอย่างมันรู้สึกได้ไปหมดแม้จะเล่นอยู่คนเดียวโดยไม่มีคำพูดใดๆ เรารู้สึกถึงความหวัง ความเศร้า และความเจ็บปวดของเค้า อีกอย่างนึงคือเราชอบวิลสันและอีเจ้ากล่องพัสดุที่ชัคยังไม่ได้แกะนั่นมาก อยากจะรู้จริงๆ ว่าในนั้นมีอะไรอยู่
9/10
ฉันชอบดูหนัง
Cast Away (2000) คนหลุดโลก
เป็นภาพยนตร์แนวดราม่าผจญภัยผสมโรแมนติกนิดหน่อย ของคุณผู้กำกับชั้นครูอีกหนึ่งท่านอย่าง โรเบิร์ต เซเมกคิส ผู้ที่เคยมีผลงานระดับออสก้ามาแล้วอย่าง Forrest Gump หรือจะเป็นหนังไซไฟสุดดังอย่าง Back to the Future ที่ทำเขากำกับและเขียนเองแทบทั้งสิ้น คราวนี้ก็มีโอกาสได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งกับนักแสดงที่หลายคนทั่วโลกหลงรักอย่าง ทอม แฮงค์ มารับบทนำอีกด้วย
เรื่องราวของพนักงานขนส่งบริษัทเฟดเอกซ์ ที่ชีวิตกำลังไปได้สวยทั้งการงานและชีวิตคู่ แต่แล้วกลับเกิดเหตุเครื่องบินตกทำให้ผู้โดยสารและนักบินเสียชีวิตกันทุกคน ยกเว้นเขาที่ยังรอดตายแต่ต้องมาใช้ชีวิตตกระกำลำบากบนเกาะร้าง และเขาจะเอาชีวิตรอดไหม ใครอยากรู้ก็ตามไปดูกันเองจ้า
Cast Away ถือเป็นผลงานทำเงินอีกหนึ่งของ โรเบิร์ต เซเมกคิส โดยสามารถทำรายได้ทั่วโลกมากถึง 429,632,142 เหรียญ แต่เงินลงทุนก็สูงเช่นกันถึง 90 ล้านเหรียญ ในด้านรางวัลทอม แฮงค์ จากบทคนติดเกาะก็สามารถเข้าชิงออสก้าในสาขานักแสดงนำชายและ ถือเป็นครั้งที่ 5 ที่เขาสามารถทำได้อีกด้วย
ขอพูดถึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นจากตัวอย่างยังงงว่าหนังจะออกมาในทางไหน เดาไม่ถูกกันเลยทีเดียว จนต้องลองดูเอง เพราะหลายๆคนชอบพูดถึงเรื่องนี้บ่อยมาก เปิดเรื่องมาไม่เป็นอย่างที่คิดเท่าไร กลับจริงจังและดูซีเรียสอย่างถึงที่สุด ช่วงแรกเนื้อเรื่องไม่ค่อยน่าสนใจ ใช้เวลาปูอยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนจะเข้าถึงตอนที่ลุ้นระทึกจนนั่งไม่ติด
หลังจากปูมานาน ก็ได้เวลาที่เครื่องบินจะล่วงแล้ว บอกก่อนเลยว่าผมไม่เคยดูหนังแนวติดเกาะหรือแนวเอาชีวิตรอดแบบนี้มาก่อนเลย อาจจะเป็นเรื่องแรกที่ดู ผมคิดไว้แล้วว่าถ้ามันติดเกาะต้องการเป็นหนังเงียบแน่ๆ ตอนแรกก็จริงเว้ย เงียบสงัดกับการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ แต่ดูไปสักพัก เอ้า!!! กลับมีเพื่อนเฉย ตอนแรกก็งงๆ หลังๆเริ่มเกิดการมิตรภาพแบบเหนือจินตนาการของผมไปไกลเลย
ต้องเข้าใจว่าคนติดเกาะอยู่คนเดียวน่าจะเกิดอาการเหงา คิดถึง ว้าเหว่ เคว้งคว้าง สับสน จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี ผมนึกว่าช่วงเวลานี้คงสุดยอดที่สุดของหนังแล้ว แต่ยัง… ช่วงท้ายมาสเตอร์พีคกว่ามาก ทำไมมันเศร้าได้ขนาดนี้ เข้าใจถึงตัวละครเลย (ขอไม่พูดเดี่ยวจะสปอยล์) บอกเลยว่ามันทั้งสนุก ตื่นเต้น ลุ้นระทึก และเศร้าจนมีน้ำตา….
ขอพูดถึงการแสดงหน่อยละกัน ทอม แฮงค์ พี่แกต้องลดน้ำหนักอย่างมากเพื่อที่จะมารับบทคนติดเกาะแบบนี้ แถมการแสดงทั้งฝีหน้าและอารมณ์มันถ่ายทอดออกมาจนเรารับรู้ถึงความเปล่าเปลี่ยวใจ จากคนที่เคยมีทุกอย่าง ชีวิตกำลังไปได้สวยในทุกๆด้าน แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นใครก็รับไม่ได้ (พี่แกซวยหลายเรื่องมาก 555) เป็นผมอาจจะตายตั้งแต่วันแรกๆแหละ
The People
Cast Away: ภาพยนตร์เรื่องคนติดเกาะที่เรียบง่าย แต่ข้อคิดเพียบ หนึ่งในนั้นคือสอนให้รู้ว่า เวลาไม่คอยใคร และไม่สนว่าใครคอย
/ บทความชิ้นนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง Cast Away (2000) /
เป็นที่จับตากันทั่วโลกสำหรับแฟนคลับของนักแสดง ‘สมทบ’ เจ้าบทบาทอย่าง ‘วิลสัน’ (Wilson) หรือลูกวอลเลย์บอลยี่ห้อวิลสันที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง ‘Cast Away’ (2000) กำกับโดย ‘โรเบิร์ต เซเม็กคิส’ (Robert Zemeckis) หลังจากที่มันถูกประมูลไปในราคา 308,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 10,127,502 บาท (1 ดอลลาร์ = 32.88 บาท) เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ปี 2021
วิลสันเป็นลูกบอลสีขาวที่มีรอยฝ่ามือสีแดง หรือเลือดของ ‘ชัค โนแลนด์’ (Chuck Noland) แสดงโดย ‘ทอม แฮงส์’ (Tom Hanks) ประทับอยู่บนพื้นผิว ซึ่งภายหลังจากโชคชะตานำพาชัคและวิลสันมาพบกันบนเกาะร้างในภาพยนตร์เรื่อง Cast Away พวกเขาก็ได้กลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด
Cast Away เป็นภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ชัค โนแลนด์ พนักงานบริษัทขนส่ง FedEx ที่ถวายชีวิตและถวายเวลาให้กับการทำหน้าที่จัดส่งพัสดุทั่วโลก ถึงแม้ในมุมหนึ่ง ชัคจะเป็นชายหนุ่มที่เพียบพร้อมไปด้วยหน้าที่การงาน เพื่อน ครอบครัว และคนรัก แต่สิ่งที่เขามีพร้อมอยู่แล้วทั้งหมดกลับเป็นรองเพียง ‘เวลา’ เพราะสำหรับเขา ‘เวลาคือสิ่งที่สำคัญที่สุด’ กระทั่งเมื่อโชคชะตาเลือกจะกลั่นแกล้งส่งชัคไปยังเกาะร้างอันห่างไกล ชัคจึงได้คิดทบทวนถึงความสำคัญของเวลาใหม่อีกครั้ง
#ณ_สถานที่ที่เวลาหยุดเดิน
โชคชะตาคงไตร่ตรองมาดีแล้วที่จะตักเตือนและลงโทษชัค โนแลนด์ ด้วยการส่งเขาไปยังเกาะร้าง สถานที่ซึ่งห่างไกลจากโลกเดิมราวกับเวลาถูกหยุดเอาไว้
Cast Away เปิดเรื่องมาด้วยการทำให้ผู้ชมรู้ว่าชัคคือชายที่บ้างานและบ้าเวลา เขาส่งนาฬิกาที่เริ่มกดจับเวลาจากเมมฟิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปที่นิโคไล ประเทศรัสเซีย เพื่อดูเวลาที่ใช้ในการจัดส่ง ชัคชูนาฬิกาที่มีตัวเลขดิจิทัลบอกเวลา 87 ชั่วโมง 22 นาที 17 วินาที ซึ่งเป็นเวลาที่ ‘ช้ากว่า’ ความคาดหวังของชัค
“เวลาปกครองเราโดยไร้ความเมตตา ไม่แคร์ว่าเราจะแข็งแรงหรือเจ็บป่วย เราหิวหรือเมา เป็นคนรัสเซียหรืออเมริกัน หรือมาจากดาวอังคาร เวลาก็เหมือนไฟที่สามารถทำลายหรือทำให้เราอบอุ่น
“เจ้าหน้าที่ FedEx ทุกคนจึงต้องรักษาเวลา เพราะว่าชีวิตของเราขึ้นอยู่กับเวลา เราหันหลังให้เวลาไม่ได้ แล้วเราก็จะไม่ยอมปล่อยเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์”
ชัคกำชับพนักงานที่ยืนรายล้อมเขาในศูนย์คัดแยกพัสดุ การให้ความสำคัญกับเวลาที่ชัคแสดงออกถือเป็นเรื่องดี แต่การลำดับความสำคัญของชัคกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาทุ่มเวลาไปกับการทำงาน ไม่ใช่การใช้ชีวิตกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรักอย่าง ‘เคลลี่ เฟรียส์’ (รับบทโดย เฮเลน ฮันต์ – Helen Hunt) แม้กระทั่งวันคริสต์มาส ชัคก็ต้องแลกของขวัญกับเธอบนรถ แถมของขวัญวันปีใหม่ยังต้องฝากไว้ล่วงหน้า ซึ่งเขาทำได้เพียงบอกรักและฝากคำมั่นสัญญาไว้ว่า ‘จะกลับมาหา’ โดยที่ไม่รู้เลยว่า กว่าพวกเขาจะได้พบกันอีกครั้งก็ผ่านไปเกิน 1,500 วันแล้ว
บทลงโทษและบทเรียนชีวิตของชัคเกิดขึ้นหลังจากการที่เครื่องบินขนส่งพัสดุของ FedEx ตกลงสู่ทะเล และเรือชูชีพของชัคถูกพัดไปติดยังเกาะร้างแห่งหนึ่ง
วันแรก ๆ บนเกาะที่ไร้ผู้คน ชัคยังไม่มีประสบการณ์ในการเอาชีวิตรอด เขาบาดเจ็บจากการเดินลุยหินในทะเล แถมยังถูกปะการังทิ่มใส่ต้นขาจนเป็นแผลเหวอะ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ชัคผู้ไม่ยอมแพ้ก็ปรับตัวเข้ากับธรรมชาติและความอ้างว้างได้สำเร็จ เขาเริ่มก่อไฟ หาอาหารจากทะเล สร้างที่พักในถ้ำ และเปลี่ยนพัสดุ FedEx ที่ลอยมาติดเกาะเป็นอุปกรณ์เอาชีวิตรอด
ชัคได้เก็บพัสดุจำนวนหนึ่งที่ลอยมาติดเกาะเอาไว้หวังว่าในไม่ช้าจะมีโอกาสนำมันไปส่งถึงมือของลูกค้าที่กำลังรอรับสิ่งของอยู่ แต่เมื่อความหวังเหล่านั้นริบหรี่ลง ชัคได้ลงมือแกะพัสดุออกมา เขาเปลี่ยนชุดกระโปรงลายเสือเป็นแหจับปลา ใช้ใบมีดของไอซ์สเกตเป็นเครื่องมือผ่าฟันผุและหั่นมะพร้าว ใช้เทปของตลับวิดีโอแทนเชือก และใช้ลูกวอลเลย์บอลแทน ‘มนุษย์’ ที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบอีกเมื่อไหร่
จากชายผู้ช่ำชองเรื่องการบริหารเวลาเพื่อการทำงาน บัดนี้ เวลาของเขาหยุดเดินแล้ว ไม่มีพนักงานให้เขาเร่ง และไม่มีอะไรมาทำให้เขาช้าลง เพจเจอร์ที่เคยใช้ติดต่อสื่อสารไม่มีความหมายอีกต่อไปบนเกาะร้าง และนาฬิกาที่แฟนสาวให้ก็ไม่มีค่าอะไรนอกจากของตกแต่งและของดูต่างหน้า
เมื่อในสถานที่แห่งนี้ เวลาไม่ใช่สิ่งที่มีคุณค่า ชัคจึงค้นพบความหมายของเวลาว่า ‘มันมีค่าเมื่อได้ใช้ร่วมกับผู้อื่น’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เขารักและรักเขา หรืออย่างน้อยการใช้ชีวิตไปวัน ๆ ของเขาก็มีคุณค่ามากขึ้น เมื่อเขามีเป้าหมายและยังมีเวลาเหลือพอให้เดินไปถึงเป้าหมายนั้น
คุณค่าของเวลาเกิดขึ้นเมื่อมันถูกใช้ในการทำอะไรบางอย่าง เมื่อครั้งที่ชัคตัดสินใจเดินทางออกนอกเกาะ เขามีเวลาจำกัดในการหาเชือกความยาว 424 ฟุต เพื่อให้ทันเวลา 1 เดือนครึ่งที่น้ำขึ้นสูงและลมพัดออกนอกฝั่ง นั่นคือเวลาที่ชัคจะได้หลุดพ้นจากการลงโทษ ตอนนี้แหละที่เวลากลับมาสำคัญอีกครั้ง
หรือในสถานการณ์ที่ใครหลายคนคิดว่า หากต้องอยู่คนเดียวบนเกาะ สู้ฉันตายไปเลยดีกว่า ซึ่งสำหรับชัค เขาเองก็เคยคิดเช่นนั้น ก่อนที่จะออกเดินทาง เขาขาดเชือกไปอีก 30 ฟุต โดยเชือกที่เขาหามาเติมคือเชือกที่เขาเคยใช้ ‘ทดสอบ’ การฆ่าตัวตายของตัวเองมาก่อน แต่เมื่อเขาได้ใช้เวลาคิดทบทวนชีวิตที่ผ่านมา เขาจึงมั่นใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อกลับไปหาคนรักของเขาอีกครั้ง ‘การมีชีวิตอยู่เพื่อเจอเคลลี่’ คือการทำให้ทุกวินาทีบนเกาะร้างมีคุณค่าที่สุด
#เวลาไม่คอยใครและไม่สนว่าใครคอย
หลังจากที่ชัคออกเดินทางฝ่าคลื่นลูกใหญ่และมรสุมกลางทะเลอันอ้างว้าง ในที่สุดเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากเรือขนส่งสินค้าที่ผ่านมา และนำเขากลับเข้าสู่โลกที่เคยอยู่อีกครั้ง
น่าเสียดายว่าเวลานั้นซื่อตรงต่อหน้าที่ยิ่งกว่าชัค เวลายังคงเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนคำร้องขอหรือหัวใจที่บอบบางของมนุษย์ มันนำพาให้เคลลี่ต้องตัดใจจากชัค และนำเธอไปพบกับชายคนใหม่ที่กลายเป็นสามีและพ่อของลูกในปัจจุบัน
ชัคกลับมาพบกับความผิดหวังจนเขาพร่ำเสียใจว่า เขาไม่น่ามีชีวิตรอดกลับมาหาเธอเลย เพราะถึงเขาจะกลับมา เขาก็ต้องสูญเสียเธอไปอีกเป็นครั้งที่สอง แถมมันยังทำให้หญิงสาวที่รักเขาต้องเจ็บปวดและสับสนอีก
ในความสัมพันธ์รักสามเส้านี้ไม่มีประโยชน์ที่จะตัดสินหาคนผิด เพราะพวกเขาต่างเป็นเบี้ยล่างของความรักและโชคชะตากันทั้งสิ้น แต่สำหรับตัวชัค เขาแอบผิดหวังกับตัวเองอยู่ลึก ๆ ที่ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับเธอให้มากกว่านี้
“ผมไม่ควรขึ้นเครื่องบินลำนั้น ผมไม่ควรลงจากรถคันนั้นเลย”
ชัคและเคลลี่จ้องมองกันด้วยความเจ็บปวด พวกเขาแทบจะทำอะไรไม่ได้แล้วในความสัมพันธ์นี้ เว้นแต่ประคับประคองให้มิตรไมตรีที่ดีต่อกันยังคงอยู่ในใจนิรันดร์ ชัคเจ็บปวดที่ตนเองกลับมายืนตรงหน้าเธอ แต่เขาก็ดีใจที่มีเธออยู่บนเกาะ (ภาพของเคลลี่ถูกติดเอาไว้ในนาฬิกาพก) เช่นเดียวกับสิ่งของที่ไร้ชีวิต 2 อย่างที่มอบชีวิตให้กับเขา นั่นก็คือลูกบอลวิลสันและกล่องพัสดุ FedEx
#กล่องติดปีกและลูกบอลวิลสัน
ชีวิตของชัคเป็นเหมือนวิวทะเลที่เขามองเห็นจากชายฝั่ง มันช่างอ้างว้างและเดียวดาย จนวันหนึ่งที่ชัคบาดเจ็บจากการจุดไฟ เลือดของเขาไหลอาบมือพร้อมความรู้สึกโมโห เขาหยิบลูกวอลเลย์บอลวิลสันขึ้นมาปาระบายอารมณ์ แต่เมื่อเขาจ้องมองไปที่มันอีกครั้ง มันกลับมีลักษณะเหมือนหน้าคน หลังจากนั้นวิลสันจึงกลายเป็นเพื่อนของชัคไปโดยปริยาย
ชัคมักต่อล้อต่อเถียงกับลูกบอลราวกับมันมีชีวิตจิตใจ แต่แท้จริงแล้วเขากำลังพูดคุยกับวิลสันด้วยจิตสำนึกและความทรงจำของตัวเขาเอง สิ่งที่ชัคทำไม่ต่างจากการพูดคนเดียวหน้ากระจก แต่ผลตอบรับของมันคือการทำให้ชัคได้รู้จักความคิดของตัวเองมากขึ้น หลายครั้งที่เขาทำเหมือนวิลสันเป็นคนตัดสินใจและให้ทางออก แต่เปล่าเลย เป็นชัคเองที่ตัดสินใจและลงมือทำทุกอย่าง
การเห็นชัคพูดคุยกับลูกบอลทำให้เกิดคำถามในช่วงต้นว่า ชัคคุยกับลูกบอลไปเพื่ออะไร คำตอบอาจเป็นได้ทั้งความเหงา หรือกลัวการหลงลืมภาษา แต่อีกแง่หนึ่งมันกลับสะท้อนว่า แท้จริงแล้วมนุษย์คนหนึ่งอาจไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าการมีคนรับฟังปัญหาของพวกเขา เพราะนั่นหมายถึงการมีตัวตนในสายตาของคนฟัง และเรื่องราวของพวกเขามีคุณค่า นอกจากนี้ มันยังเป็นการเยียวยาชั้นดีที่ทำให้ใครคนหนึ่งรู้สึกมีที่พึ่งพาในยามที่ปัญหารุมเร้า
อีกสิ่งหนึ่งที่เติมเต็มให้ชัครู้สึกว่าชีวิตของเขามีความหมายคือ ‘การทำงาน’ ชัคยังคงให้ความสำคัญกับหน้าที่ของเขาเสมอ เพราะเขารู้ดีว่าพัสดุแต่ละชิ้นนั้นมีความหมายทั้งกับคนที่อยู่ต้นทางและปลายทางอย่างที่เขาเคยบอกให้พนักงานรัสเซียลองคิดดูว่า หากพัสดุที่ส่งช้าเป็นเงินเดือนของพวกคุณ มันจะเป็นอย่างไร?
ท่ามกลางกล่องพัสดุที่ลอยมาติดเกาะ มีเพียงกล่องเดียวที่เขาไม่ยอมเปิดดูคือ กล่องพัสดุที่มีสัญลักษณ์ปีกคู่อยู่บนนั้นพร้อมคำว่า ‘The World on Time’ สโลแกนบริษัท FedEx ซึ่งภายหลังปีกคู่นี้ก็ได้นำทางชัคไปยังสี่แยกแห่งหนึ่งท่ามกลางไร่เตียนที่ไร้วี่แววของผู้คน แต่ที่นั่นกลับเป็นจุดเริ่มต้นให้หญิงสาวผู้มาพร้อมปีกอีกคู่เดินเข้ามาในชีวิตของเขา
#เวลากับปีกแห่งการเริ่มต้น
สี่แยกที่เป็นฉากเริ่มต้นของเรื่องถูกนำมาใช้เป็นฉากจบของ Cast Away อีกครั้ง ในตอนต้น รถของบริษัท FedEx ขับเลี้ยวเข้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่มีป้ายว่า ‘ดิค – เบททิน่า’ ซึ่งหากจำกันได้ เบททิน่าที่เป็นเจ้าของบ้านได้ฝากพนักงานส่งพัสดุไปให้สามีของเธอที่อยู่รัสเซีย โดยไม่รู้เลยว่าเขากำลังมีสาวอีกคน
ส่วนในตอนจบของเรื่อง ชัคขับรถผ่านสี่แยกแห่งเดียวกับในตอนต้นเรื่อง เพื่อนำพัสดุจากเกาะร้างที่จ่าที่อยู่ถึงบ้านดิค – เบททิน่าเอาไว้มาส่ง พัสดุชิ้นนี้ถือเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่ทำให้เขามีเป้าหมายในการเดินทางออกนอกเกาะ เพราะมันคือหน้าที่และความรับผิดชอบที่เขายึดถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกับเวลา
เมื่อชัคลงจากรถ ป้ายชื่อบนซุ้มประตูที่เคยเขียนว่า ดิค – เบททิน่า เหลือเพียง เบททิน่า คำเดียวเท่านั้น ชัคนำพัสดุวางไว้หน้าบ้านพร้อมเขียนโน้ตว่า ‘พัสดุนี้ช่วยชีวิตของผมเอาไว้’ ซึ่งสำหรับคนที่เห็นงานเป็นเรื่องสำคัญอย่างเขา พัสดุชิ้นนี้ช่วยให้เขารักษาตัวตนและคุณค่าที่เกิดขึ้นจากการทำงานเอาไว้ยาวนานถึง 4 ปี
หลังจากที่ชัคเดินทางกลับมาถึงสี่แยก เขาชั่งใจว่าจะเดินทางไปไหนต่อดี เขาหยุดดูแผนที่อยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ที่โล่งกว้างไม่ต่างจากท้องทะเล แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้อยู่อย่างเดียวดาย เพราะหญิงสาวชาวไร่คนหนึ่งได้ขับรถกระบะผ่านมาพอดี เธอคิดว่าเขาหลงทางจึงช่วยแนะนำถนนแต่ละเส้นให้ จากนั้นทั้งสองก็ลาจากกัน
ชัคมองไปที่ท้ายรถกระบะของเธอก่อนจะพบกับสัญลักษณ์ปีกคู่อันคุ้นเคย มันติดอยู่บนกล่องพัสดุที่เขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยบนเกาะมาตลอด ปีกคู่นั้นได้นำพาเขามาเจอกับปีกคู่นี้ แต่ทั้งสองจะได้โบยบินไปด้วยกันหรือไม่ นั่นเป็นสิ่งที่มีเพียงเขาและเธอเท่านั้นที่รู้
จากสี่แยกที่แสดงให้เห็นว่าชีวิตมนุษย์มีหลายเส้นทางให้เลือกเดิน สู่การหันมองเส้นทางแห่งการเริ่มต้นใหม่เมื่อ ‘เวลาที่ใช่’ มาถึง บางครั้งโชคชะตาและเวลาก็จับมือกันกลั่นแกล้งให้มนุษย์อ่อนแอและพ่ายแพ้ แต่เมื่อถึงคราวที่เหมาะสม เวลาก็เป็นใจในการชักชวนให้โชคชะตานำพาคนที่ใช่มาเติมเต็มชีวิตผู้คนเช่นกัน
ทั้งหมดคือเรื่องราวชีวิตของชัค โนแลนด์ ชายที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกรู้ว่า เวลาไม่เคยคอยใคร และไม่สนว่าใครคอย ดังนั้น การใช้เวลาทุกวินาทีให้มีค่าและคุ้มค่าที่สุดจึงสำคัญเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เวลากับคนที่เรารัก เพื่อที่จะไม่มีใครต้องมานั่งเสียดายเวลาทีหลัง
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ
The Martian (2015) กู้ตาย 140 ล้านไมล์
6.3