ดูหนังMaster of the Shadowless Kick Wong Kei-Ying (2017) หวง ฉี อิง บาทาไร้เงา แพทย์หนุ่มผู้ซื่อสัตย์และเงียบขรึมหวง ฉี อิง
ดูหนังMaster of the Shadowless Kick Wong Kei-Ying ใช้ชีวิตของเขาตามกฎเกณฑ์และจรรยาบรรณแพทย์ และทุ่มเทเวลาให้แก่การช่วยชีวิตผู้คน ในขณะที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้ง การเมือง และอำนาจมืด เขากลับพบว่าตนเองได้หลงเข้าไปติดอยู่ภายใต้อำนาจของ เหว่ย ผู้ว่าวายร้ายแห่งเมืองกวางโจว
ที่แสร้งต่อสู้กับกลุ่มโจรค้าฝิ่นในเมือง เพื่อยึดธุรกิจค้ายามาเป็นของตนเอง กว่า หวงจะรู้ความจริง ที่ปรึกษาของเขาก็กลับถูกเหล่าโจรค่าฝิ่นจับตัวไปเสียแล้ว และต้องกลายมาเป็นทาสยาเสพติดของเหว่ย ด้วยความสิ้นหวังและไร้ทางเลือก หวงจึงพยายามหาทางช่วยเหลือที่ปรึกษาของเขาโดยแสร้ง
ทำเป็นจงรักภักดีกับเหว่ย ก่อนที่ หวงจะสามารถช่วยที่ปรึกษาได้สำเร็จ ที่ปรึกษาของเขากลับสิ้นลมไปเสียก่อน เหลือไว้เพียงแต่ภาพวาดของศาสตร์การต่อสู้กำลังภายในในตำนานอย่าง “บาทาไร้เงา” หว่องจะต้องฝึกปรือวิชานี้เพื่อล้มวายร้ายเหว่ยให้จงได้!!!
ถ้าหากว่าคุณเคยมีภูมิคุ้มกันในการเสพคอนเทนท์บันเทิง ที่ไม่ค่อยจะบันเทิงสักเท่าไหร่ เพราะมันคือหนังที่เต็มไปด้วยดรามาสุดจัดจ้าน ผสมเข้ามาเครื่องปรุงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความหดหู่และสิ้นหวัง กลั่นกรองออกมาเป็นหนังเกาหลีที่ชื่อว่า “Hopeless คน จน ตรอก” ที่น่าจะกลายเป็นหนึ่งในหนังเกาหลีเรื่องเยี่ยมที่สุดในรอบปีนี้ ที่ท้าทายของผู้ชมมาพิสูจน์ความจนตรอกนี้กันแบบดำดิ่งไปสุดขั้วHopeless คน จน ตรอก
เป็นเรื่องราวของ ยอนกยู เป็นเด็กหนุ่มวัย 17 ปีที่เติบโตมาในเมืองแห่งหนึ่ง และไม่เคยออกไปจากที่นี่เลย ในขณะที่ต้องทนกับการใช้ความรุนแรกจากพ่อเลี้ยงของเขา เขาก็เริ่มเก็บเงินด้วยความหวังที่จะย้ายไปอยู่ที่เนเธอร์แลนด์กับผู้เป็นแม่ ส่วน ชีกน เป็นอีกชายหนุ่มอีกหนึ่งคนที่เกิดและโตมาในเมืองแห่งนี้ โดยตอนนี้เขาเป็นเจ้านายระดับกลางขององค์กรอาชญากรรมแห่งหนึ่ง ดูหนังMaster of the Shadowless Kick Wong Kei-Ying โดยเข้าเรียนมาตั้งแต่วัยเยาว์ว่าโลกนี้คือนรก และเขาจะทำทุกอย่างเพื่อหลุดพ้นจากมัน
นี่ถือเป็นผลงานเดบิวต์ในฐานะผู้กำกับอย่างเต็มตัวของนักสร้างหนังรุ่นใหม่ “คิมชางฮุน” ผู้ที่มีประสบการณ์ในแวดวงหนังในงานตัดต่อหนังมาหลายปี เขาทำหน้าที่กำกับและเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งต้องยอมรับว่าแค่งานชิ้นแรกก็เปิดตัวบรรทัดฐานที่ค่อนข้างตั้งเอาไว้ค่อนข้างสูงและดีงามเลยทีเดียว เพราะนี่คือเนื้อหาดรามาที่แสนจะจัดจ้านในเนื้อหา เรียกได้ว่าตลอดทั้ง 2 ชั่วโมงของหนังเรื่องนี้ คุณแทบจะค้นหาความสุขในหนังเรื่องนี้ไม่เจอเลย
ในแง่งานสร้างและใช้องค์ประกอบด้านโปรดักชันต่าง ๆ ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้าง โดยเฉพาะการออกแบบฉากและสร้างบรรยากาศในหนัง ไม่ว่าจะมุมภาพ มุมกล้อง จัดแสง และย้อมสีภาพ ออกมาหมองหม่นเข้ากับคอนเซ็ปต์ของเรื่องเป็นอย่างดี เหมือนกับเรานั่งดูหนังที่แทบจะหาแสงแดดไม่เคยเลยสักซีนเดียว ถือว่าเป็นความสำเร็จในแง่การสร้างและเร้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
ทางด้านบทหนัง Hopeless คน จน ตรอก อาจจะยังค่อนข้างวนอยู่ในการตกผลึก
ในอ่างเซฟโซนไปสักหน่อย เพราะเอาจริง ๆ พล็อตก็แทบจะไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไรเท่าไหร่เลย มันเป็นความดรามาแบบหม่น ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยพฤติกรรมของมนุษย์ที่เป็นสิ่งที่เราอาจจะเคยเห็นมาแล้วบ้าง จากผลงานหนังแนวนี้เรื่องก่อนหน้านี้สัก 10-20 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นบทหนังอาจจะไม่ได้หวือหวาอะไรมากนักแต่มัน
ถูกผลักดันออกมาได้ค่อนข้างประสบความสำเร็จ เพราะองค์ประกอบทางการแสดงล้วน ๆ กลายเป็นว่า Hopeless คน จน ตรอก มีความโดดเด่นและความพรีเมียมขึ้นเพราะลีลาการแสดงจริง ๆ หนังได้ดาราเบอร์ใหญ่ อย่าง “ซงจุงกิ” ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในแม่เหล็กที่มาช่วยประคับประคองหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างทรงพลัง ด้วยลีลาการแสดงที่น้อยแต่มาก แบบความเป็นนักแสดงมืออาชีพของเขา ใช้จังหวะท่าทางและสายตาในการแสดงออกมาได้ค่อนข้างดี
แล้วที่เซอร์ไพรส์ไม่น้อยก็คือการระเบิดพลังทางการแสดงของ “ฮงซาบิน” นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งที่้เพิ่งก้าวขึ้นมารับบทนำในหนังเรื่องนี้ และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาสมควรถูกจัดอยู่ในหนึ่งนักแสดงหน้าใหม่ที่สมควรต้องจับตามอง เพราะการแสดงของเขาเข้าขั้นดีงามและทรงพลัง
ไม่แพ้นักแสดงรุ่นพี่ข้างบทเลย ยิ่งได้บทที่ค่อนข้างส่งเสริมการแสดงของเขาเป็นอย่างดีด้วยแล้ว ทั้งลีลาและท่าทางต่าง ๆ ที่ตีความออกมานั้น ถือว่ายอดเยี่ยม หากเขาจะได้รางวัลอะไรไปควรก็เห็นว่าจะไม่อะไรขวางทางได้”บีบี” ก็กลายเป็นอีกหนึ่งนักแสดงสาวรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองไม่น้อย
แม้ว่าบทบาทของเธอในหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้มีซีนและแสงจัดจ้านสักเท่าไหร่ แต่ออกมาในแต่ละซีนเธอก็สามารถเอาอยู่และครองจอได้อย่างมั่นคง ทั้งอินเนอร์และแววตาทางการแสดงที่ชัดเจน ทำให้เห็นว่าการแสดงในบทดรามานั้น ก็เขาทางเธอไม่น้อยเช่นเดียวกัน
ดังนั้นในภาพรวม Hopeless คน จน ตรอก น่าจะจัดได้ว่าเป็นอีกหนังเกาหลีที่เข้าขั้นยอดเยี่ยมในรอบปีนี้ โดยเฉพาะในแง่การแสดงของทีมนักแสดงที่ทำออกมาได้ดีมาก ถึงองค์ประกอบของบทหนังจะค่อนข้างเล่นง่ายไปหน่อย แต่ก็ยังรักษาคอนเซ็ปต์และโทนของหนังเอาไว้ได้อย่างชัดเจน
นี่อาจจะเป็นหนังที่จะไม่สามารถทำให้คุณมีความสุขได้เลย เพราะมันจะนำทางไปสู่หนทางที่ดำดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ ลึกมากจนในที่สุดอาจจะต้องนั่งนิ่ง ๆ สักพักก่อนจะลุกออกมาจากโรงหนังHopeless คน จน ตรอก เป็นหนังที่มีเนื้อหาค่อนข้างหนักหน่วงพอสมควร ดูหนังMaster of the Shadowless Kick Wong Kei-Ying แต่การเป็นชิ้นงานที่เหมาะแก่การเสพย์เป็นแน่แท้ เพียงแค่ได้ดูลีลาการแสดงของนักแสดงเรื่องนี้ก็คุ้มค่าแล้วจริง ๆ มากับพล็อตที่ถือว่าย่อยง่ายและดูง่าย
ในแบบไม่ต้องประมวลหาเหตุและผลใด ๆ มาสนับสนุนสักเท่าไหร่ พร้อมจะฉุดผู้ชมดิ่งไปในอรรถรสแห่งความสิ้นหวังไปด้วยกันเพียงแค่ได้ยินชื่อส่วนผสมของเมนูนี้ที่มี “มาร์ติน สกอร์เซซี” คลุกเคล้าเข้ากับ “ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ” แล้วยังมีวัตถุดิบเสริมพิเศษเป็น “โรเบิร์ต เดอ นีโร” เพียงเท่านี้ เราก็น่าจะตั้งความหวังเอาไว้ในระดับบาร์ที่สูงได้แล้ว เพราะเชื่อว่า “Killers of the Flower Moon” เรื่องนี้จะต้องกลายเป็นหนังดรามายุคอินเดียนแดงถูกคุกคามที่ออกมาคมคายมาก ๆ เป็นแน่แท้
Killers of the Flower Moon เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในยุคปี 1920s เมื่อนํ้ามันถูกค้นพบที่รัฐโอคลาโฮมา ในพื้นที่ของชาวพื้นเมืองโอเซจ ทำการพวกเขาเริ่มถูกแทรกซึมจากคนผิวขาวที่เข้ามาตั้งรกรากและฉาบฉวยในการสร้างธุรกิจ ก่อนจะนำมาสู่เหตุโศกนาฏกรรมต่อเนื่องที่ชาวโอเซจจึงถูกฆาตกรรมไปทีละคน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนกลางเข้ามาไขปริศนาดังกล่าว ทุกอย่างจึงกลายเป็นมหรสพโรงใหญ่
แล้วจุดไฮไลต์ที่โดดเด่นจุด ๆ ของหนังเรื่องนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นกับขยายความยาวของหนังที่ยาวถึง 3 ชั่วโมง 20 นาทีเศษ ๆ นับว่าเป็นหนังอีกเรื่องในประวัติศาสตร์วงการหนังฮอลลิวูดที่สร้างออกมาได้ยาวเฟื้อยขนาดนี้ แต่ถึงแม้ว่าหนังจะยาวมาก ๆ เท่านี้ แต่ก็ยังสามารถฉุดรั้งคนดูเอาไว้ในตราตรึงใจกับภาพบนจอได้อย่างอยู่หมัด กลายเป็น 3 ชั่วโมงกว่า ๆ ที่เหมือนตกอยู่ในภวังค์ที่เต็มไปด้วยอรรถรสที่อร่อยโดย
Killers of the Flower Moon ได้ดัดแปลงสร้างมาจากนิยายชื่ดังของ “เดวิด แกรนน์” ที่ตีพิมพ์ในปี 2017 ซึ่งในครั้งนี้ได้นักเขียนฝีมือระดับรางวัล “อิไล ร็อธ” มาช่วยเขียนบทให้ ร่วมกับ มาร์ติน สกอร์เซซี ที่ร่วมช่วยปลุกปั้นบทหนังเรื่องนี้ออกมาได้อย่างมีมนต์ขลังอย่างน่าทึ่ง ต้นฉบับนิยายของหนังเรื่องนี้อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาความยาวกว่า 350 หน้า ก็ไม่น่าประหลาดใจสักเท่าไหร่นักที่พอมาขึ้นจอใหญ่จะกินเวลายาวนานเท่านี้
แน่นอนว่า มาร์ติน สกอร์เซซี ก็ยังคงละเลงแต่งแต้มผลงานของเขาด้วยลีลาอันเป็นสไตล์
แบบผู้กำกับชั้นครู ที่มาพร้อมกับงานสร้างที่ค่อนข้างละเอียดและบรรจงในทุก ๆ นาทีที่ถ่ายทอดออกมา หากว่ากันถึงโครงเรื่องนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Killers of the Flower Moon ค่อนข้างกลั่นกรองเรื่องราวออกมาได้เพลินและจับใจได้ดีตลอดทั้งเรื่องตัวหนังสามารถเก็บรายละเอียดในช่วงยุคนั้น ๆ
อันเป็นฉากหลังออกมาได้ค่อนข้างลึกซึ้ง อาจจะไม่ได้พาคนดูดำดิ่งลงลึกอะไรขนาดนั้น แต่หนังก็เก็บเกี่ยวและสดุดีความเป็นอินเดียนแดง ชนพื้นเมืองของทวีปอเมริกาเหนือออกได้ด้วยความเคารพจากสัตย์จริง กลายเป็นหนังที่ยาวกว่า 200 นาทีที่เปิดให้ดูได้เรื่อย ๆ แบบไม่ลุกไปไหนก็สามารถทำได้เช่นกัน
ในด้านงานกำกับองค์ประกอบต่าง ๆ ก็คือว่า Killers of the Flower Moon ทำออกมาได้เกือบจะสมบูรณ์แบบ องค์ประกอบฉากและองค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ หนังประเภท Adventure ผจญภัย ถือว่าใส่ใจในรายละเอียดแบบเนี้ยบสุด ๆ สมกับเป็นงานสร้างระดับตำนานจริง ๆ ขณะที่มุมภาพและมุมกล้องก็ยังทิ้งลีลาความเป็นลุงมาร์ตี้เอาไว้ให้เห็นเป็นระยะ ๆ ซึ่งเมื่อออกมาในภาพรวมก็คือเสน่ห์ในแบบที่ควรเป็นของหนัง มาร์ติน สกอร์เซซี
นั่นเองจะว่าไปแค่มานั่งดูลีลาการแสดงของทีมนักแสดงชุดนี้ก็คุ้มแล้วจริง ๆ นะ ลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ ก็ถือโฟลว์ไปกับบทบาทนี้เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ดูหนังMaster of the Shadowless Kick Wong Kei-Ying การแสดงของเขาแทบจะไม่ต้องทำอะไรมาก การตีความและถ่ายทอดบทนี้ของเขาทำให้คนดูเชื่อสนิทว่าเขาเป็นตัวละครนั้น ๆ ตั้งแต่นาทีแรกที่ปรากฏตัว และความเป็นมืออาชีพของเขาก็ยังช่วยประคองหนังเอาไว้ได้ดีตลอดทั้งเรื่องจริง ๆ
ส่วนตัวจี๊ดและตัวปั่นของเรื่องนี้ก็คือ โรเบิร์ต เดอ นีโร นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่น่าสนใจอีกครั้งของเขาในอาชีพนักแสดงช่วงวัยชรา ถือว่าคาแรกเตอร์นี้ส่งเสริมให้กับเขาเป็นอย่างมาก ตัวละครเต็มไปด้วยมิติและด้านที่หลากหลาย เป็นสิ่งที่คนดูทั้งรักทั้งชังไปพร้อม ๆ กัน และนักแสดงระดับชั้นครูผู้นี้
ก็ทำออกมาได้โฟลว์เช่นเดียวกันแต่ที่ต้องจับตามองสุด ๆ ก็คงจะเป็น “ลิลลี แกลดสโตน” โอ้โห้..เธอน่าจะมีโอกาสได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลต่าง ๆ กับลีลาการแสดงในครั้งนี้อย่างแน่นอน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่รับบทหนักของเรื่องนี้ การแสดงออกมาได้ค่อนข้างคมคาย แอคติ้งที่ทำการแสดงผ่านลีลาและสีหน้าจากตัวเธอนั้นทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ไม่ประหลาดใจเลยที่ผลงานเรื่องนี้กลายเป็นการแจ้งเกิดให้กับเธออย่างเต็มตัว และเธอก็ทำออกมาได้ปัง
Killers of the Flower Moon ใช้งานประพันธ์เพลงประกอบโดย “ร็อบบี โรเบิร์ตสัน” ที่นับว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบไฮไลต์ที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้เช่นกัน งานดนตรีที่ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมอินเดียนแดงได้อย่างกลมกล่อม เป็นจุดที่ช่วยบิวท์อารมณ์และสร้างบรรยากาศในหนังได้เป็นอย่างดี
จังหวะเพลงค่อนข้างเหมาะเจาะและลงล็อก ดูหนังMaster of the Shadowless Kick Wong Kei-Ying เชื่อว่าน่าจะเป็นผลงานที่ส่งไปถึงเวทีรางวัลออสการ์ได้ไม่ยากอีกเช่นกันในภาพรวมแล้ว Killers of the Flower Moon ได้กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานระดับตำนานของทีมผู้สร้างและทีมนักแสดงชุดนี้ หนังเล่าถึงโศกนาฏกรรมที่แสนหดหู่ออกมาในรูปแบบมหรสพเชิงอาชญากรรมที่ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกจดจ่ออยู่ความตึงเครียดเกินไป มันเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความดรามากับรสชาติของความตลกร้ายที่ใส่เข้ามาได้แบบพอดีเป๊ะ
โดยเฉพาะฉากท้าย ๆ ของหนังที่ถือว่าเป็นกิมมิกที่เข้าใจทำออกมาจาก มาร์ติน สกอร์เซซี ด้วยแท้ อาจจะถือได้ว่าเป็นฉากจบที่ช่วยผ่อนคลายโทนอารมณ์ให้กับคนดู และกลายเป็นหนึ่งในซีนที่น่าจดจำอีกซีนของหนังที่ควรจะจารึกเอาไว้ นับว่าโชคดีแค่ไหนที่ได้มีโอกาสดู Killers of the Flower Moon เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์แบบเต็ม ๆ ตา จากเดิมที่เกือบจะเป็นแต่หนังฉายสตรีมมิงจอเล็กเท่านั้น…ดีจริง ๆ
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังจีน เรื่อง Master of the Shadowless Kick Wong Kei-Ying (2017) หวง ฉี อิง บาทาไร้เงา เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
6.7