In Youth We Trust (2024) วัยหนุ่ม 2544
เรื่องย่อ
‘ข้าพเจ้าเป็นผู้มีกรรมเป็นของตัวเองจึงต้องรับผลกรรมนั้น…’ เผือก เด็กสลัมที่เลือกเกิดมามีค่าเท่าคนอื่นไม่ได้จนต้องยอมนิ่งยอมเป็นเหยื่อให้คนอื่นรังแกมาตลอดเพื่อให้ ตัวเองได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคม…จนกระทั่งวินาทีที่เขาตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตเพื่อรักษาศักดิ์ศรีแม่ที่ เลี้ยงดูเขามาตามลำพังตั้งแต่เด็กด้วยการขายยา แต่เมื่อถูกส่งตัวมายังคุกวัยหนุ่ม เผือกจึงได้รู้ว่าโลกหลังกำแพงใบนั้นไม่ต่างจากกองขยะรวมเดนคนที่ถูกทิ้ง จากสังคม มันมืดมนและโหดร้ายกว่าโลกแห่งความจริงที่เขาเพิ่งจากมาโดยสิ้นเชิง แม้เผือกจะโชคดีที่ได้รับมิตรภาพข้างในนั้นจาก มะเดี่ยว กอล์ฟ และฟลุ๊ค แต่พวกเขาทุกคนก็ต้องคอยเอาตัว รอดจากขาใหญ่อย่างเบียร์และบอยที่ต้องการอยู่สูงสุดในวัฏจักรอุบาทว์แห่งนั้น ความฝันที่จะชดใช้กรรมจนหมดแล้วกลับออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งเริ่มเลือนราง เหลือเพียงแค่ความ หวังที่จะอยู่รอดไปถึงวันพรุ่งนี้สถานการณ์บีบคั้นให้เผือกตัดสินใจอีกครั้งว่าเขาจะไม่ยอมเป็นเหยื่ออีกต่อ ไปแม้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือด้วยผลกรรมครั้งใหม่ก็ตาม
ผู้กำกับ
พุฒิพงษ์ นาคทอง
บริษัท ค่ายหนัง
นักแสดง
- ณัฏฐ์ กิจจริต
- อารักษ์ อมรศุภศิริ
- อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี
- ภูมิภัทร ถาวรศิริ
- ทศพล หมายสุข
- เบนจามิน โจเซฟ วาร์นี
โปสเตอร์หนัง วัยหนุ่ม 2544
รีวิวหนัง
ขอบสหนัง
รีวิวสั้นๆ วัยหนุ่ม2544
เมื่อความเก่งกาจของกลุ่มนักแสดง มาหลอมรวมกับ ความเก่งกาจของผู้กำกับที่มาพร้อมกับบทภาพยนตร์ที่ขัดเกลามาอย่างดี ทุกอย่างมันเลยออกเป็นความสมบูรณ์แบบของสิ่งที่เรียกว่า
” ภาพยนตร์ ”
อย่างแรกที่ต้องชมก่อนเลย ขอชมผู้กำกับของ วัยหนุ่ม2544 อย่างพี่พุฒิพงษ์ จากผู้กำกับที่เราแทบไม่รู้จักเขาเลยเมื่อ 3 ปีที่แล้ว สู่การพัฒนาตัวเองเป็นผู้กำกับแถวหน้าของไทย ที่มีความเก่งกาจในการเล่าเรื่องและถ่ายทอดส่งต่อสู่คนดูมากๆ เพราะหากดูจากผลงานของพี่พุฒิ 4King 1-2 มาเรื่องนี้ ผลงานแกพัฒนาขึ้นไปตามลำดับพอสมควร หนังภาคแรกขาดตรงไหนก็เติมตรงนั้น หนังภาคสองยังทำตรงนั้นไม่ดี ก็มาปรับปรุงตรงนั้นให้ดีแล้วมาใส่ในหนังเรื่องนี้
วัยหนุ่ม2544 อาจไม่ใช่ภาพยนตร์ที่มีความแปลกใหม่ใดๆในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย แต่แม้ไม่แปลกใหม่ แต่ก็หนังมันก็ยกระดับความเดิมๆของไทยที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นไปอีก ซึ่งในแง่ด้านเทคนิคของโลกภาพยนตร์ วัยหนุ่ม2544 ไปถึงแบบทะลุกราฟมาก ทั้งการถ่ายทำ มุมกล้องที่เลือกใช้ ( แค่เปิดเรื่องพี่แกก็ลองเชิงกับเทคนิค Longtake เบาๆ แล้ว ) รวมถึงการการเกรดสีที่สืออารมณ์ถึงคนดู ซึ่งตรงนี้วัยหนุ่ม2544 ทำดีมากๆ ซึ่งสีและโทนภาพที่ใช้ มันมีผลมากๆที่จะทำให้คนดูอย่างเราชวนหดหู่ไปกับสภาวการณ์ของตัวละคร
และอย่างสุดท้ายที่ต้องชมในฝั่งพี่พุฒก็คือการรักษาธีมของเรื่อง ที่ธีมของเรื่องนี้คือชีวิตในคุก ซึ่งพี่พุฒแกก็สามารถพามวลอารมณ์ของหนังและพาคนดูอย่างเราให้รู้สึกเหมือนไปอยู่ในคุกจริงๆพร้อมกับตัวละครเผือกตั้งแต่วินาทีแรกที่ตัวละครนี้เข้าคุกไปยันเราเดินออกจาโรง ความรู้สึกที่ทำให้คนดูรู้สึกว่า หากคุณต้องเข้าคุก คุณก็ไม่มีทางแล้วที่จะได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ชีวิตวันนี้คุณคือในคุก พรุ่งนี้คุณก็ยังอยู่ในคุก แล้วก็จะวนซ้ำๆไปเรื่อยๆ ซึ่งแกทำได้โคตรสำเร็จสำหรับผม และผมคิดว่ามันจะต้องทำให้คนดูต้องกลัวจริงๆ กับการที่จะต้องเดินเข้าคุก
ส่วนในฝั่งนักแสดง ตัวหลักทั้ง 7 คน ผมให้ The Best ทุกคนเลยย ซีนที่ต้องโชว์ของตัวเองและต้องโชว์พร้อมๆกัน มันดึงขึ้นมาพร้อมๆกันแบบไม่มีใครน้อยหน้าใครเลย
ณัฏฐ์ กิจจริต ควรค่ามีชื่อเข้าชิงนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปีนี้ ทรงพลังแม่งทุกซีน
พี่เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ พี่เป้ในมุมคนเหี้ย แม่งโคตรดี
จ๋าย อิชณน์กร คือบุคคลคุณภาพที่โดดเด่นทั้งในแง่งานดนตรีและในแง่การแสดง ซึ่งผมชอบแกไปเยอะแล้วใน 4King ซึ่งเรื่องนี้แกก็ยังโดดเด่น ผมแอบชอบซีนของจ๋ายเกือบทุกซีนเลยนะ แกเหมือนเป็นมุมแสงสว่างเล็กๆของหนังที่มืดไปหมดทั้งเรื่อง
เอม ภูมิภัทร คนบ้าอะไรเก่งชิบหาย นี่คือนักแสดงไทยคุณภาพ สมทบชายปีนี้ คนนี่แหละ โดดเด่นที่สุดแล้ววว
ท็อป ทศพล ยังคงเป็นนักแสดงที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์ได้เสมอๆ บทแกเหมือนจะไม่เด่น แต่เอาจริงๆ ทุกซีนที่แกได้โชว์ แม่งก็ตึงเกิ๊นนนนน
เบนจามิน โจเซฟ คนนี้ผมให้เซอร์ไพรส์สุด คือไม่คิดว่าจะโดดเด่นขนาดนี้ เรื่องนี้ให้ The Best ในการแสดงของตัวแกเท่าที่เคยเห็นมาเลย
.
.
แม้ไม่รู้ว่า วัยหนุ่ม2544 จะสามารถประสบความสำเร็จเหมือนกับที่ 4King ทำได้ไหมในแง่ของรายได้ แต่ในแง่ของภาพยนตร์สำหรับผม ผมคิดว่ามันประสบความสำเร็จมากๆ และนี่คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่ถ้าคุณชอบดูภาพยนตร์ ผมอยากแนะนำให้คุณไปดูมัน
สกอร์ถ้าจะให้ 9.5/10
LXUAWROPDIQYT
******* วัยหนุ่ม 2544: โคตรชอบ ตอบโจทย์ โหดกำลังเหมาะ เจาะกำลังดี มีภาพสวยสัดๆ ******* (ไม่สปอยด์)
เล่าเรื่องสั้นๆก่อน
เผือก (ณัฏฐ์ กิจจริต) กับฟลุ๊ค (ภูมิภัทร ถาวรศิริ) จำต้องมาเข้าคุกด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป
เอาเข้าจริงๆ พวกเขาควรอยู่บ้านฝั่งธน แต่ผู้คุมหน้าเหี้ยม (สหัสชัย ชุมรุม) ดันให้ไปอยู่บ้านคลองเตย
สิ่งที่น่าคิดคือเจ้าผู้คุมตัวดีจะทำอย่างนั้นทำไม
ณ บ้านคลองเตย ในคุก มีตัวร้ายสองตัวคือ เบียร์ (อารักษ์ อมรศุภศิริ)กับ บอย (ทศพล หมายสุข)
เบียร์กับบอยคือนรกของเผือกกับฟลุ๊คโดยแท้ พวกเขาโดยเบียร์กับบอยกระหน่ำโหดกันแบบสุดๆ
ณ บ้านคลองเตย ในคุก บังกัส (อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี) กับกอล์ฟ (เบนจามิน โจเซฟ วาร์นี)
เห็นใจเผือกกับฟลุ๊ค เห็นใจจนอยากช่วย แต่พวกเขาจะช่วยได้แค่ไหน
เรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไร คงต้องไปลุ้นกันเองนะครับ
ตอนวัยรุ่น ผมเคยดูหนังฮ่องกงเรื่อง “หัวใจเธอมันน่ากราบ” ตอนนี้ขอยืมคำเขามาใช้เพื่อจะบอกว่า
หัวใจพวกนายมันน่ากราบ เรามาติดตามกันว่าผมอยากกราบใครบ้าง
1. กราบนักแสดง พวกนายเล่นดีกันสุดๆ
เริ่มจาก เผือก (ณัฏฐ์ กิจจริต) เขาแสดงได้ดีมาก เขาใช้ร่างกายและใจของเขาเปลี่ยนจากเขาเป็นเผือกอย่างมีพลัง
สีหน้า แววตา และทุกการเคลื่อนไหว ณัฏฐ์ สื่อสารได้ดีมาก
ฟลุ๊ค (ภูมิภัทร ถาวรศิริ) ตัวละครฟลุ๊ค เล่นโคตรยากเพราะเป็นแอลจีบีทีฯ แต่ภูมิภัทรเอาอยู่ทุกอณู
จาผมทึ่งว่า เฮ้ย เล่นได้ไงวะ โคตรเชื่อและน่าเชื่อสุดๆ
ผู้คุมหน้าเหี้ยม (สหัสชัย ชุมรุม) จะโหดไปไหนครับท่าน
แต่น้ำเสียงและแววตาของสหัสชัยในเรื่องนี้โคตรสุด
เบียร์ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) เป็นครั้งแรกที่ผมอยากต่อยหน้าเป้
ผมติดตามเขามาตั้งแต่บอดี้ ศพ 19 จนมาถึงวัยหนุ่มฯ
เมื่อมาถึงวัยหนุ่ม เป้สุดทีนจริงๆ เล่นดี เตรียมร่างกายมาดี
ถึงไม่ใช่พระเอก แต่บทโคตรเด่น บทนี้จริงๆแล้วเล่นยากมาก
แต่เป้เอาอยู่ แบบ เฮ้ย เชี่ย ทำได้ไงวะ
บอย (ทศพล หมายสุข) บอย มืงจะโหดไปไหน คือเล่นแต่โหดๆ
ทศพลสวมบทบอยจนผมลืมเขาไปเลย ตัวจริงเขานิสัยดีมาก
แต่บอยมันโหดไปหมด หน้าตา รูปร่าง สายตา ขโมยซีนได้ดีในทุกๆฉาก
บังกัส (อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี) จ๋ายมาแบบ เออ โคตรชอบ
บทนี้เขาเล่นดีมาก เล่นแบบมีชีวิตจิตใจสุดๆ การใช้น้ำเสียงและแววตาโคตรดี
บางฉากดีจนน่าขนลุก
กอล์ฟ (เบนจามิน โจเซฟ วาร์นี) โอ เบนแสดงบทนี้แบบ ได้ใจสุดๆ
แสดงโคตรดีและมีสมาธิอยู่กับบทได้ดีมาก จนบางครั้งเราจำกอล์ฟได้
แต่ลืมเบนไปแล้ว เล่นโคตรดีแบบสุดๆ
2. กราบคนกำกับภาพและถ่ายภาพ
ไม่นึกว่าภาพในหนังคุกจะสวยขนาดนี้ ในหลายซีน ภาพมันดูเหมือนมีชีวิต
และบ่งบอกความรู้สึกได้ดี ทำได้ยังไงครับเนี่ย โคตรชอบเลย
3. กราบคนกำกับศิลป์
ทราบมาว่าคุกที่ใช้ถ่ายทำเคยเป็นคุกจริงมาก่อน แต่การกำกับศิลป์ถือว่าดี
มันทำให้ผมรู้สึกว่าคุกคือตัวละครตัวหนึ่งที่มีมนต์ขลังค่อนข้างมาก
จริงๆแล้ว การทำให้เห็นมุมมองที่พร่าเลือน แต่ชัด มันโดนใจหลายฉากมาก
4. กราบคนตัดต่อ
มืงจะตัดต่อดีไปไหน คือตัดได้ดีมาก หลายฉากนี่อึ้งไปเลย
เฮ้ย โคตรมีฝีมือ
5. กราบคนเขียนบทหนัง
เฮ้ยคือเขียนดีมาก ดูเพลิน ถึงจะมีแต่ฉากโหดๆ แต่ฉากขำๆก็มีเหมือนกัน
บางฉากขำจริง บางฉากคือหัวเราะไม่ออก ทำไมเขียนบทดีขนาดนี้
6. กราบนักแสดงสมทบนับร้อย
เฮ้ย พวกมืงอยู่ถูกที่ถูกทางกันหมดและมีส่วนส่งเสริมอารมณ์หนังได้ดีมาก
คือตั้งใจกันมากจริงๆ ทำให้หนังเรื่องนี้สามารถสะท้อนภาพความจริงบางอย่างได้
7. กราบคนคัดเลือกนักแสดง
คือรู้ได้ไงครับว่าพวกเขาทำได้ คือมันยากมากเหมือนกันนะที่จะเลือกและฟันธงว่า
คนนี้รับบทนี้ได้ มันยากมากๆ แต่พวกเขาทำได้
8. กราบคนรับผิดชอบเรื่องเครื่องแต่งกาย
ถึงแม้หนุ่มๆจะถอดเสื้อกันหลายฉากหลายคน แต่ที่ชอบคือรอยสักไม่ผิดยุค
แถมรอยสักของบางคนยังสามารถเล่าเรื่องราวบางอย่างในตัวเขาได้ โคตรเหลือเชื่อ
9. กราบคนทำดนตรีประกอบและเพลงประกอบ
เฮ้ย โคตรลงตัว มันยากนะเว้ย แต่ทีมงานก็ทำได้ บางเพลงก็เอามาเสริมอารมณ์
แต่บางเพลงนี้ ตัดอารมณ์สุดๆ จนบางครั้งมันสะเทือนใจนะ
10. กราบผู้กำกับภาพยนต์
พุฒิพงษ์ นาคทอง พี่พุฒิครับ พี่ทะเยอทะยานและเอาอยู่ทุกดอก
พี่นี่โคตรอัจฉริยะ จะรอติดตามผลงานชิ้นต่อไปนะครับ
11. กราบฉากจบ โคตรชอบเลย
อยากรู้ว่าเป็นไง ไปดูเองนะครับ
สรุป
ชอบหนังคุกเรื่องนี้มาก ทำออกมาได้ดีมากครับ
ทุกฝ่ายร่วมแรงแข็งขันกันดีจนได้ผลงานดีๆมากประดับวงการ
สุดท้าย
ต้องขอบคุณค่ายหนังที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ
สมาชิกหมายเลข 3901026
[ Review No Spoil ] วัยหนุ่ม2544 หนังคนคุกที่เป็นมากกว่าหนังคนคุก
ภาพยนตร์ไทยวัยหนุ่ม 2544 (ภาพยนตร์ไทย)
‘ ทิ้งมันเอาไว้ ในวัยหนุ่ม ’
ภาพยนตร์ที่ตีแผ่ชีวิตคนคุกและระบบการทำงานของข้าราชการ ภาพยนตร์ฝีมือคนไทยอีกเรื่องที่ปิดท้ายปี2567ได้อย่างสมบูรณ์ ( จะว่าเป็นการอวยผลงานของคนในชาติด้วยกันเองก็ได้ แต่หนังทำให้รู้สึกออกมาแบบนั้นได้จริงๆ )
แค่จากตัวอย่างก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่าจะได้รับความดราม่า หมองหม่น และอึดอัดอย่างแน่นอน ดังนั้นตอนไปรับชมเรื่องนี้ จขกท.ก็เตรียมใจรับแรงกระแทกไว้ระดับหนึ่ง ด้วยความที่วัยหนุ่มนั้นมีเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมปะปนอยู่ จากที่คิดไว้แล้วว่าต้องหนัก หนังก็ตอกย้ำความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างเข้มข้น ไม่ออมมือ ไม่มีจังหวะให้ได้โล่งใจนาน รู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าไปเป็นสมาชิกใหม่อีกคนผ่านตัวละครหลักทั้ง ‘ เผือก ’ และ ‘ ฟลุ๊ค ’
นักแสดงถ่ายทอดออกมาเหมือนทุกคนเป็นตัวละครนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่การแสดง ทั้งน้ำเสียง แววตา การกระทำเล็กๆน้อยๆในฉากใหญ่ มันเต็มไปด้วยความเครียด ความเศร้า การที่ถูกจองจำ การถูกริดรอนอิสรภาพ คนเลวที่เลวไม่หยุดหย่อนกับคนเคยเลวที่พยายามจะออกไปจากที่นี่ การถูกขังไปจนถึงความฝัน
สมกับคำโปรยของหนังที่ว่า ‘ ทิ้งมันไว้ในวัยหนุ่ม ’ เพราะคุกมันทำให้ไม่สามารถฝันและใช้ชีวิตในวัยหนุ่มได้อีกต่อไป จากเพียงแค่หนึ่งการกระทำที่เปลี่ยนทุกอย่างในชีวิต
ในแง่ของโปรดักชัน สามารถสัมผัสความตั้งใจของทีมงานผ่านโปรดักชันได้เป็นอย่างดี ทั้งบรรยากาศสมจริงเหมือนได้ย้อนไปในปี2544 การเกรดสี การตัดต่อ เพลงประกอบที่เลือกมาได้ตรงกับทุกสถานการณ์ จนซีนเหล่านั้นมันกลายเป็นไอคอนนิคของหนังไปได้เลย ชื่นชมเบื้องหลังทุกท่านจริงๆ
ท้ายที่สุด ตัวหนังจะสามารถมอบอะไรให้แก่ผู้ชมได้ขึ้นอยู่กับตัวผู้ชมว่าต้องการอะไรจากหนังเรื่องนี้ ความบันเทิงหรือการเตือนใจ ต้องลองไปรับชมด้วยตัวเองและลองตัดสินสิ่งที่หนังต้องการสื่อดูด้วยตาของคุณสักครั้ง ( เรทหนัง18+ ในแง่ของความรุนแรง ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะไม่มั่นคงทางสภาพจิตใจหรือกำลังอยู่ในช่วงดิ่ง ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า18ปีควรมีเพื่อน ผู้ปกครองไปด้วยขณะรับชม )
วัยหนุ่ม2544 (9/10)
7.8