Byzantium (2012) ไบแซนเทียม ล่าแวมไพร์อมตะ
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวของ เอลินอร์ และ คลาร่า คือแวมไพร์ หลังจากที่ออกเดินทางมากว่าสองศตวรรษ พวกเธอก็พร้อมจะตั้งถิ่นฐานที่ไหนสักแห่ง อย่างไรก็ตามอดีตก็ไล่ตามมาทัน มีความลับอีกอย่างที่ คลาร่า ไม่เคยบอก เอลินอร์ นั่นคือพวกเธอไม่ได้กำลังหนีจากตำรวจ แต่ความจริงแล้วเป็นกลุ่มแวมไพร์ที่เรียกตัวเองว่า “บราเธอร์ฮู้ด” ซึ่งจะเข้ามาถึงตัวของพวกเธอในอีกไม่ช้า
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง Byzantium (2012) ไบแซนเทียม ล่าแวมไพร์อมตะ หนังประเภท Thriller ระทึกขวัญ เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนัง ออนไลน์ ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
- Neil Jordan
บริษัท ค่ายหนัง
–
นักแสดง
- Saoirse Ronan
- Gemma Arterton
- Sam Riley
- Jonny Lee Miller
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
ดูหนังวนไป
Byzantium (2012)
คะแนน : 🍿🍿🍿(3/5)
🧛🏻♀ หนังชีวิตแสนเศร้าของแวมไพร์สาวสองแม่ลูก ที่ต้องย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆ ไม่มีบ้าน ไม่มีงาน ไม่มีใคร
อยากบอกว่า ภาพในหนังสวยมากกกก บรรยากาศก็เหงามากก ฉากเฉิดคือดีย์
สองสาวตัวหลักในเรื่อง ทั้งคู่คือสวยมากกกก คนนึงสวยเซ็กซี่เย้ายวนใจ อีกคนน่ารักใสๆไร้เดียงสา ที่ได้ Saoirse Ronan มาโชว์มือการแสดง
ตัวหนังออกแนวดราม่าเศร้าๆระทมทุกข์ ไม่ได้แอ็คชั่นแต่อย่างใด การเล่าเรื่องบางช่วงก็ไม่ค่อยตื่นเต้น แอบหน่วงๆ เนือยๆ หนักๆ
แต่ในความเหงาปนเศร้าของหนัง ก็มีความโหดเลือดสาด คอขาดกระจายให้เห็นอยู่
ส่วนตัวแอบรำในความเวิ่นเว้อของสองแม่ลูก อยู่หลายที ที่คนนึงก็อยากจะเก็บงำไม่พูดอะไรจนเกิดเรื่องวุ่น ส่วนอีกคนก็อยากจะตะโกนบอกคนทั้งโลกให้ยุ่งไปหมด แต่ด้วยความภาพสวย นักแสดงดี เลยจัดเข้ามาในลิสแนะนำค่ะ
🧛🏻♀️ เรื่องย่อ : เอลินอร์ และ คลาร่า สองแม่ลูกที่หนีจากการตามล่าของตำรวจจนมาถึงเมืองเล็กๆริมทะเล ที่พวกเธอพยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่ อีเลนอร์ ได้รู้จักกับ แฟรงค์ ชายหนุ่มผู้มีจิตใจดี ซึ่งก็ทำให้เธอรู้สึกเชื่อใจและบอกความจริงไปว่า แท้จริงเธอเกิดในปี ค.ศ. 1804… นั่นหมายถึงเธออายุ 16 มานานแล้ว แต่มีความลับอีกอย่างที่ คลาร่า ไม่เคยบอก เอลินอร์นั่นคือพวกเธอไม่ได้กำลังหนีจากตำรวจ แต่ความจริงแล้วเป็นกลุ่มแวมไพร์ที่เรียกตัวเองว่า “บราเธอร์ฮู้ด”ซึ่งจะเข้ามาถึงตัวของพวกเธอในอีกไม่ช้า!!!
Wasant Tong Suthanyaphruet
Byzantium (2012)
Review • [คะแนน B -] #Spoil
ผลงานนี้น่าสนใจตรงชื่อผุ้กำกับ Neil Jordan ที่เคยทำหนัง Interview with the Vampire: The Vampire Chronicles หนึ่งในงานที่สร้างชื่อและผลักดันให้สองนักแสดงหนุ่ม Tom Cruise และ Brad Pitt เลื่อนสถานะจากนักแสดงดาวรุ่งพุ่งแรงเป็นซุปตาแถวหน้านั่นเอง ส่วนผลงานอื่นๆที่สร้างชื่อของผุ้กำกับคนนี้ก็มี Mona Lisa, The Crying Game, Michael Collins และ The Brave One ที่คอหนังส่วนใหญ่รุ้จักกันดี.. โดยเรื่องราวใน Byzantium เกี่ยวกับแวมไพร์สสองแม่ลุกที่ต้องย้ายถิ่นอาศัยไปเรื่อย เพราะต้องหลบหนีจากการตามล่าของคนกลุ่มหนึ่ง และการใช้ชีวิตที่สุ่มเสี่ยงให้คนรอบข้าง ล่วงรุ้สถานะตนเองจากความตายที่เกิดขึ้นรอบตัว?!!
พล็อตเรียบง่ายข้างต้นใช้วิธีตัดสลับช่วงเวลาปัจจุบันและ 200 ปีที่แล้ว ผ่านการอ่านไดอารี่แล้วใช้กลวิธีเปลี่ยนผ่านยุค โดยให้ตัวละครมองเห็นตัวละครแล้วจึงค่อยเล่าเรื่องต่อกันไป Flash back ในหนังจึงดูดีและน่าสนใจ การดำเนินเรื่องต่อเนื่องไม่รุ้สึกสะดุดอารมณ์แบบงานอื่น ที่ต้องย้อนอดีตบ่อยๆแบบเดียวกันนี้.. นอกจากนั้นโลเคชั่นที่ใช้คือเมืองท่าน้ำของอังกฤษ ก็ขับเน้นความเยือกเย็นสงบนิ่งและเคว้งคว้างเปล่าเปลี่ยวได้อย่างดี ราวกับจะมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา รวมถึงการแฝงนัยถึงชีวิตคนที่ผันเปลี่ยน เช่น แมนชั่นหรือเกสเฮ้าท์ในเรื่อง(ชื่อ Byzantium) ก็มีลักษณะแบบยุคก่อนที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง, ฉากทะเลที่ระดับน้ำมีขึ้นมีลงสะท้อนความเป็นไปในวัฎจักรของชีวิตมนุษย์ ตรงข้ามกันกับฉากน้ำตกบนภูเขาที่ไหลเป็นทางเดียวตลอดกาลไม่หวนคืนกลับ ก็สะท้อนถึงการเลือกเปลี่ยนชีวิตให้เป็น.. แวมไพร์ส ได้เช่นกัน !!
ด้านการตีความเกี่ยวกับแวมไพร์สในงานนี้ ค่อนข้างใส่ความเป็น realistic สูงมากถ้าเทียบกับหนังพล็อตเดียวกันที่มักจะขายความ fantasy ทั้งเรื่องจึงเหมือนติดตามชีวิตของผุ้หญิงธรรมดาสองคนที่มีความต่างในแนวคิด แต่อยู่บนพื้นฐานของความรักที่มีต่อกัน แม้แต่ฉากพรากชีวิตคนเพื่อดื่มเลือด หนังยังใช้วิธีให้เล็บยืดจากหัวแม่โป้งแทนเขี้ยว เพื่อเจาะเข้าไปที่เส้นเลือดในลำคอหรือข้อมือแล้วจึงใช้ปากดูดกิน ซึ่งถ้าดูไปเรื่อยๆจะเข้าใจได้ว่าการเป็นแวมไพร์ส ในฝ่ายที่มีอำนาจไม่ต่างจากสถานะทางสังคมปกติเลย เนื่องมีเพียงชนชั้นสูงที่เป็นเพศชายเท่านั้นที่ถุกเลือก.. ส่วนตัวละครหญิงที่ถุกข่มเหงและกดขี่ให้เป็นสาวขายบริการอย่าง Clara ที่มองว่าการเป็นแวมไพร์ส
คือการหลุดพ้นจากสภาพเจ็บป่วยและสิ่งแวดล้อมแสนโหดร้าย ต่อมาหนังก็ให้เห็นว่าเธอเพียงแค่หลอกตัวเอง เพราะแม้สถานะเปลี่ยนแต่เธอก็ยังเลือก(เป็นแวมไพร์ส)ขายบริการอยู่ดี ต่างกันแค่เพียงได้เป็นเจ้าของชีวิตตนเอง และคือผุ้หญิงคนแรกจาก 200 ปีที่แล้วที่มีอิสรภาพ จากยุคของการถุกเหยียดหยามรังแก ถือเป็นบทบาทที่ดีของ Gemma Arterton เสียแต่หนังขาดฉากโชว์ความสามารถแบบจะแจ้ง ทำให้มีน้อยฉากมากที่เห็นทักษะการแสดงของเธอชัดๆ นอกจากหนักในการเผยส่วนเว้าส่วนโค้งตลอดเรื่อง หุหุ..
อีกด้านหนึ่งคือลูกสาว Eleanor ที่เกิดและโตจากโบสถ์คาทอลิกจึงบริสุทธิ์จากภายใน (แม้วัย 16 ปี จะถูกข่มเหงจนเกิดจุดเปลี่ยน?) เธอจึงตั้งคำถามต่อมารดาและโลกใบนี้ตลอดเวลา ทั้งนี้ความใสและซื่อตลอด 200 ปี จากแม่ที่พยามปิดหูปิดตาเธอจากความชั่วร้ายในโลก ต่อมาความรักต่อชายคนหนึ่งทำให้เธอตัดสินใจก้าวข้ามผ่านความกลัวที่มีมาตลอด เพียงเพราะเขาเป็นแค่คนที่กำลังจะตายจากมะเร็งร้าย น่าเสียดายที่จุดนี้หนังใช้เวลาน้อยเกินไป จึงไม่สามารถทำให้เราเชื่อในความรักระหว่างสองตัวละครมากนัก สิ่งที่เข้าใจได้คือทั้งสองผูกติดกันในความรุ้สึกของชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้เลือก (คนหนึ่งไม่ได้เลือกมีชีวิตอมตะ อีกคนไม่ได้อยากที่จะป่วยตาย) จึงเป็นตัวละครที่ตั้งคำถามต่อโลกที่ไม่อยุติธรรมนี้ทั้งคุ่.. ดาราสาวมากฝีมือ Saoirse Ronan ในบทเรียบง่ายและใสซื่อดูจะเป็นคาแรกเตอร์ที่ซ้ำซากไปบ้าง
แต่ทักษะในตัวเธอนั้นยังเป็นสิ่งที่หนังทุกเรื่องหยิบมาใช้ประโยชน์ได้อยู่เสมอ แม้แต่เรื่องนี้ที่บทบาทเธอดูเผินๆก็ไม่ได้หนักอะไร แต่กลับมีฉากน่าจดจำมากกว่า ทั้งฉากที่เธอพูดกับหนุ่มคนรักริมหาด หรือฉากในห้องของครูใหญ่ (ตอนที่ไม่เชื่อว่าเด็กสาวตรงหน้าคือ แวมไพร์ส) ว่า.. “เวลาเท่านั้นแหละที่จะทำให้คุณเชื่อฉัน จากนี้ไปอีก 50 ปี ตอนที่คุณกำลังนั่งรถเข็น แล้วฉันที่ยังอายุ 16 แบบนี้ ก็จะเดินเข้ามาหาคุณ ที่กำลังรอรับความตายจากโลกใบนี้ คุณก็ทำได้เพียงอ้อนวอนให้ฉันช่วยปลดปล่อยคุณให้จากไป”ซึ่งสอดคล้องกับเหยื่อของเธอทุกรายที่เป็นคนชราหรือคนใกล้ตาย ที่มองเห็นเธอเสมือนเทพธิดามาสวดส่งวิญญาณไปสุ่สุคติ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนระคนรุ้สึกเสียใจ แต่กลับกันในฉากนี้ด้วยน้ำเสียงและสายตาที่เย็นยะเยือก นี่คืออินเนอร์ของนักแสดงสาวที่ใช้น้อยแต่ได้มาก อันเป็นจุดขายส่วนตัวมาตลอด
สรุปภาพรวมของ Byzantium เป็นงานขายบรรยากาศและธีมที่ดี รวมถึงการเล่าเรื่องที่แตกต่างจากหนังตระกูลแวมไพร์สวัยรุ่นที่มีสโลแกน “กัดชั้นที” ที่เนื้อหาขาดสาระและรสนิยม ส่วนงานนี้ระหว่างรับชมเหมือนซึมซับอารมณ์ และมุมมองของตัวละครที่มีต่อโลกในอีกด้านหนึ่งที่ไม่มีใครปรารถนาต้องการ แม้จะน่าเสียดายที่หลายประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งกับตัวเรื่องและระหว่างตัวละครมันยังพาไปไม่สุดทางมากนัก คล้ายพาเราไปนั่งละเลียดเบียร์นุ่มๆฟังเพลงแจ๊สเพราะๆ 2ชม. 20นาที แล้วดีกรีดันไม่แรงพอให้ถึงจุดอิ่มเอมซาบซึ้ง คึกคักเฮฮา หรือรั่วปลิ้นสติแตกได้สักเท่าไหร่ แน่นอนว่าไม่เหมาะกับคนดูทั่วไปเพราะไม่ใช่เพื่อสนองความบันเทิง ..เป็นอีกงานที่บอกได้เพียงว่า “ในจุดนี้ให้ได้แค่ชอบ แต่ถ้าจะรัก.. โอกาสหน้าค่อยว่ากันดีกว่า” ^^
หนังโปรดของข้าพเจ้า
Byzantium (2012)
ดู Byzantium แล้วรู้สึกว่าผู้กำกับทำเรื่องราวที่ยังค้างคาต่อจาก Interview with the Vampire ซึ่งเราชอบโครงสร้างของหนังแวมไพร์แต่ละเรื่องที่มักเล่นกับความรู้สึกที่มีต่อชีวิตอมตะและการรักษาสถานะไว้เป็นความลับ อารมณ์และบรรยากาศในหนังแวมไพร์จึงค่อนข้างอ้างว้างมืดหม่นไม่ต่างอะไรจากหัวใจของแวมไพร์แต่ละตนซึ่ง Byzantium ของนีล จอร์แดนสามารถถ่ายทอดชะตากรรมออกมาได้อย่างลึกซึ้ง
หนังเล่าถึงชีวิตแวมไพร์สองตนที่ต้องหลบซ่อนจากการตามล่าคือ ‘คลาร่า’ (Gemma Arterton) ที่มอบชีวิตแวมไพร์ให้แก่ลูกสาววัย 16 ปีคือ ‘เอเลนอร์’ (Saoirse Ronan) จนกระทั่งได้พบชายหนุ่มผู้มอบที่พักพิงแก่ทั้งสอง แต่เอเลนอร์ซึ่งอึดอัดกับการต้องโกหกและหลบซ่อนตัวเองตลอดเวลาจึงได้แชร์ความลับแก่เพื่อนชายคนหนึ่งจนนำมาสู่เรื่องร้ายแรง
องค์ประกอบที่น่าสนใจคือโลกแวมไพร์ใน Byzantium คือการมอบอภิสิทธิ์ที่เหนือกว่าให้แก่เพศชาย เหล่าภราดรภาพคัดเลือกแต่เพศชายที่คู่ควรมาเป็นแวมไพร์ หากเป็นหญิงโสเภณีก็จะถูกดูหมิ่นแถมยังถูกจำกัดสิทธิ์ในการมอบชีวิตแวมไพร์ให้แก่ผู้อื่น โดยเมื่อคลาร่าฝ่าฝืนจึงนำมาสู่การถูกตามล่าจากเหล่าภราดรภาพ
ตัวหนังสามารถเล่าสองเส้นเรื่องได้หม่นหมองชวนสะเทือนอารมณ์ ทั้งความอึดอัดของเอเลนอร์ที่ต้องโกหกและหลบหนีตลอดเวลา กับความรักที่คลาร่ามีต่อลูกสาวคนเดียวจนยินยอมทำสิ่งต่าง ๆ มากมายเพื่อลูกสุดที่รัก หนังใช้เทคนิคแฟลชแบ็กเล่าย้อนหลังถึงจุดเริ่มต้นการเป็นแวมไพร์ผ่านจดหมายของเอเลนอร์และต่อเติมจนเต็มโดยคลาร่าได้อย่างลงตัว การค่อย ๆ เล่าย้อนหลังเช่นนี้ทำให้ช่วงท้ายของหนังที่เฉลยเรื่องราวต่าง ๆ สร้างความสะเทือนใจแก่คนดูเป็นอย่างมาก
Director: Neil Jordan (ผกก. Interview with the Vampire)
play: Moira Buffini
screenplay: Moira Buffini
Genre: horror, drama, fantasy
7.5/10
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Daybreakers (2009) วันแวมไพร์ครองโลก
Vampires (1998) รับจ้างล้างพันธุ์แวมไพร์
Vampire Academy (2014) แวมไพร์ อะคาเดมี่ มัธยม มหาเวทย์
Dark Shadows (2012) แวมไพร์ มึนยุค
Abraham Lincoln Vampire Hunter (2012) ประธานาธิบดีลินคอล์น นักล่าแวมไพร์
9.3