ดูหนังออนไลน์ใหม่2024 หนังเต็มเรื่อง ดูหนัง 2023 HDฟรี
8xbet212

Aladdin (2019) อะลาดิน

1 คะแนน

ตัวอย่าง

Aladdin (2019) อะลาดิน

KUBHD ดูหนังออนไลน์ Aladdin (2019) อะลาดิน

เรื่องย่อ

ภาพยนตรไลฟ์แอ็คชั่นสุดตื่นเต้นและมีสีสันที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นสุดคลาสสิคของดิสนีย์ “อะลาดิน” คือเรื่องราวแสนมหัศจรรย์ของเด็กหนุ่มหัวขโมยข้างถนนอย่าง “อะลาดิน” (มีนา แมสซุด) ผู้บังเอิญกลายเป็นนายของ “จีนี่” (วิลล์ สมิธ) ยักษ์ในตะเกียงวิเศษ อะลาดีนขอพรให้ตัวเองกลายเป็นเจ้าชายรูปงาม เพื่อพิชิตใจเจ้าหญิง “จัสมิน” (นาโอมิ สก็อตต์) ทว่า “จาฟาร์” พ่อมดที่ปรึกษาของสุลต่านซึ่งเป็นพ่อของจัสมิน ไม่ยอมให้แผนของอะลาดินสำเร็จง่าย ๆ เมื่อตัวเองก็หวังจะยึดอำนาจที่ล้นเหลือจากจีนี่มาเป็นของตน

ผู้กำกับ

กาย ริตชี

บริษัท ค่ายหนัง

  • วอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์
  • ไรด์แบ็ค

นักแสดง

  • วิลล์ สมิธ
  • มีนา มาซูด
  • เนโอมี สกอตต์
  • มาร์เวน เคนซาริ
  • นาวิด เนกาบาน
  • นาซิม เปเดรด
  • บิลลี แม็กนัสเซน

โปสเตอร์หนัง

KUBHD ดูหนังออนไลน์ Aladdin (2019) อะลาดิน

KUBHD ดูหนังออนไลน์ Aladdin (2019) อะลาดิน

KUBHD ดูหนังออนไลน์ Aladdin (2019) อะลาดิน

รีวิวหนัง

ทำเรื่องเล่นให้เป็นเรื่องใหญ่

รีวิว – Aladdin (2019)

ดูเหมือนว่าปีนี้จะเป็นปีแห่ง หนังภาคต่อ และ หนังรีเมค ของ Disney จริงๆ และหนึ่งในหนังที่ใครหลายคนรอคอยก็คือ Aladdin (2019) ที่รีเมคมาจากอนิเมชั่นสุดฮิตในปี 1992

Alddin คือเรื่องราวของ อะลาดีน. เด็กหนุ่มยากจนที่ตกหลุมรักเจ้าหญิงจัสมินผู้สูงส่ง แต่แล้ววันนึง เขาก็ได้รับการชักชวนโดย จาฟาร์ ผู้ใกล้ชิดของสุลต่านให้เข้าไปในถ้ำแห่งนึงที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ

จาฟาร์หวังที่จะหลอกใช้อะลาดีน.ให้นำตะเกียงวิเศษออกมาให้เขา แต่อะลาดิน.ก็กลับกลายเป็นผู้ที่ปลดปล่อย ยักษ์จินนี่ จากตะเกียงวิเศษออกมาอย่างไม่คาดฝัน และนั่นก็ทำให้เขาได้รับพร 3 ประการจากยักษ์จินนี่เป็นการตอบแทน

สารภาพเลยว่า ตอนที่เห็นตัวอย่างหนังเรื่องแล้วรู้สึกเฉยๆ มาก แถมพอได้ยินว่าเป็นหนังของ กาย ริชชี่ ก็นึกไปถึง King Authur หนังเรื่องก่อนหน้านี้ของแกที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง ก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังเรื่องนี้มากเท่าไหร่ แต่พอเข้าไปดูจริงๆ แล้วก็พบว่า มันเป็นหนังที่สนุกมากๆ ครับ

จริงๆ ตัวบทของหนังอนิเมชั่นปี 1992 ก็ถือว่าดีอยู่แล้ว และหนังเวอร์ชั่นนี้ก็ให้ความเคารพต่อต้นฉบับด้วยการรักษาพล็อตหลักๆ เอาไว้ แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือรายละเอียดต่างๆ ที่ทำให้เรื่องราวมีความร่วมสมัยมากขึ้น แถมยังตลกมากๆ อีกต่างหาก

ประเด็นที่น่าสนใจประเด็นนึงที่หนังพยายามเพิ่มเติมเข้ามาก็คือความเป็นเฟมินิสม์ ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ส่วนตัว ผมรู้สึกว่าวิธีการที่หนังใส่เข้ามามันดูหลุดๆ ไปนิดนึง เหมือนใส่เข้ามาแบบกล้าๆ กลัวๆ ไปหน่อย

พวก CG ต่างๆ นี่ก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะดิสนีย์เขาเก่งอยู่แล้วในการเนรมิตรสัตว์ต่างๆ ให้มีชีวิตขึ้นมาทั้ง เจ้าลิงอาบู เจ้าเสือราชา และเจ้านกแก้วอิอาโก้ แถมเรื่องนี้ยังมี พรมวิเศษ ที่เป็นตัวละครสำคัญในเรื่องอีกตัว อาบูกับพรมนี่เรียกได้ว่าเป็นตัวสร้างสีสันสำคัญของเรื่องนี้เลย

แต่ส่วนที่ผมประทับใจเป็นพิเศษก็น่าจะเป็นฉากแอ็คชั่นที่ทำออกมาได้สร้างสรรค์ โดยเฉพาะพวกฉากไล่ล่าต่างๆ ที่มันจะให้อารมณ์ต่างจากในอนิเมชั่น ซึ่งตรงจุดนี้เราว่าวิสัยทัศน์ของ กาย ริชชี่ น่าจะมีส่วนมากที่ทำให้ฉากแอ็คชั่นต่างๆ มันดูพิเศษขึ้นมาแบบนี้

และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ยักษ์จินนี่ ในเวอร์ชั่น วิลล์ สมิธ ซึ่งส่วนตัวแล้ว เรารู้สึกว่ามันเป็นการแสดงที่มีเสน่ห์มากๆ เหมือนเราไม่ค่อยได้เห็น วิลล์ สมิธ ในโหมดเฮฮาแบบนี้มานานพอสมควรแล้ว เพราะช่วงหลังๆ แกจะหันไปเล่นหนังเครียดๆ ซะเยอะ

รวมๆ แล้ว Aladdin เวอร์ชั่นนี้ก็ทำออกมาได้น่าพอใจมากๆ ครับ เรียกได้ว่ามันเป็นจุดสมดุลที่ดีของการรักษาเสน่ห์แบบเก่าๆ และการเพิ่มไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆ เข้าไป และมันก็เป็นหนังที่ดูแล้วมีความสุขมากๆ อีกเรื่องนึง

Kanin The Movie

ALADDIN (2019) การผจญภัยสุดขรุขระที่แสนเพลิดเพลิน

ไม่ว่าจะร้ายดียังไงก็แล้วแต่ ภาพยนตร์ของ กาย ริชชี่ มีส่วนที่ทำให้เราสนุกและเอนจอยอยู่เสมอ ไม่นับผลงานที่เราบันเทิงสุดขีดอย่าง Lock, Stock and Two Smoking Barrels / Snatch / Sherlock Holmes ผลงานที่เราไม่ได้ชอบมากๆอย่าง The Man from U.N.C.L.E. / King Arthur: Legend of the Sword / RocknRolla ก็ยังจัดว่าเป็นหนังที่เราเพลิดเพลินอยู่ไม่น้อย ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นดีเทลบางส่วนในเรื่องที่ดึงดูดให้เราชอบและประทับใจ และหลายๆครั้งก็เผลอกลบข้อเสียส่วนอื่นของภาพยนตร์ด้วย เช่นเดียวกับ Aladdin แน่นอนว่ามันไม่ใช่ภาพยนตร์เพอร์เฟ็คสมบูรณ์แบบ หนังเต็มไปด้วยข้อเสียหลายๆอย่าง และหลายๆพักที่ชวนเบือนหน้าหนี แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าจังหวะที่หนังสนุก มันก็สนุกโคตรๆจนเราชอบและรู้สึกดีเช่นกัน
.
สิ่งที่มีเสน่ห์และเราสนุกใน Aladdin คือบรรดามุกและเคมีตัวละครของ จีนี่-อะละดิน-พรมวิเศษ และเจ้าลิง จริงๆก็เหมือนตอนดูหนัง กาย ริชชี่ เรื่องอื่นๆ พวกเคมีตัวละคร มุกตลก วิธีการสร้างความสัมพันธ์มันมีเสน่ห์และบันเทิงเริงใจมาแต่ไหนแต่ไร การผจญภัยไปด้วยกันของสี่ตัวละครนับว่าเป็นอะไรที่สนุกมาก เพราะมันเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ และทริคต่างๆที่คนทำพยายามจะโยนเข้ามาตลอดเวลา การรับส่งมุก การเขียนคอนฟลิกต์ตัวละคร ไปจนถึงคลายปม นับว่าเป็นอะไรที่โอเคเลย (ซึ่งก็ตลกดีที่ตัวละครสำคัญและดึงดูดหนัง ไม่ใช่มนุษย์ไปแล้ว 3 ตัวละคร) เราว่าอาจจะเพราะตัวการเล่าเรื่องเองมันไม่สนุกด้วย พาร์ทนี้มันเลยเป็นเวย์ที่เราเอนจอยมากกว่า (ซึ่งไม่รู้ว่าเขารู้ตัวหรือไม่ เพราะจริงๆหนังเล่าเรื่องไวพอสมควรเลย)

เราคิดว่าฉากมิวสิคัลมันไม่ได้หวือหวามาก ที่จะโดดเด่นจริงๆอาจจะเป็น Visual Design มากกว่า โดยเฉพาะซีนเพลง Friend Like Me ในถ้ำนี่บ้าบอคอแตกมาก มันทั้งกาว ทั้งสนุก และสร้างความสุขได้อย่างไม่น่าเชื่อ (หลังจากก่อนหน้านั้นแทบจะหลับไปแล้ว) ซึ่งจริงๆส่วนหนึ่งก็ต้องชม วิลล์ สมิธ ด้วย ตอนเห็นแกครั้งแรกในคลิปโปรโมทนี่แอบตะหงิดๆใจ แต่พอได้มาดูจริงๆต้องบอกว่าแกนี่แหละ เดอะแบกหนัง ของจริง เกินกว่า 70% ที่เราสนุกกับ Aladdin มาจากตัวละครของเขา (จีนี่) แม้ว่ามันจะเป็นเวอร์ชั่นที่ วิลล์ สมิธ เล่นเป็น วิลล์ สมิธ แต่เราว่าการตัดสินใจดังกล่าวค่อนข้างเวิร์คเลยทีเดียว เมื่อเอาไปคราฟต์กับส่วนอื่นๆที่มีการผสมผสานวัฒนธรรม ศิลปะ ต่างๆเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะการหยิบความเป็นโลกร่วมสมัยเข้าไปไว้ในหนัง การมีอยู่ของ จีนี่ เวอร์ชั่น วิลล์ สมิธ จึงสอดรับกับความต้องการนี้ได้ดี คือเขาสามารถเล่นเป็นทั้ง จีนี่ และเล่นเป็นทั้งตัวเองได้ในหนังเดียวกันไปเลย ซึ่งไม่ว่าจะทางไหนเราก็สนุกนั่นแหละ
.
เรื่องเพลงไม่แน่ใจว่ามีเพิ่มเติมหรือดัดแปลงจากเวอร์ชั่นก่อนมากแค่ไหน แต่เหมือนจะมีเพลง Speecless ของ นาโอมิ สก็อตต์ มั้งที่เป็นเพลงใหม่และได้กระแสมากๆ เพราะนอกจากมันจะมีสารทางการเมืองที่น่าสนใจ ตัวเพลง ตัวดนตรี เองก็ร่วมสมัยมากๆประหนึ่งดูหนังเพลงในโลกปัจจุบันเลย (ซึ่งตอนดูไม่ได้รู้สึกว่าแปลกนะ เพราะมันคราฟต์มาเยอะแล้วก่อนหน้า ที่แปลกๆจริงคือการกำกับของ กาย ริชชี่ มากกว่า รู้สึกว่าฉากมิวสิคัลแทบจะไม่หวือหวาและสวยงามเลย)

โดยรวม Aladdin เป็นหนังที่เราสนุกและเอนจอยมากๆระดับหนึ่ง เราจะไม่บอกว่าหนังดี หรือยอดเยี่ยม เพราะมันเต็มไปด้วยแผลที่เยอะแยะชัดเจนไปหมด (ตั้งแต่การเล่าเรื่อง ไปจนถึงการเขียนตัวละคร) แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความแพรวพราวเฉพาะตัวของ กาย ริชชี่ ทำให้หลายๆส่วนของเรื่องสนุกเป็นบ้าได้อย่างเหนือความคาดหมาย ความกาว ความจังหวะนรก และลีลากวนตีนสารพัดต่างๆถูกใส่เข้ามาในหลายๆซีนจนสนุกและชวนปรบมือให้ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย ซึ่งก็ต้องแลกมาด้วยส่วนอื่นๆที่ไม่ค่อยสนุกสนานเท่าไหร่นัก กระนั้น โดยรวมสำหรับเรามันก็เป็นหนัง Live Action จากดิสนีย์ที่เราบันเทิงเป็นอันดับต้นๆเลยนะ คือมันอาจจะไม่ใช่หนังที่รักที่สุด แต่ถ้าจัดในหมวดสนุกสุดๆนี่อย่าไปยอมใครเลย – หนังเข้าฉายแล้ว ไปดูกันได้เลยครับ
.
p.s. เราเคยดู อะละดิน ไปนานมากๆแล้วจนแทบจำอะไรไม่ได้นอกจาก อะละดิน ตะเกียง และ จีนี่ ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับตัวหนังหรอก เพียงแต่บทความที่เขียนออกมาจะไม่ได้ใช้โครงสร้างการเปรียบเทียบนัก เผื่อใครๆสงสัยว่าเราประทับนู่นนี่กับหนัง (โดยเฉพาะมุกตลก) ทั้งที่ฉบับแอนิเมชั่นก็มี ให้เข้าใจว่าการดู อะละดิน ครั้งนี้เหมือนเป็นหนังสดใหม่ 100% สำหรับเราเลย

ALADDIN (dir. Guy Ritchie) -7/10

หนังโปรดของข้าพเจ้า

Aladdin (2019) เข้าฉายแล้ววันนี้

ดิสนี่ย์ยังคง play safe มาก ๆ กับวัตถุดิบดั้งเดิมของตัวเอง ถึงแม้จะใช้ผู้กำกับที่แอบมีลูกบ้าพอสมควร เราคิดว่าการที่ดิสนีย์ดึง กาย ริชชี่ มากำกับอะลา ดินคงไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าการมองหาผู้กำกับที่มีรสนิยมทำตัวละครตลกเกินเบอร์ได้ ซึ่งความช่างจ้อ non-stop ของจีนี่ก็ดูเหมาะสมกันดีกับวิล สมิธ ที่อยู่ในหนังของกาย ริชชี่ แล้วล่ะ โปรดักชั่นและการออกแบบเครื่องแต่งกายยังคงเป็นอะไรที่ไว้ใจทุนสร้างและความสามารถของดิสนี่ย์ได้เสมอ อันนี้เด่นชัดในหนังทุกเรื่อง ส่วนตัวเชียร์ให้เครื่องแต่งกายไปไกลถึงรางวัลออสการ์ด้วย นอกนั้นเนื้อหาบางส่วนก็ปรับปรุงให้เข้ากับค่านิยมสมัยใหม่ โดยเฉพาะบทของเจ้าหญิงจัสมิน ที่ดูเป็นหญิงสาวรอบรู้พึ่งพาตัวเองได้และสามารถเรียกร้องสถานะตัวเองให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำการปกครองถ้าหากสุลต่านเห็นสมควร แต่ที่ดีงามหน่อยคงต้องยกให้แคสต์หลักที่มีเชื้อสายอาหรับและเอเชียกลางกันหมดเลย (อะลาดิ นเป็นลูกครึ่งอียิปต์-แคนาดา, จัสมิน เชื้อสายแองโกล-อินเดียน, จาฟาร์ เป็นดัตช์-ตูนิเซียน, สุลต่านกับดาเลีย เป็นนักแสดงครึ่งอเมริกัน-อิหร่าน, และทหารองครักษ์ เชื้อสายเตอร์กิช-เยอรมัน)
.
‘จัสมิน’ (Naomi Scott) เป็นเจ้าหญิงที่ไม่มีโอกาสได้ออกไปเห็นโลกภายนอกวัง เธอแอบหลบหนีออกมาสำรวจตลาด แต่โชคร้ายที่ความน้ำใจงามหยิบขนมปังของพ่อค้าไปแจกเด็ก ทำให้เธอถูกพ่อค้าเรียกเก็บกำไลแทนเงิน โชคดีที่ ‘อะลา ดิน’ (Mena Massoud) หัวขโมยจิตใจดีในตลาดช่วยเหลือออกมาได้ ทั้งคู่ชอบพอกันตั้งแต่เจอกันครั้งแรกโดยที่อะลา ดินไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าหญิง แต่ในการเจอกันครั้งที่สองที่เขาแอบลักลอบเข้าวังเอาของไปคืนเธอ ทำให้เขาถูก ‘จาฟาร์’ (Marwan Kenzari) จับตัวเอาไว้ได้ โดยจาฟาร์ได้ยื่นข้อเสนอให้ขโมยตะเกียงวิเศษออกมาแลกกับทรัพย์สินเงินทองในการพิชิตใจเจ้าหญิงจัสมิน ซึ่งอ ะลา ดินก็ตอบรับข้อเสนอดังกล่าว
.
เรามองว่าดิสนี่ย์ทำ Aladdin ฉบับ live-action ออกมาเพียงเพื่อต้องการหล่อเลี้ยงแบรนด์ตัวเองให้เข้ากับยุคสมัยและต่อยอดกับผู้ใหญ่ที่โตมากับแอนิเมชั่นดิสนี่ย์ยุค 90’s ที่อาจจะเป็นวัยให้กำเนิดเด็กรุ่นใหม่มากกว่า เพราะถ้าเป็นกลุ่มเด็กไปเลยจะเห็นว่าดิสนี่ย์ยังคงทำเป็นแอนิเมชั่นตัวละครใหม่แบบ Frozen, Moana ที่มีความสดกว่า หนังเลยออกมาในโทนค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ไม่แตะต้องเส้นเรื่องดั้งเดิมให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากนัก ประมาณว่าอะไรที่ดีและครองใจผู้ชมอยู่แล้วก็ไม่ต้องไปบิดหรือลองเปลี่ยนน่ะแหละ แค่ปรับปรุงเรื่องเฟมินิสต์ตามยุคสมัยให้เหมาะสม เราอาจจะไม่ได้หัวเราะอะไรกับลูกบ้าของวิล สมิธ สักเท่าไร แต่คิดว่าเขาสอบผ่านกับบทจีนี่ได้สบาย ส่วนความเป็นละครเพลงของหนังก็ทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดไว้ บันเทิงบนโปรดักชั่นสมทุนสร้าง และเพลง A Whole New World ในหนังก็ช่างเข้ากับจัสมินที่ไม่ได้เปิดหูเปิดตานอกวังจนกระทั่งได้ขึ้นพรมวิเศษไปท่องเมืองใหญ่ ส่วนใครจะอินกับหนังระดับไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง

Director: Guy Ritchie (ผู้กำกับ Snatch, The Man from U.N.C.L.E., Sherlock Holmes)

screenplay: John August, Guy Ritchie

Genre: adventure, fantasy, musical, romance

7/10

ขอบสหนัง

ขอบสหนังรีวิว

Aladdin 2019
.
*จุดเด่น

เราคิดว่าหนังคงคล้ายๆกับการ์ตูน แต่เอาเข้าใจผิดไปจากความรู้สึกในทีแรก กาย ริชชี่ วางพล็อตเรื่องให้หนังดูมีสีสัน เน้นรอยยิ้มสร้างหัวเราะให้คนดู การเล่าเรื่องน่าทึ่งใช้เสน่ห์ของเพลงและวัฒนธรรมอาหรับลงไป มันทำให้หนังน่าตื่นเต้นแทบทุกฉาก ยากที่จะคาดเดา เพลงที่สอดประสานในแต่ละซีนมันไพเราะมีความลงตัวจนยากที่จะหาคำอะไรมาตำหนิ ขณะที่ปรากฏตัวระหว่างยักษ์จินนี่ ที่ได้มาพบกับอะลาดดิน นี่แหละตัวสร้างความบันเทิงให้คนดูอย่างแท้จริง ซีนนี้ลากยาวและขอยกให้เป็นไคล้แมกซ์ของเรื่องมากกว่าตนจบของหนัง หรือแม้กระทั่งฉากพบรักระหว่างพระนางของเรื่อง
สิ่งที่ชอบ 2 จุดที่ประทับใจฉากในเมืองอาหรับนี่แหละ รู้สึกว่ากาย ริชชี่ จะใส่ใจทุกรายละเอียดในการปลุกเสกให้เมืองอาหรับในเรื่องให้มีอยู่จริง ภาพในหนังมันสวยงามมาก เห็นแล้วอยากไปเที่ยวเลย ส่วนอีกข้อคือมิตรภาพระหว่างอะลาดดิน และยักษ์จินนี่ ที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แย่แค่ไหน แต่พวกเขาพร้อมจะยืนหยัดช่วยทีมอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ มันทำให้รู้สึกว่าไม่ได้แค่เป็นเจ้านายและลูกน้อง
.
*นักแสดง

เราชื่นชมกาย ริชชี่ ผู้กำกับที่พยายามเฟ้นหาคนที่มีเชื้อสายมุสลิมมาเล่นหนังเรื่องนี้ เพราะบทนำทุกอย่างมันลงตัวมากๆ ทั้งการแสดงที่ตีบทแตกและการร้องเพลงที่คีย์แมนสำคัญของเรื่องร้องได้ไพเราะ

มีนา มาสซูด พ่อหนุ่มแคนาเดียนเชื้อสายอียิปต์ผู้รับบทอะลาดดิน ที่ดูแล้วพี่แกคงแจ้งเกิดในโลกมายาได้ไม่ยาก เพราะเข้าถึงบทบาทดูเนียนตา เป็นหัวขโมยที่มีครบหลากหลายอารมณ์ซื่อบื้อ, ยอดนักรัก, นักเต้น เพียรพยายามเพื่อพิชิตใจเจ้าหญิง แม่งดูมีคุณค่ามากๆ

นาโอมิ สก็อตต์ เจ้าหญิงจัสมิน สารภาพบาปเลยว่าผมตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้เขาให้แล้ว เธอสวยมีเสน่ห์ สง่างามจนไม่รู้จะหาคำอะไรมาพรรณา ยิ่งการสวมชุดเป็นเจ้าหญิง ทำให้เรารู้สึกว่าเธอแม่งออกมาจากนิยาย ส่วนในเรื่องการแสดงชีไม่ทำให้ผิดหวังบอกเลย

วิลล์ สมิธ ถ้าจะบอกว่าความกวนตีนบทบาทยักษ์จินนี่แบกเรื่องก็คงจะไม่ผิดหนัก การแสดงของคุณพี่นั้นหายห่วงอยู่แล้ว เนรมิตได้ทุกสรรพสิ่งแถมมีมุกกวนๆออกมาได้ตลอดเวลา เข้าขากับพ่อหนุ่มมาสซูดได้ลงล็อกพอดิบพอดี

มาร์วาน เคนซาริ บทบาทจาฟาร์อาจน้อยไม่ได้ดูเลวเป็นตัวร้ายมากหนัก แต่บทบาทตัวโกงจอมโลภของพี่แกช่วงท้ายที่แสดงฤทธิ์เดชออกมา พอหักล้างบทบาทที่ไม่ได้เยอะมากของพี่แกลงไปได้

*จุดด้อย

ตัวร้ายของเรื่องแม่งบทบาทไม่ได้เยอะอะไรเลย ช่วงแรกแค่นำพาอลาดดินไปเอาตะเกียงวิเศษ หลังจากนั้นบริบทพี่แกดูดร็อปลงไป มาเด่นอีกทีก็ต้องท้ายเรื่องนี่แหละ โดยรวมแล้วเป็นตัวโกงที่ถูกเขียนสคริปมาแค่นั้น เราไม่รู้สึกว่านี่แม่งเป็นตัวร้ายของหนังดิสนีย์ที่น่าเกรงขาม จุดเปราะบางอีกเรื่องหนึ่งคืออยากเห็นการผจญภัยของอะลาดดิน ซึ่งขาดหายไป หนังไปเน้นในเรื่องความสนุกผสมผสานกับความเป็นมิวสิคเคิลแทน

สรุป : ไม่รู้คัดสรรคำอะไรให้มากความ ตัวหนังดูสนุก นักแสดงเข้าถึงบทบาท บทเพลงไพเราะการดำเนินเรื่องทุกอย่างลงตัวหมดจด ขอยกให้เป็นหนังดีเรื่องหนึ่งจากฝั่งดิสนีย์ไปเลยละ

8/10

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

The New Adventures of Aladin (2015)

Aladdin and the King of Thieves (1996)

Aladdin The Return of Jafar (1994

Aladdin (1992) อะลาดินกับตะเกียงวิเศษ

Moana (2016) ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้

แสดงความคิดเห็น

แชร์

หนังอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ดูหนังออนไลน์ 2023

เว็บดูหนังมาแรงในตอนนี้ สามารถดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง ที่มีคุณภาพที่สุดในตอนนี้ ไม่มีโฆษณามารบกวนใจ อีกทั้งมีหนังมากมายมาให้เลือกชม มากมายกว่า 10,000 เรื่อง ที่นี่มีหนังใหม่2023 จากค่ายดังทุกค่ายมาให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างรวดเร็ว ไม่ว่า Netflix, Disney+, Viu , DC , Marvel ทำให้ท่านได้รับความสนุกเพลิดเพลินเหมือนได้รับชมอย่างสมจริงทั้งภาพที่คมชัดระดับ Full HD และเสียงภาพยนตร์ที่คมชัดมากที่สุด

ดูหนัง Netflix หนังใหม่

อ่านต่อที่นี่