ดูหนังออนไลน์ใหม่2024 หนังเต็มเรื่อง ดูหนัง 2023 HDฟรี
8xbet212

The Green Mile (1999) ปาฏิหาริย์แดนประหาร

ให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้

ตัวอย่าง

The Green Mile (1999) ปาฏิหาริย์แดนประหาร

KUBHD ดูหนังออนไลน์ The Green Mile (1999) เต็มเรื่อง ปาฏิหาริย์แดนประหาร

เรื่องย่อ

งานของเอดจ์คอมบ์และพัศดีคนอื่นๆคือ การดูแลนักโทษประหารที่รอการเดินทางผ่านกรีนไมล์ ไปสู่เก้าอี้ไฟฟ้า เขารู้สึกผูกพันกับ จอห์น ค็อฟฟี่ (ไมเคิล คลาร์ก ดันแดน) นักโทษร่างยักษ์ผิวดำที่ต้องคดีฆาตกรรมเด็กหญิงสองคน ค็อฟฟี่เป็นคนรักสงบ จิตใจอ่อนโยน และกลัวความมืด เอดจ์คอมบ์เองเป็นโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ค็อฟฟี่ได้ตะปบไปที่เป้ากางเกงของเขา และโรคก็หายเป็นปลิดทิ้ง พัศดีคนอื่นๆก็ได้รับปาฏิหาริย์นี้จากค็อฟฟี่เข่นกัน ทำให้ทุกคนรู้สึกดีและผูกพันกับค็อฟฟี่ ค็อฟฟี่ได้ช่วยเหลือเมลินดา (แพทริเซีย คาร์กสัน) ภรรยาที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายของ ฮัล มัวร์ส หัวหน้าพัศดี (เดวิด มอส) จนหายในที่สุด แต่ท้ายที่สุดค็อฟฟี่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงโทษประหารได้ นั่นทำให้เอดจ์คอมบ์และพัศดีทุกคนต้องหลั่งน้ำตา และจดจำค็อฟฟี่ไปตลอดชีวิต..

ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนัง เรื่อง The Green Mile (1999) ปาฏิหาริย์แดนประหาร หนังประเภท Biography ชีวิตจริง เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000  ดูหนังออนไลน์ เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS

ผู้กำกับ

แฟรงก์ ดาราบอนต์

บริษัท ค่ายหนัง

คาสเซิล ร็อค เอนเตอร์เทนเมนต์

นักแสดง

  • ทอม แฮงค์
  • ไมเคิล คลาร์ก ดันแคน
  • เดวิด มอส
  • บอนนี่ ฮันต์
  • เจมส์ ครอมเวลล์
  • ไมเคิล เจเตอร์
  • แซม ร็อคเวลล์
  • แบร์รี เป๊ปเปอร์
  • ดัก ฮัตจิสัน
  • แพทริเซีย คาร์กสัน
  • แกรี ซีนิส (นักแสดงรับเชิญ)

โปสเตอร์หนัง

ปาฏิหาริย์แดนประหาร - วิกิพีเดีย

The Green Mile (1999)

The Green Mile (1999)

รีวิวหนัง

ฉันชอบดูหนัง

The Green Mile (1999) เรื่องราวของ “พอล” หัวหน้าผู้คุมนักโทษประหาร ทำงานในที่ที่เรียกว่า กรีนไมล์ เส้นทางสีเขียวที่นักโทษใช้เดินทางออกจากห้องขังไปสู่เก้าอี้ไฟฟ้า เขามีปัญหาระบบทางเดินปัสสาวะ ฉี่แสบขัดคอยกวนใจ

วันหนึ่งมีนักโทษประหารผิวสีร่างยักษ์ “จอห์น ค็อฟฟี่” ลักษณะดูโหดเหี้ยม น่ากลัว เขาต้องโทษประหารในคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิง 2 คน แต่เมื่อเหล่าพัศดีได้สัมผัสกับนิสัยจริงๆ กลับประหลาดใจถึงความอ่อนโยนภายใจจิตใจ ที่ดูตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ภายนอก ยิ่งไปกว่านั้น จอห์น ค็อฟฟี่ ได้ช่วยให้พอลหายจากอาการฉี่แสบขัดได้ และช่วยเหลือชีวิตคนอื่นได้อย่างน่าอัศจรรย์ ราวปาฏิหาริย์… แต่สุดท้ายเขาก็ต้องรับโทษประหาร

เป็นหนังดราม่า แฟนตาซี สร้างจากนิยายของ Stephen King มีความยาวถึง 3 ชั่วโมง นำแสดงโดย ทอม แฮงส์ เจ้าพ่อหนังรางวัล ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้งหมด 4 สาขา บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม, หนังยอดเยี่ยม และนักแสดงสบทบชายยอดเยี่ยม (ไมเคิล คลาร์ก ดันแดน ปัจจุบันเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ปี 2012)

หนังเหมือนจะดูง่าย แต่ก็แอบมีอะไรให้ตีความอยู่บ้าง เป็นหนังคุณภาพอีกเรื่องที่ทุกคนควรดู บางทีเรื่องราวในหนังก็ไม่ต่างกับชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นการมองคนที่รูปลักษณ์ภายนอก การเชื่อในสิ่งที่เรายังไม่รู้ความจริง การถูกตัดสินความผิดในสิ่งที่เราไม่ได้กระทำ The Green Mile มีความเสียดสีสิ่งเหล่านั้น เป็นหนังที่เรียบง่าย แต่ซึ้งกินใจ อาจทำให้คุณเสียน้ำตาได้ ไม่อยากให้พลาดหนังดีๆ แบบนี้ ❤️

ฉันชอบดูหนัง

The Green Mile (1999) ปาฏิหาริย์แดนประหาร

“แค่เป็นคนผิวสีก็ผิดไปครึ่งหนึ่งแหละ”

เป็นภาพยนตร์ดราม่าแฟนตาซีของผู้กำกับแฟรงก์ ดาราบอนต์ ผู้ที่เคยสร้างความประทับใจให้กับพวกเรามาแล้วใน The Shawshank redemption (1994) หรือจะเป็นผลงานปวดตับอย่าง The mist (2007) โดยกรีนไมล์นั้นได้ถูกดัดแปลงมาจากนิยายของ สตีเฟน คิง ในชื่อเดียวกัน แถม แฟรงก์ ดาราบอนต์ ยังได้เจ้าตัวต้นฉบับมาช่วยเขียนบทอีกด้วย ด้านนักแสดงก็ได้ ทอม แฮงค์ มารับบทเป็นผู้คุมและได้ ไมเคิล คลาร์ก ดันแคน มารับบทเป็นนักโทษประหาร

เรื่องย่อ : พอล เอดจ์คอมบ์ อดีตพัศดีในบ้านพักคนชราเล่าเรื่องความหลังของตนในปี ค.ศ. 1935 สมัยยังทำงานเป็นพัศดี ในยุคของการกดขี่ด้านชนชั้นและสีผิว งานของเอดจ์คอมมบ์และพัศดีคนอื่น ๆ คือการดูแลนักโทษประหาร ที่รอการเดินทางผ่านเส้นทาง ที่เรียกว่า กรีนไมล์ ทางเดินสีเขียวที่นักโทษใช้เป็นทางเดินออกจากห้องขังไปสู่เก้าอี้ไฟฟ้านักโทษทุกคนล้วนแต่สำนึกในโทษของตัวเองแล้วทั้งนั้น และมีชีวิตอยู่เพื่อรอวันสุดท้าย ทำให้พัศดีทุกคนล้วนแต่เห็นใจและผูกพันกับนักโทษทุกคน
โดยเดอะกรีนไมล์ ถือเป็นภาพยนตร์ของแฟรงก์ที่ประสบความสำเร็จในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านพาณิชย์ที่สามารถทำเงินทั่วโลกไป 290 ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้างที่สูงไม่ใช่เล่นถึง 60 ล้านดอลลาร์ และในด้านรางวัลก็ไม่น้อยหน้า..จากการถูกเสนอเข้าชิงออสการ์ถึง 4 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , นักแสดงสมทบยอดเยี่ยม , ลำดับเสียงยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม แต่ The Green Mile ก็ตามรอยหนังรุ่นพี่อย่าง The Shawshank redemption โดยการไม่สามารถชนะรางวัลอะไรได้เลยสักสาขา (ซึ่งหนังรุ่นพี่ชิง 7 ได้ 0 หนังรุ่นน้องชิง 4 ได้ 0 )

เดอะกรีนไมล์มันทำให้ได้เห็นอะไรหลายๆอย่างทั้งเรื่องของคนผิวสี ที่ในปัจจุบันกำลังเรียกร้องสิทธิ์กันอย่างเต็มที่จากกรณีที่ดังไปทั่วโลก… พอเราได้กลับมาดูเรื่องนี้อีกครั้ง ก็พบว่ากระบวนการทางกฏหมายไม่ว่าจะที่ไหนมันช่างไม่มีความยุติธรรมเลยแม้แต่นิดเดียว แค่การเป็นคนนผิวสีก็ผิดไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไม่ต้องสืบสวนต่อห่าอะไรเลยคุณก็สามารถผิดได้ เพียงเพราะผิวสีที่ต่างกัน ทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องนึงที่เคยดูอย่าง To Kill a Mockingbird หนังในยุค 60 ที่เล่าถึงคนผิวสีที่ต้องขึ้นศาล (ว่างๆเดี่ยวจะมารีวิว) ไม่ว่าจะมีหลักฐานหรือพยานเมื่อคุณเป็นคนผิวสี…อย่างไรคุณก็ผิดอยู่ดี…

ถ้าใครอยากดูเรื่องนี้…ข้อแรกที่ต้องทำคือ..ต้องมี ” เวลา ” เนื่องจากตัวหนังมีความยาวมากกว่า 3 ชั่วโมง ถ้าคุณไม่ว่างจริงอย่าพึ่งรีบดูเดี่ยวมันจะเสียอารมณ์ร่วมกับหนัง… เพราะถ้าเราดูตั้งแต่ต้นจนจบคุณจะเก็ทกับหลายๆสิ่งที่มันพยายามจะสื่อสารกับเราและจะเข้าใจตัวละครได้มากขึ้น… ถึงบางทีมันจะเสียความรู้สึกจนโกรธเคืองการกระทำของบางตัวก็ตาม…
ด้านบทภาพยนตร์ถือว่าดูง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ นึกว่าจะซับซ้อนแต่ไม่เลย… เพราะหนังมันเล่าแบบตรงไปตรงมาอยู่ตลอด แถมยังมีเซอร์ไพรซ่อนเราไว้ไม่ต่างจากผลงานอื่นๆของแฟรงก์ที่เคยดู… และแน่นอนว่าถ้าหนังมันยาวแบบนี้ การดำเนินเรื่องบางช่วงมันก็ต้องอืดเป็นธรรมดา แต่มันแค่บางจังหวะเท่านั้นที่ผมคิดว่าน่าเบื่อ
ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ดราม่า แต่จริงๆแล้วมันสื่อออกมาทางมิตรภาพเสียมากกว่า ทั้งความสัมพันธ์ของเหล่านักโทษกับผู้คุมที่ดูจะเป็นมิตรกันเสมอเนื่องจากชีวิตนักโทษมันไม่เหลืออะไรแล้ว ได้แต่นอนรอวันประหารเท่านั้น จนมีหลายฉากทีเศร้ามาก เพราะหนังมันปูมาให้ผู้คุมกับนักโทษเป็นเหมือนเพื่อนกันจนวันสุดท้ายที่เดินเข้ากรีนไมล์ หนังมันช่างทำร้ายเราได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเสียจริงๆ

ด้านการแสดง : ถึงหนังจะได้พี่ทอมแฮงส์มาแสดงนำ แต่ก็ไม่อาจที่จะกลบการแสดงชั้นยอดของนักโทษคนนี้ไปได้ ไมเคิล คลาร์ก ดันแคน เขาแสดงดีจนทางเวทีออสการ์ต้องแสดงชื่อพี่แกเข้าชิงในปีนั้นเลยทีเดียวกับสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม

ด้านงานดนตรีประกอบก็ได้ โทมัส นิวแมน มาประพันธ์เพลง ทำให้บรรยากาศในแดนประหารแห่งนี้ดูดีขึ้นและทำให้โทนหนังไม่เครียดจนเกินไป โปรดักชั่นก็ถือว่าทำงานออกมาได้ดูสมจริงในหลายๆอย่าง ทั้งแดนประหาร หรือแม้แต่ในห้องประหารกับเก้าอี้ไฟฟ้า

ตอนจบ : มันเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบการกระทำแบบนี้ของตัวละครเลยแม้แต่น้อย ถึงจะเข้าใจแต่ว่า… “ไม่ชอบโว้ย!!” แต่นี้และหนังน๊า…ของแฟรงก์กับสตีเฟน คิงมันต้องมีอะไรแบบนี้อยู่เสมอ แต่ถ้าเอาจริงๆมันน่าจะพอมีทางแก้ไขกับเหตุการณ์แบบนี้ แถมมันยังสะท้อนให้ถึงกระบวนการยุติธรรมในสมัยนั้นอีกด้วย….ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับสมัยนี้เท่าไร สุดท้ายคนที่รับกรรมไปก็ไม่ใช่ใครที่ไหน….มันคือความผิดของทุกคนที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น… ถ้าเป็นผม ผมก็คงตัดสินใจลำบากมากเช่นกัน…

ถ้าถามว่าหนังมันเศร้าจนร้องไห้ไหม… ผมบอกเลยว่าผมมันสายแข็ง… แต่ก็มีรินไหลในช่วงท้ายแค่นิดหน่อย มันไม่ได้เกิดจากความเศร้าเพียงอย่างเดียว แต่มันช่างหดหู่ยิ่งหนักและอีกใจก็สงสารเช่นกัน….

สรุปมันเป็นหนังที่รู้สึก เศร้า หดหู่ แต่ระหว่างทางมันเต็มไปด้วยมิตรภาพของกันและกัน สุดท้ายคุณอาจจะเสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้ก็เป็นได้ ใครที่ชอบ The shawshank redemption หรือชอบแนวดราม่า รับรองเรื่องนี้ไม่ผิดหวังแน่

คะแนน 9/10

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

The Shawshank Redemption (1994) มิตรภาพ ความหวัง ความรุนแรง

Green Book (2018) กรีนบุ๊ค

Saving Private Ryan (1998) ฝ่าสมรภูมินรก

Valentin (2002)

แสดงความคิดเห็น

แชร์

หนังอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ดูหนังออนไลน์ 2023

เว็บดูหนังมาแรงในตอนนี้ สามารถดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง ที่มีคุณภาพที่สุดในตอนนี้ ไม่มีโฆษณามารบกวนใจ อีกทั้งมีหนังมากมายมาให้เลือกชม มากมายกว่า 10,000 เรื่อง ที่นี่มีหนังใหม่2023 จากค่ายดังทุกค่ายมาให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างรวดเร็ว ไม่ว่า Netflix, Disney+, Viu , DC , Marvel ทำให้ท่านได้รับความสนุกเพลิดเพลินเหมือนได้รับชมอย่างสมจริงทั้งภาพที่คมชัดระดับ Full HD และเสียงภาพยนตร์ที่คมชัดมากที่สุด

ดูหนัง Netflix หนังใหม่

อ่านต่อที่นี่